[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 328
เถราปทาน
ภัททิยวรรคที่ ๕๕
กังขาเรวตเถราปทานที่ ๒ (๒๔๒)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระกังขาเรวตเถระ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 328
กังขาเรวตเถราปทานที่ ๒ (๒๔๕)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระกังขาเรวตเถระ
[๑๓๒] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารมีพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้มีพระจักษุใน ธรรมทั้งปวง เป็นพระผู้นำ มีพระหนุเหมือนคาง ราชสีห์ พระดำรัสเหมือนเสียงพรหม พระสุร-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 329
เสียงคล้ายเสียงหงส์และกลองใหญ่ เสด็จดำเนิน ดุจช้าง มีพระรัศมีประหนึ่งรัศมีของจันทเทพบุตร เป็นต้น
มีพระปรีชาใหญ่ มีความเพียรมากมี ความเพ่งพินิจมาก มีคติใหญ่ ประกอบด้วยพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งสัตว์ กำจัดความมืดใหญ่ ได้ เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
คราวหนึ่ง พระสัมพุทธเจ้าผู้เลิศกว่า ไตรโลก เป็นมุนี ทรงรู้จักวาระจิตของสัตว์พระองค์นั้น ทรงแนะนำเวไนยสัตว์เป็นอันมาก ทรง แสดงพระธรรมเทศนาอยู่
พระพิชิตมารตรัสสรรเสริญภิกษุผู้มีปกติ เพ่งพินิจ ยินดีในฌาน มีความเพียรสงบระงับ ไม่ขุ่นมัวในท่ามกลางบริษัท ทรงทำให้ประชาชน ยินดี
ครั้งนั้น เราเป็นพราหมณ์เรียน. ไตรเพท อยู่ในพระนครหังสวดี ได้สดับพระธรรมเทศนาก็ ชอบใจ จึงปรารถนาฐานันดรนั้น
ครั้งนั้น พระพิชิตมารผู้ทรงเป็นพระ ผู้นำชั้นพิเศษได้ตรัสพยากรณ์ในท่ามกลางสงฆ์ว่า จงดีใจเถิดพราหมณ์ ท่านจักได้ฐานันดรนี้ สมดัง มโนรถความปรารถนา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 330
ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามี พระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้า โอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านจัก ได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต เป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่าเรวตะ
เพราะกรรมที่ทำไว้ดี และเพราะการตั้ง เจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้วได้ไปยังสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์
ในภพสุดท้ายในบัดนี้ เราเกิดในสกุล กษัตริย์อันมั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์มากมาย ใน โลกิยนคร
ในคราวที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม เทศนาในพระนครกบิลพัสดุ์ เราเลื่อมใสในพระสุคตเจ้า จึงออกบวชเป็นบรรพชิต
ความสงสัยของเราในสิ่งที่เป็นกัปปิยะ และอกัปปิยะนั้นๆ มีมากมายพระพุทธเจ้าได้ทรง แสดงธรรมอันอุดม แนะนำข้อสงสัยทั้งปวงนั้น
แต่ต่อนั้น เราก็ข้ามพ้นสงสารได้ เป็น ผู้ยินดีด้วยความสุขในฌานอยู่ ในครั้งนั้น พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเรา จึงได้ตรัส พระพุทธภาษิตว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 331
ความสงสัยในโลกนี้หรือโลกอื่น ใน ความรู้ของตนหรือในความรู้ของผู้อื่นอย่างใด อย่างหนึ่งนั้น อันบุคคลผู้มีปรกติเพ่งพินิจ มี ความเพียรเผากิเลสประพฤติพรหมจรรย์ ย่อมละ ได้ทั้งสิ้น
กรรมที่ทำไว้ในกัปที่แสน ได้แสดงผล แก่เราแล้วในอัตภาพนี้ เราพ้นกิเลสแล้วเหมือน ลูกศรพ้นจากแล่ง ได้เผากิเลสของเราเสียแล้ว
ลำดับนั้น พระมุนีผู้มีปรีชาใหญ่ เสด็จ ถึงที่สุดของโลก ทรงเห็นว่าเรายินดีในฌาน จึง ทรงแต่งตั้งว่าเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้ง หลายฝ่ายที่ได้ ฌาน
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระกังขาเรวตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบกังขาเรวตเถราปทาน
๕๔๒. อรรถกถากังขาเรวตเถราปทาน
พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระกังขาเรวตเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 332
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพ นั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้นี้พระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ เขาได้บังเกิดใน ตระกูลพราหมณ์. คำนั้นทั้งหมด พอจะกำหนดได้โดยง่ายตามลำดับแห่งปาฐะ นั้นนั่นแล.
จบอรรถกถากังขาเรวตเถราปทาน