นิทานเรื่องยายผู้ไม่ยินดีในวิมาน
โดย Yongyod 1 พ.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 17470
นิทานเรื่องยายผู้ไม่ยินดีในวิมาน
มีนิทานเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของยายคนหนึ่ง แกทำบุญสร้างโบสถ์ วิหาร สร้างวัด ให้ทานแก่บุคคล ถวายเครื่องอุปโภค บริโภคแด่พระสงฆ์จำนวนมาก มีครั้งหนึ่งเทวดาท่านดลบันดาลให้ยายได้เห็นวิมาน อาหารที่เป็นทิพย์ พร้อมทั้งบริวารที่รอยายอยู่บนสวรรค์ และบอกกับยายว่า นี่คือวิมานของยาย นี่คืออาหารของยาย นี่คือบริวารของยาย เมื่อยายตายจากโลกมนุษย์แล้ว วิมานนี้ อาหารนี้ พร้อมทั้งบริวารเหล่านี้จะเป็นของยาย ด้วยหวังจะให้ยายยินดี แต่ยายกลับไม่ได้รู้สึกยินดีกับวิมาน อาหาร พร้อมทั้งบริวารเหล่านั้นเลย เพราะยายเข้าใจในพระธรรม รู้ซึ้งในพระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างดี ยายเห็นความ "ไม่เที่ยง" ยายเห็นว่าแม้แต่พรหมชั้นสูงสุด ที่มีอายุยาวนานถึง ๘๔,๐๐๐ มหากัป พระพุทธเจ้าท่านก็เรียกว่า “ท่านผู้มีอายุ" คือยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป เมื่อหมดอายุก็ต้องจุติ (ดับ ตาย) จากภพนั้นและมีกำเนิดในภพอื่นต่อไป ยายเห็นว่า ความสุขนั้นเป็น "วิปรินามธรรม ที่สามารถแปรเปลี่ยนกลับเป็นทุกข์ได้" ยายรู้ดีว่าบุญที่ยายทำนั้น จะเป็นเครื่องนำไปสู่สุคติสวรรค์ และยายอาจจะได้เสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั่วอายุหนึ่ง อาจจะสัก ๒๕๐๐ ปี แต่เมื่อหมดอายุ จากภพนั้นแล้ว ยายกลัวว่ายายอาจจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในสมัยกลียุค เป็นยุคที่โลกมนุษย์ มีแต่ความทุกข์ยากลำบาก เป็นยุคที่ไม่มีธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว เป็นยุคที่พุทธศาสนาครบ ๕๐๐๐ ปีแล้ว ศาสนาพุทธเสื่อมไปแล้วตามที่พระพุทธเจ้าท่านทรงพยากรณ์ไว้ ยายกลัวว่าจะประสบกับความทุกข์ในช่วงสมัยนั้น กลัวว่าจะไม่ได้พบกับสัจจธรรมในช่วงสมัยนั้นยาย จึงไม่รู้สึกยินดี ในวิมาน อาหาร พร้อมทั้งบริวารเหล่านั้น เมื่อเห็นในทุกข์อันเกิดจากภพ ยายจึงไม่ปรารถนาในภพ ยายปรารถนาที่จะออกจากภพ จึงเพียรศึกษาพระธรรม เพียรปฏิบัติตามองค์มรรควิธี เพื่อให้ถึงซึ่งความดับแห่งภพ เวลาที่ยายทำบุญ บริจาคทาน ยายก็ไม่ปรารถนาในภพ ไม่ปรารถนาว่าจะได้ไปสู่ วิมาน อาหาร พร้อมทั้งบริวารในภพใดๆ เพราะยายรู้ดีว่า นั่นคือ "ภวตัณหา" (ยินดีติดใจในภพ) ยายทำบุญบริจาคทาน ก็เพราะยายเพียรพยายาม
ที่จะทำให้โลภะเบาบางลง ยายรู้ว่าการทำบุญบริจาคทานเพื่อที่จะขจัดโลภะ นี้คือกุศลที่มีอานิสงส์มากกว่าบุญ ไม่ใช่เป็นแค่บุญ เพราะการทำบุญอย่างเดียว ไม่อาจทำให้ยายหลุดพ้นได้ แต่กุศล คือสิ่งที่ทำให้ยาย คิด พูด และกระทำสิ่งใดๆ อย่างฉลาด รู้เท่าทัน โลภะ โทสะ โมหะ ต่างหากจะทำให้ยายหลุดพ้นได้
นอกจากนี้ ยายยังได้เพียรเจริญเมตตาธรรม ก็เพื่อที่จะทำให้โทสะเบาบางลง เพื่อขจัดโทสะให้สิ้นไป ยายเพียรทำจิตให้ผ่องใสควรแก่งาน เพื่อน้อมไปสู่วิชชา ๓ เพื่อความสิ้นอาสวะ เพื่อละสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ให้ได้ (เครื่องร้อยรัดสัตว์ ๑๐ อย่าง ให้วนเวียน อยู่ในวัฏฏะ) " เพื่อบรรลุโสดาบัน ในชาตินี้ ซึ่งจะไม่มีความเสื่อมลงได้อีก เพื่อบรรลุสกาคามีในชาตินี้ ซึ่งจะกลับมาเกิดในโลกนี้อีกเพียงครั้งเดียว ก็จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพื่อบรรลุอนาคามีในชาตินี้ ซึ่งจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในสวรรค์ชั้นพรหมสุทธาวาส ไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีก เพื่อบรรลุอรหันต์นิพพานในชาตินี้" เพราะจุดมุ่งหมายของยาย คือปรมัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ นิพพาน ยายเพียรทำอยู่อย่างนี้โดยที่ยายไม่ได้คำนึงถึงทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ คือประโยชน์ในปัจจุบัน และสัมปรายิกัตถประโยชน์ คือ ประโยชน์ในภายหน้าเลย" เพราะยายรู้ดีว่า ประโยชน์สองอย่างนี้ยายจะพึงมี พึงได้อยู่แล้วจากการกระทำที่ดีเป็นบุญเป็นกุศล ในปัจจุบันของยาย โดยไม่จำเป็นต้องเพ่งเล็งขวนขวาย นี่คือจุดมุ่งหมายของยาย ผู้ไม่ยินดีในวิมาน อาหาร พร้อมทั้งบริวาร ในสุคติภพใดๆ " และยายได้กล่าวภาษิตฝากถึงผู้ที่ยังปรารภนาในประโยชน์ “ผู้ไม่เห็นในทุกข์ ย่อมไม่ปรารถนาที่จะออกจากทุกข์ ผู้ไม่เห็นในคุณของพระนิพพาน ย่อมไม่ปรารถนาปรมัตถประโยชน์ ผู้ไม่เห็นในปรมัตถประโยชน์ ย่อมไม่ปรารภความเพียร"
ความคิดเห็น 1
โดย pamali วันที่ 2 พ.ย. 2553
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอจ.สุจินต์และทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ สาธุ....
ความคิดเห็น 2
โดย Nongnuch วันที่ 3 พ.ย. 2553
Anumotana ka.
ความคิดเห็น 3
โดย ประสาน วันที่ 4 พ.ย. 2553
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณยายและทุกๆ ท่านด้วยครับ
ความคิดเห็น 4
โดย ภัสร์ วันที่ 4 พ.ย. 2553
สาธุ
ความคิดเห็น 5
โดย Belief วันที่ 4 พ.ย. 2553
อนุโมทนาค่ะ
ความคิดเห็น 6
โดย michii วันที่ 17 พ.ย. 2553
อนุโมทนาค่ะ
ความคิดเห็น 7
โดย hadezz วันที่ 19 พ.ย. 2553
อนุโมทนาค่ะ
ความคิดเห็น 8
โดย สุรศักดิ์ วันที่ 19 พ.ย. 2553
ขออนุโมทนาครับ เป็นข้อเตือนใจที่ดี เพื่อความเข้าใจ
ความคิดเห็น 9
โดย captpok วันที่ 23 ธ.ค. 2553
ขออนุโมทนาครับ?