บางคน เป็นคนที่โกรธง่าย และไม่ยอมให้อภัยคนอื่นเลย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ดีแต่ทำไม่ได้ ถ้าไม่เรียนรู้ ไม่ฝึกฝน หรือไม่สะสม แต่ถ้าหากวันนี้ เราเปลี่ยนความคิดและถ้าเรารู้ว่าเราไม่โกรธใครเลยก็จะสบายกว่าเยอะ ไม่ต้องไปนั่งคิดถึงคนนั้นด้วยความขุ่นเคืองใจ นอนไม่หลับกระสับกระส่าย คอยคิดว่า “ทำไมเขาทำกับเราอย่างนั้น”
แต่ถ้าหากเรารู้อย่างถูกต้องว่าใครกำลังไม่ดีในขณะที่คิดอย่างนั้น โดยลืมไปว่า ขณะกำลังคิดอยู่อย่างนั้นเป็นทุกข์ของเราเอง เพราะว่าเราไม่ค่อยได้เห็นตนเอง คอยมองแต่คนอื่นว่าคนนั้นไม่ดีตรงนี้ หรือ คนโน้น ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตัวเราเอง เราลืม
พระธรรมที่ทรงแสดง ก็เป็นสัจจธรรม เป็นความจริง ที่ทำให้เรารู้จักตัวเราเองเราจะรู้จักคนอื่นไหม ได้เหมือนกัน เพราะเรากับเขา ความโกรธเกิดขึ้นก็เหมือนกัน ทั้งนั้น ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความติดข้องก็เหมือนกันทั้งนั้น ความเป็นผู้มีจิตใจที่ดีงามก็เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น เพราะทั้งหมดเป็นธรรม...พระธรรมเป็นกระจกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูกต้อง เราจะส่องใจของเราเอง เราจะเห็นใจของเราเองได้..."
โลภะ โทสะ โมหะ ของมนุษย์ หรือเทวดา หรือสัตว์เดรัจฉาน ไม่ต่างกัน แต่ต่างกันตามการสะสมกิเลส และปัญญา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขัดเกลากิเลสตัวเอง เมื่อปัญญาเกิด..เป็นหน้าที่ของธรรมไม่ใช่เราครับ
ขออนุโมทนา
ปัญญาเกิดยากจัง / ขออนุโมทนาครับ
ถ้าความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ปัญญาก็จะคมขึ้นและละเอียดขึ้น สามารถจะส่องลึกลงไปในกิเลสอีกหลายชั้นที่อยู่ในจิตของเราครับ
อนุโมทนาครับ
หมั่นขัดเกลากิเลสของตัวเองทีละเล็กละน้อยก็ยังดี ดีกว่าไปคอยจับผิด หรืออยากขัดเกลากิเลสของผู้อี่น....
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
กิเลสของตนเองนี่แหละ ที่เห็นยากที่สุด ขัดเกลายากที่สุด
ขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณค่ะ
ฟังพระธรรม เห็นอกุศลที่เกิดมาก เริ่มมีกระจกวิเศษประจำตัว