จากเว็บไซด์หนึ่ง กล่าวถึงภาวรูป 2 ว่าถ้ามีอิตถีภาวรูปเป็นผู้ปกครองในร่างกายนั้น ก็จะมีรูปร่างสัณฐาน มีกิริยาอาการเป็นหญิง ถ้ามีปุริสภาวรูปเป็นผู้ปกครองในร่างกายนั้น ก็จะมีรูปร่าง สัณฐาน มีกิริยาอาการเป็นชาย ทั้งนี้ก็เพราะเนื่องจากกรรม คือผู้ที่ได้ อิตถีภาวรูป เพราะชาติแต่ปางก่อนได้ประกอบกุสลกรรมอย่างอ่อนที่ เรียกว่า ทุพฺพลกุสลกมฺม เป็นกรรมที่ประกอบด้วยความเลื่อมใสก็จริง แต่ก็เจือปน ไปด้วยความไหวหวั่น (อวิสทฺธาการ) ส่วน ผู้ที่ได้ปุริสภาวรูป เพราะอดีตชาติได้ประกอบกุสลกรรมที่สูงส่งด้วยสัทธา ความเลื่อมใส แรงด้วยอธิโมกข์ความชี้ขาด ปราศจากความหวั่นไหว อันจะเป็นเหตุ ให้เกิดความย่อหย่อน กุสลกรรมอย่างนี้เรียกว่า พลวกุสลกมฺม เป็นกุสลกรรมอัน ทรงพลัง จึงยังผลให้เกิดเป็นชาย
จึงขอรบกวนเรียนถามว่า
1.กรรมที่ประกอบด้วยความเลื่อมใส แต่เจือปน ไปด้วยความไหวหวั่น เป็นอย่างไร และ กุสลกรรมที่สูงส่งด้วยสัทธา ความเลื่อมใส แรงด้วยอธิโมกข์ความชี้ขาด ปราศจากความหวั่นไหว เป็นอย่างไร
2. สัตว์ในภพภูมิอื่นมีความแตกต่างของภาวรูป 2 นี้ เป็นเพราะเหตุจากกรรมเดียวกันกับสัตว์ในภูมิมนุษย์หรือไม่ อย่างไรคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นเพศใดอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง คือ เพราะฉันทะความพอใจในเพศนั้น ๑ เพราะกุศลกรรมที่มีกำลังอ่อน ๑ เพราะอกุศลกรรม คือ การผิดศีลข้อกาเมฯ ๑ ตามหลักฐานที่พระพุทธองค์แสดงไว้เท่าที่พบมี ๓ ประการนี้ อธิบายว่า ถ้าผู้หญิงพอใจในความเป็นหญิง ชอบเพศตรงกันข้าม ย่อมไม่พ้นความเป็นหญิงไปได้ ข้อต่อมาคือการเกิดเป็นเพศชายย่อมเกิดขึ้นด้วยผลของกุศล ที่มีกำลัง การเกิดเป็นหญิงย่อมเกิดขึ้นด้วยผลของกุศลที่มีกำลังอ่อน และผู้ชายที่กระทำกรรมผิดบุตรภรรยาผู้อื่น ผลของอกุศลกรรมอย่างเบาทำให้เกิดเป็นหญิง หรือเป็นกระเทย
เพราะฉะนั้นประเด็นที่ถาม การเกิดเป็นเพศหญิงเพราะกุศลกรรมอ่อน อ่อนเพราะ ไม่มีปัญญาก็ได้ แม้จะมีความไม่หวั่นไหว แต่ไม่มีปัญญา ก็ชื่อว่ามีกำลังอ่่อน หรือ อ่อนเพราะประเภทของกุศลที่เกิด เช่น ทาน ศีล แต่ไม่ใช่ กุศลที่เป็นภาวนา ก็ชื่อว่ามีกำลังอ่อน หรือ กุศลที่ไม่ประกอบด้วยโสมนัส ก็ชื่อว่ามีกำลังอ่อน หากเป็นเพียงอุเบกขา เพราะฉะนั้น การพิจารณาความที่กุศลมีกำลังอ่อน มีกำลังมาก พิจารณาที่ ประกอบด้วยปัญญา หรือ ไม่ประกอบด้วยปัญญา มีเวทนาเป็นอะไร โสมนัสหรืออุเบกขา และ อสังขาริก มีกำลังไม่ชักชวน หรือ สสังขาริก ครับ ธรรมจึงเป็นเรื่องละเอียดอย่างมากโดยเฉพาะกรรม ครับ ส่วนสัตว์เดรัจฉาน ที่แตกต่างกันตามเพศก็โดยนัยเดียวกันกับมนุษย์ คือ จากกรรมก็ได้ความพอใจ ฉันทะในอดีตชาติก็ได้ ครับ
เชิญคลิกอ่านได้ที่การอันตรธานของภาวรูป [ธรรมสังคณี]
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่น่าพิจารณา คือ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุมีปัจจัย ไม่มีอะไรที่เกิดเองลอยๆ โดยปราศจาเหตุปัจจัย การเกิดเป็นหญิง การเกิดเป็นชาย ก็เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ซึ่งยากที่จะเข้าใจ แต่ก็ได้เกิดมาแล้ว เป็นแต่ละคน เมื่อเปรียบเทียบเพศทั้ง ๒ บุรุษเพศเป็นเพศที่สูงกว่า (อุดมเพศ) เพราะเพศชายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นท้าวสักกะ เป็นท้าวมหาพรหม เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ อนึ่ง เมื่อว่าโดยคุณธรรมแล้ว เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องสำคัญ คือ การเป็นคนดีมีคุณธรรมย่อมสำคัญกว่าเพศ เพราะถ้าเป็นเพศหญิงเป็นคนดีมีคุณธรรม ย่อมดีกว่าเป็นผู้ชายที่ไม่ดีไม่มีคุณธรรม เพราะเพศทำให้เกิดบนสวรรค์ไม่ได้ เพศไม่ช่วยป้องกันการเกิดในอบายได้
ดังนั้น จึงสำคัญที่เมื่อได้เกิดมาแล้ว เห็นประโยชน์ของการได้สะสมความดี และอบรมเจริญปัญญามากน้อยแค่ไหน การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องไปตามลำดับ ย่อมเป็นชีวิตที่คุ้มค่า คุ้มค่าแล้วกับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์และได้ฟังพระธรรมซึ่งหาฟังได้ยากเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ยังจะต้องฟัง ต้องศึกษาต่อไป อบรมเจริญปัญญาต่อไป ซึ่งการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้พ้นจากทุกข์ในวัฏฏะ ไม่มีการเกิดอีกเลย ได้ในที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมเลย ไม่มีปัญญาเลย แล้วจะพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะได้อย่างไร? ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เป็นเพศหญิง ชาย เพราะมีความพอใจในเพศนั้นบ่อยๆ และ กรรมที่แตกต่างกัน ค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนา