[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 470
๘. โลกสูตร
ว่าด้วยผู้รู้โลก
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 30]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 470
๘. โลกสูตร
ว่าด้วยผู้รู้โลก
[๗๘๕] นิทานต้นสูตรเหมือนกัน. ครั้นท่านพระสารีบุตร นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า
[๗๘๖] ท่านพระอนุรุทธะถึงความเป็นผู้มีอภิญญามาก เพราะได้เจริญได้กระทำให้มากซึ่งธรรมเหล่าไหน. ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ผมถึงความเป็นผู้มีอภิญญามาก เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔. สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณา
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 471
เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ดูก่อนผู้มีอายุ ผมถึงความเป็นผู้มีอภิญญามาก เพราะได้เจริญได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล และเพราะได้เจริญ ได้ทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล ผมจึงรู้โลกได้ตั้งพัน.
จบโลกสูตรที่ ๘
อรรถกถาโลกสูตร
ในสูตรที่ ๘. คำว่า ความเป็นผู้มีอภิญญามาก พระเถระกล่าวด้วยอำนาจอภิญญา ๖ อย่าง. คำว่า ข้าพเจ้ารู้โลกได้ตั้งพัน ท่านกล่าวด้วยอำนาจการอยู่ติดต่อกัน. เล่ากันมาว่า พระเถระตื่นแต่เช้า บ้วนปากแล้วนั่งบนเสนาสนะ ตามระลึกถึงอดีต ๑ พันกัป อนาคต ๑ พันกัป. ตามพัวพันคติแห่งการคิดคำนึงนั้นของพันจักรวาลแม้ในปัจจุบัน. พระเถระนั้นทราบชัดพันโลกด้วยตาทิพย์ ดังว่ามานี้. นี้เป็นธรรมเครื่องอยู่ของท่าน. คำที่เหลือ ในทุกบท มีใจความแจ่มแจ้งแล้วทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาโลกสูตรที่ ๘