[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓
พระวินัยปิฏก เล่ม ๑ ภาค ๓
มหาวิภังค์ ปฐมภาค
สมันตปาสาทิกาอรรถกถาพระวินัย
มหาวิภังค์วรรณนา ภาค ๒
เตรสกัณฑวรรณนา
สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๕
เรื่องพระอุทายี 421/242
พระปฐมบัญญัติ 248
พระอนุบัญญัติ 252
สิกขาบทวิภังค์ 427/252
บทภาชนีย์มาติกา สตรี ๑๐ จําพวก 428/254
ภรรยา ๑๐ จําพวก มาติกาวิภังค์ 429/254
๑. ธนักกีตาจักร หมวดภรรยาสินไถ่ 432/256
๒. ฉันทวาสินีจักร หมวดภรรยาอยู่ด้วยความเต็มใจ 445/277
๓. โภควาสินีจักร หมวดภรรยาสมบัติ 278
๔. ปฏวาสินีจักร หมวดภรรยาอยู่เพราะผ้า 278
๕. โอทปัตตกินีจักร หมวดภรรยาที่สมรส 278
๖. โอภตจุมพฏาจักร หมวดภรรยาถูกปลงเทริด 279
๗. ทาสีภริยาจักร หมวดภรรยาเป็นทั้งคนใช้และภรรยา 279
๘. กัมมการีภริยาจักร หมวดภรรยาเป็นทั้งลูกจ้างและภรรยา 280
๙. ธชาหฏาจักร หมวดภรรยาที่เป็นเชลย 280
๑๐. มุหุตติกาจักร หมวดภรรยาชั่วคราว 280
๑. มาตุรักขิตาจักร หมวดสตรีมีมารดาปกครอง 451/287
๒. ปิตุรักขิตาจักร หมวดสตรีมีบิดาปกครอง 457/293
๓. มาตาปิตุรักขิตาจักร หมวดสตรีมีมารดาบิดาปกครอง 293
๔. ภาตุรักขิตาจักร หมวดสตรีมีพี่น้องชายปกครอง 293
๕. ภคินีรักขิตาจักร หมวดสตรีมีพี่น้องหญิงปกครอง 294
๖. ญาติรักขิตาจักร หมวดสตรีมีญาติปกครอง 294
๗. โคตตรักขิตาจักร หมวดสตรีมีโคตรปกครอง 295
๘. ธัมมรักขิตาจักร หมวดสตรีมีธรรมคุ้มครอง 295
๙. สารักขาจักร หมวดสตรีมีคู่หม้นคั ุ้มครอง 295
๑๐. สปริทัณฑาจักร หมวดสตรีมีกฏหมายคุ้มครอง 458/296
อุภโตพัทธจักร มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละหนึ่ง 463/301
ปุริสเปยยาล มีปุริสมาตุจักรเป็นต้น 465/303
อิตถีเปยยาล มีมาตุรักขิตามาตุจักรเป็นต้น 466/305
ภิกษุรับคํา ภิกษุไม่รับคํา 486/333
บุรุษสั่งภิกษุหลายรูปเป็นต้น 487/334
ภิกษุจัดการสําเร็จอนาปัตติวาร 488/335
วินีตวัตถุอุทานคาถา 490/336
วินีตวัตถุเรื่องสตรีหลับเป็นต้น 336
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
สัญจริตสิกขาบทวรรณนา 338
อธิบายการเที่ยวชักสื่อ 341
อธิบาย หญิง ๑๐ จําพวก 343
อธิบายนิกเขปบท เรื่องชายวานภิกษุ 346
อธิบายเรื่องภิกษุรับคําของหญิงเป็นต้น 348
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 3]
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 242
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
เรื่องพระอุทายี
[๔๒๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ท่านพระอุทายีเป็นพระกุลุปกะในพระนครสาวัตถี เข้าไปสู่สกุลเป็นอันมาก ที่ตนเห็นว่ามีแก่ชายหนุ่มน้อยยังไม่มีภรรยา หรือเด็กหญิงสาวน้อยยังไม่มี สามี ย่อมพรรณนาคุณสมบัติของเด็กหญิงสาวน้อยในสำนักมารดาบิดา ของเด็กชายหนุ่มน้อยว่า เด็กหญิงสาวน้อยของสกุลโน้น มีรูปงาม น่าดู น่าชม คมคาย มีแววฉลาด มีไหวพริบดี ขยัน ไม่เกียจคร้าน เด็ก หญิง สาวน้อยนั้นสมควรแก่เด็กชายหนุ่มน้อยนี้ มารดาบิดาของเด็กชาย หนุ่มน้อยกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านเจ้าข้า คนเหล่านั้นไม่รู้จักพวกข้าพเจ้าว่า เป็นใคร หรือเป็นพรรคพวกของใคร ท่านเจ้าข้า ถ้าพระคุณเจ้ากรุณา พูดทาบทามให้ พวกข้าพเจ้าจะสู่ขอเด็กหญิงสาวน้อยนั้นมาให้แก่เด็ก ชายหนุ่มน้อยนี้ และพรรณนาคุณสมบัติของเด็กชายหนุ่มน้อยในสำนัก มารดาบิดาของเด็กหญิงสาวน้อยว่า เด็กชามหนุ่มน้อยของสกุลโน้น มี รูปงาม น่าดู น่าชม คมคาย มีแววฉลาด มีไหวพริบดี ขยัน ไม่ เกียจคร้าน เด็กชายหนุ่มน้อยนั้นสมควรแก่เด็กหญิงสาวน้อยนี้ มารดา บิดาของเด็กหญิงสาวน้อยกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านเจ้าข้า คนเหล่านั้นไม่ รู้จักพวกข้าพเจ้าว่าเป็นใคร หรือเป็นพรรคพวกของใคร ฝ่ายหญิงจะ พูดชมว่า ดูๆ ก็อยู่ ท่านเจ้าข้า ถ้าพระคุณเจ้ากรุณาช่วยพูดให้เขา สู่ขอ พวกข้าพเจ้าจะยอมยกเด็กหญิงสาวน้อยนี้แก่เด็กชายหนุ่มน้อยนั้น โดยอุบายนี้แล ท่านพระอุทายีให้มารดาบิดาของเจ้าหนุ่มเจ้าสาวทำอาวาหมงคลบ้าง วิวาหมงคลบ้าง พูดให้สู่ขอกันบ้าง.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 243
[๔๒๒] สมัยต่อมา ธิดาของสตรีหมายคนหนึ่ง มีรูปงาม น่าดู น่าชม พวกสาวกของอาชีวกชาวบ้านอื่น มาพูดกะสตรีหมายนั้นดังนี้ว่า ข้าแต่แม่ ขอแม่จงกรุณายกเด็กหญิงสาวน้อยนี้ให้แก่เด็กชายหนุ่มน้อยของ พวกข้าพเจ้าเถิด
สตรีหมายนั้นตอบดังนี้ว่า คุณขา ดิฉันไม่ทราบว่า พวกคุณเป็นใคร หรือเป็นพรรคพวกของใคร อนึ่งเล่า เด็กหญิงสาวน้อยนี้ ก็เป็นธิดา คนเดียวของดิฉัน และจะต้องไปอยู่บ้านอื่น ดิฉันจะยกให้ไม่ได้
คนทั้งหลายซักถามสาวกของอาชีวกเหล่านั้นว่า ท่านทั้งหลายมา ธุระอะไร
พวกสาวกของอาชีวกชี้แจงว่า พวกข้าพเจ้ามาขอธิดาของหญิง หมายชื่อโน้น ในตำบลบ้านนี้ให้เด็กชายหนุ่มน้อยของพวกข้าพเจ้า นาง ตอบอย่างนั้นว่า คุณขาดิฉันไม่ทราบว่า พวกคุณเป็นใคร หรือเป็นพรรค พวกของใคร อนึ่งเล่า เด็กหญิงสาวน้อยนี้ก็เป็นธิดาคนเดียวของดิฉัน และจะต้องไปอยู่บ้านอื่น ดิฉันจะยกให้ไม่ได้
คนพวกนั้นแนะนำว่า พวกคุณไปขอธิดาต่อหญิงหม้ายนั้นทำไม ไปพูดกะท่านพระอุทายีหรือ ท่านพระอุทายีจักช่วยพูดให้เขายกให้เอง
จึงพวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้นเข้าไปหาท่านพระอุทายี ครั้นแล้ว ได้เรียนท่านพระอุทายีว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า พวกข้าพเจ้าขอธิดาของ หญิงหม้ายชื่อโน้นในบ้านนี้ให้แก่เด็กชายหนุ่มน้อยของพวกข้าพเจ้า นาง ตอบอย่างนี้ว่า คุณขา ดิฉันไม่ทราบว่า พวกคุณเป็นใคร หรือเป็น พรรคพวกของใคร อนึ่งเล่า เด็กหญิงสาวน้อยก็เป็นธิดาคนเดียวของ ดิฉัน และจะต้องให้อยู่บ้านอื่น ดิฉันจะยกให้ไม่ได้ ข้าแต่พระคุณเจ้า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 244
ขอพระคุณเจ้าได้โปรดช่วยพูดให้หญิงหม้ายนั้น อมยกธิดาให้แก่เด็กชาย หนุ่มน้อยของพวกข้าพเจ้าด้วยเถิด
ลำดับนั้น ท่านพระอุทายีเข้าไปหาสตรีหม้ายนั้น ครั้นแล้วได้ถาม สตรีหม้ายนั้นว่า ทำไมเธอจึงไม่ยอมยกธิดาให้แก่คนเหล่านั้นเล่า
สตรีหม้ายนั้นตอบว่า เพราะดิฉัน ไม่ทราบว่า คนเหล่านั้นเป็นใคร หรือเป็นพรรคพวกของใคร อนึ่งเล่า เด็กหญิงสาวน้อยนี้เป็นธิดาคนเดียว ของดิฉัน และจะต้องไปอยู่บ้านอื่น ดิฉันจึงไม่ยอมยกให้เจ้าค่ะ
อุ. จงให้แก่คนเหล่านั้นเถิด คนเหล่านี้ฉันรู้จัก
ส. ถ้าพระคุณเจ้ารู้จัก ดิฉันยอมยกให้เจ้าค่ะ
จึงสตรีหม้ายนั้นได้ยกธิดาให้แก่สาวกของอาชีวกเหล่านั้น ครั้น พวกสาวก องอาชีวกเหล่านั้น นำเด็กหญิงสาวน้อยนั้นไปแล้ว ได้เลี้ยงดู อย่างสะใภ้ชั่วเดือนเดียวเท่านั้น ต่อแต่นั้นก็เลี้ยงดูอย่างทาสี
สาวน้อยร้องทุกข์
[๔๒๓] ต่อมา สาวน้อยนั้นส่งทูตไปในสำนักมารดาว่า ดิฉัน ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ได้รับความสุข พวกสาวกของชีวกได้เลี้ยงดูดิฉัน อย่าง สะใภ้ชั่วเตือนเดียวเท่านั้น ต่อแต่นั้นมาก็เลี้ยงดูอย่างทาสี ขอให้คุณแม่ ดิฉันมารับดิฉันไป
พอทราบข่าว สตรีหม้ายนั้นจึงเข้าไปหาพวกสาวกของอาชีวก ครั้น แล้วได้กล่าวดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายโปรดอย่าเลี้ยงดูสาวน้อยนี้อย่างทาสี โปรดเลี้ยงดูอย่างสะใภ้เถิดเจ้าค่ะ
สาวกของอาชีวกเหล่านั้นกล่าวอย่างนี้ว่า พวกเราไม่ได้รับรองและ ตกลงไว้กับท่าน พวกเรารับรองและตกลงไว้กับสมณะต่างหาก ท่าน จงไป เราไม่รู้จักท่าน
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 245
ครั้นสตรีหม้ายนั้นถูกพวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้นรุกรานแล้ว ได้ กลับมายังพระนครสาวัตถีตามเดิม
แม้ครั้งที่สอง สาวน้อยนั้นก็ได้ส่งทูตไปในสำนักมารดาว่า ดิฉัน ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ได้รับความสุข พวกสาวกของอาชีวกได้เลี้ยงดิฉัน อย่างสะใภ้ชั่วเดือนเดียวเท่านั้น ต่อแต่นั้นมาก็เลี้ยงดูอย่างทาสี ขอให้ คุณแม่ดิฉันมารับดิฉันไป
จึงสตรีหม้ายนั้นเข้าไปหาท่านพระอุทายี ครั้นแล้วได้เรียนท่านพระอุทายีว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ลูกสาวของดิฉัน ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ได้รับ ความสุข พวกสาวกของอาชีวกได้เลี้ยงดูนางอย่างสะใภ้ชั่วเดือนเดียว เท่านั้น ต่อแต่นั้นมาก็เลี้ยงดูอย่างทาสี พระคุณเจ้าควรพูดขอร้องว่า ดูก่อนท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่าได้เลี้ยงดูสาวน้อยนี้อย่าง ทาสี โปรดเลี้ยงดูอย่างสะใภ้เถิด
ดังนั้น ท่านพระอุทายีจึงเข้าไปหาสาวกของอาชีวกเหล่านั้น ครั้น แล้วได้กล่าวดังนี้ว่า ดูก่อนท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายโปรดอย่า เลี้ยงดูสาวน้อยนี้อย่างทาสี โปรดเลี้ยงดูอย่างสะใภ้เถิด
พวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้น กล่าวอย่างนี้ว่า เราไม่ได้รับรองและ ตกลงไว้กับท่าน เรารับรองและตกลงไว้กับหญิงหม้ายต่างหาก สมณะ ต้องเป็นผู้ไม่ขวนขวาย สมณะต้องเป็นสมณะที่ดี เชิญท่านไปเถิด เรา ไม่รู้จักท่าน
ครั้นท่านพระอุทายีถูกพวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้นรุกรานแล้ว ได้ กลับมายังพระนครสาวัตถีตามเดิน
แม้ครั้งที่สาม สาวน้อยนั้นก็ได้ส่งทูตไปในสำนักมารดาว่า ดิฉัน
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 246
ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ได้รับความสุข พวกสาวกของอาชีวกได้เลี้ยงดูดิฉัน อย่างสะใภ้ชั่วเดือนเดียวเท่านั้น ต่อแต่นั้นมาก็เลี้ยงดูอย่างทาสี ขอให้ คุณแม่ดิฉันมารับดิฉันไป
แม้สตรีหม้ายนั้น ก็ได้เข้าไปหาท่านพระอุทายีเป็นครั้งที่สอง แล้ว ได้เรียนท่านพระอุทายีดังนี้ว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ข่าวว่า ลูกสาวของ ดิฉันตกทุกข์ได้ยากไม่ได้รับความสุข พวกสาวกของอาชีวกได้เลี้ยงดูนาง อย่างสะใภ้ชั่วเดือนเท่านั้น ต่อแต่นั้นมาก็เลี้ยงดูอย่างทาสี พระคุณเจ้าควรพูดของร้องว่า ดูก่อนท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายโปรด อย่าได้เลี้ยงดูสาวน้อยนี้อย่างทาสี โปรดเลี้ยงดูอย่างสะใภ้เถิด
ท่านพระอุทายีกล่าวว่า ฉันถูกพวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้นรุกราน มาครั้งหนึ่งแล้ว เชิญเธอไปเถิด ฉันไม่ไปละ
นินทาและสรรเสริญพระอุทายี
[๔๒๔] ครั้งนั้น สตรีหม้ายจึงเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ลูกสาว ของเราตกทุกข์ได้ยาก ไม่ได้รับความสุข เพราะแม่ผัวชั่ว พ่อผัวชั่ว และสามีชั่วฉันใด ขอให้ท่านพระอุทายีจงตกทุกข์ได้ยาก อย่าได้รับความ สุขฉันนั้นเถิด แม้สาวน้อย นั้นก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า เราตกทุกข์ ได้ยาก ไม่ได้รับความสุข เพราะแม่ผัวชั่ว พ่อผัวชั่ว และสามีชั่วฉันใด ขอท่านพระอุทายีจงตกทุกข์ได้ยาก อย่าได้รับความสุขฉันนั้นเถิด แม้ สตรีเหล่าอื่น บรรดาที่ไม่พอใจด้วยแม่ผัว พ่อผัว หรือสามี ต่างก็ กล่าวแช่งชักอย่างนั้นว่า เราตกทุกข์ได้ยากไม่ได้รับความสุข เพราะแม่ผัว ชั่ว พ่อผัวชั่ว และสามีชั่วฉันใด ขอให้ท่านพระอุทายีจงตกทุกข์ได้ยาก อย่าได้รับความสุขฉันนั้นเถิด ส่วนสตรีบรรดาที่ได้ยินดีด้วยแม่ผัว พ่อผัว
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 247
หรือสามี ต่างก็อำนวยพรอย่างนี้ว่า เราสบาย สมบูรณ์ พูนสุข เพราะ แม่ผัวดี และสามีดี ฉันใด ขอให้ท่านพระอุทายี จงสบาย สมบูรณ์ พูนสุข ฉันนั้นเถิด.
[๔๒๕] ภิกษุทั้งหลายได้ยินสตรีบางพวกกล่าวแช่งชักอยู่บางพวก อำนวยพรอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย สันโดษ มีดาวามละอาย มีความ รังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนท่าน พระอุทายี จึงได้ถึงความเป็นผู้ชักสื่อเล่า แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า.
ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุนสงฆ์ ในเพราะเหตุ เป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระอุทายีว่า ดูก่อนอุทายี ข่าวว่า เธอถึงความเป็นผู้ชักสื่อจริงหรือ
ท่านพระอุทายีทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบรุษ การ กระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ฉันเธอจงได้ถึงความเป็นผู้ชักสื่อเล่า
ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อครามเลื่อมใสยิ่งของ ชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้การกระทำของเธอนั่น เป็นไปเพื่อ ครามไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่าง อื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 248
พระผู้พระภาคเจ้า ทรงติเตียนท่านพระอุทายีโดยอเนกปริยายดังนี้ แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความ เกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่ น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบท แก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความ รับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ เพื่อข่มบุรุษผู้เก้อ ยาก ๑ เพื่อยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก เพื่อป้องกันอาสวะ อันจะบังเกิดในปัจจุบัน เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส เพื่อความเลื่อมใสยิ่ง ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม เพื่อ ถือตามพระวินัย ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แล พวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ว่าดังนี้:-
พระปฐมบัญญัติ
๙.๕. อนึ่ง ภิกษุใด ถึงความเป็นผู้ชักสื่อ บอกความประสงค์ ของบุรุษแก่สตรีก็ดี บอกความประสงค์ของสตรีแก่บุรุษก็ดี ในความ เป็นเมียก็ตาม ในความเป็นชู้ก็ตาม เป็นสังฆาทิเสส.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 249
ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้ว แก่ ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้
เรื่องพระอุทายี จบ
เรื่องนักเลงหญิง
[๔๒๖] ก็โดยสมัยนั้นแล พวกนักเลงหญิงหลายคนพากันไปเที่ยว รื่นเริงในสวน ได้ส่งชายสื่อไปในสำนักหญิงแพศยาคนหนึ่งว่า ขอให้ นางมา พวกเราจักพากันเที่ยวรื่นเริงในสวน หญิงแพศยานั้นได้ตอบไป อย่างนี้ว่า ข้าแต่นาย ดิฉันไม่ทราบว่า พวกท่านเป็นใคร หรือเป็น พรรคพวกของใคร อนึ่ง ดิฉันมีเครื่องแต่งกายนาก มีเครื่องประดับ เรือนมาก และจะต้องไปนอกเมือง ดิฉันไปไม่ได้ ครั้นแล้วชายสื่อนั้น ได้แจ้งเรื่องนั้น แก่นักเลงหญิงเหล่านั้น
เมื่อชายสื่อแจ้งอย่างนั้นแล้ว บุรุษคนหนึ่งได้กล่าวกะนักเลงเหล่า นั้นว่า ท่านทั้งหลาย พวกท่านไปอ้อนวอนหญิงแพศยานั้นทำไม ควร บอกพระอุทายีมิดีหรือ ท่านพระอุทายีจักส่งมาให้เอง
เมื่อบุรุษนั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว อุบาสกคนหนึ่งได้กล่าวกะบุรุษผู้นั้น ว่า คุณอย่าได้พูดอย่างนั้น การกระทำเช่นนั้นไม่สมควรแก่พระสมณะ เชื้อสายพระศากยบุตร ท่านพระอุทายีจักไม่ทำเช่นนั้น
เมื่ออุบาสกนั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว นักเลงหญิงเหล่านั้น ได้พากัน ว่า ท่านพระอุทายีจักทำหรือไม่ทำ แล้วเข้าไปหาท่านพระอุทายีกล่าว ดังนี้ว่า ข้าแต่พระภาคเจ้า พวกข้าพเจ้าพากันไปเที่ยวรื่นเริงในสวน ได้ส่งชายสื่อไปในสำนักหญิงแพศยาชื่อโน้นว่า ขอให้นางมา พวกเรา จักพากันเที่ยวรื่นเริงในสวน นางตอบอย่างนั้นว่า ข้าแต่นาย ดิฉันไม่
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 250
ทราบว่า ท่านทั้งหลายเป็นใคร หรือเป็นพรรคพวกของใคร อนึ่ง ดิฉัน มีเครื่องแต่งกายมาก มีเครื่องประดับเรือนมาก และจะต้องไปนอกเมือง ดิฉันไปไม่ได้ ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าได้โปรดส่งหญิงแพศยา นั้นไปให้สำเร็จประโยชน์ด้วย เถิด ขอรับ
ลำดับนั้น ท่านพระอุทายีเข้าไปหาหญิงแพศยานั้น ครั้นแล้วได้ ถามหญิงแพศยานั้นดังนี้ว่า ทำไมเธอจึงไม่ไปหาคนเหล่านี้เล่า
หญิงแพศยานั้นตอบว่า ดิฉัน ไม่ทราบว่า คนเหล่านั้นเป็นใคร หรือ เป็นพรรคพวกของใคร อนึ่ง ดิฉันมีเครื่องแต่งตัวมาก มีเครื่องประดับ เรือนมาก และจะต้องไปนอกเมือง ดิฉันไปไม่ได้ เจ้าค่ะ
อุ. จงไปหาคนเหล่านี้เถิด คนเหล่านั้นฉันรู้จัก
ญ. ถ้าพระคุณเจ้ารู้จัก ดิฉันจะไป เจ้าค่ะ
ครั้งนั้น นักเลงหญิงเหล่านั้น ได้พาหญิงแพศยานั้นไปเที่ยวสวน จึงอุบาสกนั้นเพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนท่านอุทายีจึงได้ถึงความ เป็นผู้ชักสื่ออันจะพึงอยู่ร่วมชั่วขณะหนึ่งเล่า ภิกษุทั้งหลายได้ยินอุบาสกนั้น เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย สันโดษ มีความ ละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉน ท่าฬพระอุทายีจึงได้ถึงความเป็นผู้ชักสื่ออันจะพึงอยู่ร่วมชั่วขณะหนึ่ง เล่า แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติอนุบัญญัติ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะ เหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่าน พระอุทายีว่า ดูก่อนอุทายี ข่าวว่า เธอถึงความเป็นผู้ชักสื่ออันจะพึง อยู่ร่วมชั่วขณะหนึ่ง จริงหรือ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 251
ท่านพระอุทายีทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การ กระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนเธอจึงได้ถึงความเป็นผู้ชักสื่ออันจะพึงอยู่ร่วม ชั่วขณะหนึ่งเล่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไป เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใส ยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของเธอนั้น เป็น ไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็น อย่างอื่นของตนบางที่เลื่อมใสแล้ว
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงติเตียนท่านพระอุทายีโดยอเนกปริยาย แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความ เกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่า เลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุ ทั้งหลายแล้ว รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบท แก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ ...
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แล พวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 252
พระอนุบัญญัติ
๙.๕. ก. อนึ่ง ภิกษุใดลงความเป็นผู้ชักสื่อ บอกความประสงค์ ของบุรุษแก่สตรีก็ดี บอกความประสงค์ของสตรีแก่บุรุษก็ดี ในความ เป็นเมียก็ตาม ในความเป็นชู้ก็ตาม โดยที่สุด บอกแม้แก่หญิงแพศยา อันจะพึงอยู่ร่วมชั่วขณะ เป็นสังฆาทิเสส.
เรื่องนักเลงหญิง จบ
สิกขาบทวิภังค์
[๔๒๗] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด มีการงาน อย่างใด มีชาติอย่างใด มีชื่ออย่างใด มีโคตรอย่างใด มีปกติอย่างใด มีธรรมเครื่องอยู่อย่างใด มีอารมณ์อย่างใด เป็นเถระก็ตาม เป็นนวกะ ก็ตาม เป็นมัชฌิมะก็ตาม นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อนึ่ง ... ใด.
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้ขอ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า ประพฤติภิกขาจริยวัตร ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า ทรงผืนผ้าที่ถูกทำลายแล้ว ชื่อว่า ภิกษุ โดยสมญา ชื่อว่า ภิกษุ โดยปฏิญญา ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นเอหิภิกขุ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้อุปสมบทแล้วด้วยไตรสรณคมน์ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้เจริญ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า มีสารธรรม ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นพระเสขะ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 253
เป็นพระอเสขะ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้อันสงฆ์พร้อมเพรียง กัน อุปสมบทให้ด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุที่พร้อมเพรียงกันอุปสมบทให้ด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ใน อรรถนี้.
คำว่า ถึงความเป็นผู้ชักสื่อ ความว่า ถูกสตรีวานไปในสำนักบุรุษ หรือถูกบุรุษวานไปในสำนักสตรี.
คำว่า บอกความประสงค์ของบุรุษแก่สตรีก็ดี คือ แจ้งความ ปรารถนาของชายแก่หญิงก็ดี.
คำว่า บอกความประสงค์ของสตรีแก่บุรุษก็ดี คือ แจ้งความ ประสงค์ของหญิงแก่ชายก็ดี.
คำว่า ในความเป็นเมียก็ตาม คือ บอกว่า เธอจักเป็นเมีย.
คำว่า ในความเป็นชู้ก็ตาม คือ บอกว่า เธอจักเป็นชู้.
คำว่า โดยที่สุด บอกแม้แก่หญิงแพศยาอันจะพึงอยู่ร่วมชั่วขณะ คือ บอกว่า เธอจักเป็นภรรยาชั่วคราว.
บทว่า สังฆาทิเสส ความว่า สงฆ์เท่านั้นให้ปริวาสเพื่ออาบัตินั้น ชักเข้าหาอาบัติเดิม ให้มานัต เรียกเข้าหมู่ ไม่ใช่คณะมากรูปด้วยกัน ไม่ใช่บุคคลรูปเดียว เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า สังฆาทิเสส คำว่า สังฆาทิเสส เป็นการขนานนาม คือ เป็นชื่อของอาบัตินิกายนั้นแล แม้ เพราะเหตุนั้น จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 254
บทภาชนีย์ มาติกา
สตรี ๑๐ จำพวก
[๔๒๘] สตรี ๑๐ จำพวก คือ สตรีมีมารดาปกครอง สตรี มีบิดาปกครอง ๑ สตรีมีมารดาบิดาปกครอง ๑ สตรีมีพี่น้องชาย ปกครอง ๑ สตรีมีพี่น้องหญิงปกครอง ๑ สตรีมีญาติปกครอง ๑ สตรี มีโคตรปกครอง ๑ สตรีมีธรรมคุ้มครอง ๑ สตรีมีคู่หมั้น สตรีมี กฎหมายคุ้มครอง ๑.
ภรรยา ๑๐ จำพวก
[๔๒๙] ภรรยา ๑ จำพวก คือ ภรรยาสินไถ่ ๑ ภรรยาที่อยู่ ด้วยความเต็มใจ ภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ๑ ภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ๑ ภรรยาที่สมรส ๑ ภรรยาที่ถูกปลงเทริด ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็น ทั้งภรรยา ๑ ภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างทั้งเป็นภรรยา ภรรยาเชลย ภรรยาชั่วคราว ๑.
มาติกาวิภังค์
[๔๓๐] สตรีที่ชื่อว่า มีมารดาปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีมารดา คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีบิดาปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีบิดา คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีมารดาปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีมารดาบิดา คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 255
สตรีที่ชื่อว่า มีพี่น้องชายปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีพี่น้องชาย คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีพี่น้องหญิงปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีพี่น้องหญิง คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีญาติปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีญาติคอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีโคตรปกครอง ได้แก่ สตรีที่มีบุคคลร่วมสกุล คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีธรรมคุ้มครอง ได้แก่ สตรีที่มีสหธรรมมิกทั้งหลาย คอยระวัง ควบคุม ห้ามปราม ให้อยู่ในอำนาจ
สตรีที่ชื่อว่า มีคู่หมั้น ได้แก่ สตรีที่มีผู้หมั้นไว้แต่ในครรภ์ โดย ที่สุด แม้สตรีที่ถูกบุรุษสวมด้วยพวงดอกไม้ ด้วยมั่นหมายว่า สตรีคนนี้ เป็นของเรา
สตรีที่ชื่อว่า มีกฎหมายคุ้มครอง ได้แก่ สตรีที่มีพระราชาบางองค์ ทรงกำหนดอาชญาไว้ว่า บุรุษใดถึงสตรีผู้มีชื่อนี้ ต้องได้รับอาชญาเท่านี้
[๔๓๑] ภรรยาที่ชื่อว่า สินไถ่ ได้แก่ สตรีที่บุรุษช่วยมาด้วยทรัพย์ แล้วให้อยู่ร่วม
ภรรยาที่ชื่อว่า อยู่ด้วยความเต็มใจ ได้แก่ สตรีที่บุรุษคู่รัก ให้ อยู่ร่วม
ภรรยาที่ชื่อว่า อยู่เพราะสมบัติ ได้แก่ สตรีที่บุรุษยกสมบัติให้ แล้วให้อยู่ร่วม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 256
ภรรยาที่ชื่อว่า อยู่เพราะผ้า ได้แก่ สตรีที่บุรุษมอบผ้าให้แล้ว ให้อยู่ร่วม
ภรรยาที่ชื่อว่า สมรส ได้แก่ สตรีที่บุรุษจับต้องภาชนะน้ำด้วยกัน แล้วให้อยู่ร่วม
ภรรยาที่ชื่อว่า ถูกปลงเทริด ได้แก่ สตรีที่บุรุษปลงเทริดลง แล้ว ให้อยู่ร่วม
ภรรยาที่ชื่อว่า เป็นคนใช้ ได้แก่ สตรีที่เป็นทั้งคนรับใช้ เป็น ทั้งภรรยา
ภรรยาที่ชื่อว่า เป็นลูกจ้าง ได้แก่ สตรีที่เป็นทั้งคนทำงาน เป็น ทั้งภรรยา
ภรรยาที่ชื่อว่า เชลย ได้แก่ สตรีที่เรียกว่า ถูกนำมาเป็นเชลย ภรรยาที่ชื่อว่า ภรรยาชั่วคราว ได้แก่ สตรีที่เรียกว่า เป็นภรรยา ชั่วขณะ.
๑. ธนักกีตาจักร
นิกเขปบท
[๔๓๒] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 257
มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าไป บอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้นี้ชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้นี้ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอกต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 258
มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้น ผู้มีชื่อว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มี ชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส.
นิกเขปบท จบ
ธนักกีตาจักร
ขัณฑจักรมีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๓๓] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกดรองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มารดาปกครองผู้มีชื่อนี้และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 259
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า
ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำา นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรนคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 260
ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ขัณฑจักร จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๓๔] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับ คำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 261
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 262
็ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พัทธจักร หมวดที่ ๑ จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒
[๔๓๕] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีที่บิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับ คำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็น ภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 263
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั่นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าว ว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกดรองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ แสะสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พัทธจักร หมวดที่ ๒ จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 264
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๓
[๔๓๖] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครอง ผู้นี้ ชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชาย ปกครองผู้นี้ชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั่นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 265
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้ชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พัทธจักร หมวดที่ ๓ จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๔
[๔๓๗] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 266
ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีน้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 267
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พัทธจักร หมวดที่ ๔ จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๕
[๔๓๘] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 268
ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั่นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ แสะสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 269
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พัทธจักร หมวดที่ ๕ จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๖
[๔๓๙] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับ คำ นำไปบอก และกับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั่นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไ ปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 270
ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกดรองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้นี้ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 271
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่ออัน ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พัทธจักร หมวดที่ ๖ จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๗
[๔๔๐] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้นี้ชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั่นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 272
ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี ธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พัทธจักร หมวดที่ ๗ จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 273
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๘
[๔๔๑] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้น ผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจึงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 274
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พัทธจักร หมวดที่ ๘ จบ
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๔๒] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 275
ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี กฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแก่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 276
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี กฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้น ผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พัทธจักร หมวดที่ ๙ จบ
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีตาจักร
มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล จบ
[๔๔๓] ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งธนักกีตาจักรมีสตรี ๒ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีคาจักร มีสตรี ๓ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีคาจักร มีสตรี ๔ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีคาจักร มีสตรี ๕ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีคาจักร มีสตรี ๖ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีทาจักร มีสตรี ๗ คนเป็นมูล
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 277
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีคาจักร มีสตรี ๘ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งธนักกีคาจักร มีสตรี ๙ คนเป็นมูล
นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล.
ธนักกีตาจักร
พัทธจักร มีสตรี ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๔๔] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมี มารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมี พี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีโคตร ปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีธรรมะคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็น ภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ธนักกีตาจักร จบ
๒. ฉัทวาสินีจักร
นิกเขปบท
[๔๔๕] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 278
ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมา
บอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส....ขัณฑจักร...พัทธจักร...
ฉันทวาสินีจักร จบ
๓. โภควาสินีจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่เพราะ
สมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง
อาบัติสังฆาทิเสส...ขัณฑจักร...พัทธจักร...
โภควาสินีจักร จบ
๔. ปฏวาสินีจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่เพราะ
ผ้า ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง
อาบัติสังฆาทิเสส... ขัณฑจักร...พัทธจักร...
ปฏวาสินีจักร จบ
๕. โอทปัตตกินีจักร
นิเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีพระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 279
มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่สมรส ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
โอทปัตตกินีจักร จบ
๖. โอภตจุมพฏาจักร
นิเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
โอภคจุมพฏาจักร จบ
๗. ทาสีภริยาจักร
นิเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมา บอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... และพัทธจักร ...
ทาสีภริยาจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 280
๘. กัมมการีภริยาจักร
นิเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้าง เป็นทั้งภรรยาของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำว่า นำไปบอก และกลับมา บอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
กัมมการีภริยาจักร จบ
๙. ธชาหฏาจักร
นิเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาเชลย ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ธชาหฏาจักร จบ
๑๐. มุหุตติกาจักร
นิเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 281
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติทสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ-. สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 282
บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้น ผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส.
นิกเขปบท จบ
มุหุตติกาจักร
ขัณฑจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๔๖] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นภรรยาชั่วคราว สองบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 283
มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ ว่า ข่าวว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 284
ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่าน ทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มุหุตติกาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๔๗] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองผู้ ชื่อนี้ ...
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 285
... .สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้..
... สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครอง ผู้มี ชื่อนี้ ...
... สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มูลย่อ (๑)
มุหุตติกาจักร
พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๔๘] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้ชื่อนี้ และสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีมารดาบิดาปกครอง ผู้มีชื่อนี้ ...
(๑) พัทธจักร มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒- หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 286
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องชายปกครอง ผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีพี่น้องหญิงปกครอง ผู้มีชื่อนี้ ...
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีญาติปกครองผู้มี ชื่อนี้ ...
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีโคตรปกครองผู้มี ชื่อนี้ ...
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มี ชื่อนี้ ...
... สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร
มีสตรีคนหนึ่งเป็นมูล จบ
[๔๔๙] ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๒ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๓ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๔ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๕ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๖ คนเป็นมูล
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 287
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร สตรีมี ๗ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๘ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมุหุตติกาจักร มีสตรี ๙ คนเป็นมูล
นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล ่ิ่
มุหุตติกาจักร
พัทธจักร มีสตรี ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๕๐] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมี มารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีพี่น้อง หญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีโคตรปกครองผู้มี ชื่อนี้ สตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และสตรีมี กฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส.
มุหุตติกาจักร จบ
๑. มาตุรักขิตาจักร
นิกเขปบท
[๔๕๑] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 288
ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่สมรส ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ของบุรุษผู้มีชื่อนี้..
... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตาจักร
ขัณฑจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๕๒] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจง ไปบอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยา สินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับ คำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 289
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ...
... ภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาเชลย ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๕๓] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่ ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้นี้ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอกและกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 290
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้าง เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาเชลย ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาชั่วคราว ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มูลย่อ (๑)
มาตุรักขิตาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๕๔] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่ว คราว และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมานอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว และ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
(๑) พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒-หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 291
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่สมรส ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร
มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล จบ
[๔๕๕] ขัณฑจักรและพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๒ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๓ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๔ คน เป็นมูล
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 292
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๕ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๖ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๗ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๘ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๙ คน เป็นมูล
นักปราชญ์พึงทำตามแบบนั้นแล.
มาตุรักขิตาจักร
พัทธจักร มีภรรยา ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๕๖] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ เป็น ภรรยาที่อยู่เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็น ทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตาจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 293
๒. ปิตุรักขิตาจักร นิกเขปบท
[๔๕๗] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ปิตุรักขิตาจักร จบ
๓. มาตาปิตุรักขิตาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ. สังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
มาตาปิตุรักขิตาจักร จบ
๔. ภาตุรักขิตาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ขอ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 294
บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ภาตุรักขิตาจักร จบ
๕. ภคินีรักขิตาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีพี่น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรบคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ภคินีรักขิตาจักร จบ
๖. ญาติรักขิตาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ญาติรักขิตาจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 295
๗. โคตตรักขิตาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีโคตรปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
๘. ธัมมรักขิตาจักร
นิกขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมานอก ต้องอาบัติสังฆา. ทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ธัมมรักขิตาจักร จบ
๙. สารักขาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 296
นี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
สารักขาจักร จบ
๑๐. สปริทัณฑาจักร
นิกเขปบท
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี กฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ- สังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี กฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่สมรส ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 297
สปริทัณฑาจักร
ขัณฑจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๘๘] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณ เจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมานอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาเชลย ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สปริทัณฑาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๕๙] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยา
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 298
ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองมีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้าง เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาเชลย ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยยความเต็มใจ และเป็นภรรยาชั่วคราว ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มูลย่อ (๑)
สปิทัณฑาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๖๐] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป
(๑) พัทธจักรมีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒-หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 299
บอกสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่ว คราว และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาชั่วคราว และ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้.่
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่สมรส ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับนาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งสปริทัณฑาจักร
มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 300
[๔๖๑] ขัณฑจักร และพัทธจักรแห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๒ คนเป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๓ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๔ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๕ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๖ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๗ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๘ คน เป็นมูล
ขัณฑจักร และพัทธจักร แห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๙ คน เป็นมูล
นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล.
สปริทัณฑาจักร
พัทธจักร มีภรรยา ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๖๒] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยา
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 301
สินไถ่ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็น ทั้งภรรยา เป็นภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
สปริทัณฑจักร จบ
อุภโตพัทธจักร
มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละหนึ่ง
[๔๖๓] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านจงเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส.
อุภโตพัทธกจักร
มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละ ๒
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอ ท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 302
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละ ๓
บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรี มีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ และสตรีผู้มีมารดา บิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยาสินไถ่ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส.
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละ ๔
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกัน ข้างละ ๕
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกัน ข้างละ ๖
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละ ๗
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกัน ข้างละ ๘
อุภโตพัทธกจักร มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละ ๙
นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล.
อุภโตพัทธกจักร
มีสตรีและภรรยารวมกันข้างละ ๑๐
[๘๖๔] บุรุษวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีมีมารดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมี มารดาบิดาปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีพี่น้องชายปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีพี่
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 303
น้องหญิงปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีญาติปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีโคตร ปกครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีธรรมคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ สตรีมีคู่หมั้นผู้มีชื่อนี้ และ สตรีมีกฎหมายคุ้มครองผู้มีชื่อนี้ว่า ข่าวว่า ขอท่านทั้งหลายจงเป็นภรรยา สินไถ่ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็น ทั้งภรรยา เป็นภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส. อุภโตพัทธกจักร
ปุริสเปยยาล
๑. ปุริสมาตุจักร
นิกเขปบท
[๔๖๕] มารดาของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ปุริสมาตุจักร จบ
๒. ปุริสปิตุจักร
นิกเขปบท
บิดาของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ปุริสปิตุจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 304
๓. ปุริสมาตาปิตุจักร นิกเขปบท
มาดาบิดาของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ... ปุริสมาตาปิตุจักร จักร
๔. ปุริสภาตุจักร
นิกเขปบท
พี่น้องชายของบุรุษวานภิกษุว่า..ขัณฑจักร ... พัทธจักร ... ปุริสภาตุจักร จบ
๕. ปุริสภคินีจักร
นิกเขปบท
พี่น้องหญิงของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พทัธจักร ... ปุริสภคินีจักร จบ
๖. ปุริสญาตกจักร
นิกเขปบท
ญาติของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ... ปุริสญาตกจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 305
๗. ปุริสโคตตจักร
นิกเขปบท
โคตรของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พัทธจัก ...
ปุริสโคตตจักร จบ
๘. ปุริสสหธัมมิกจักร
นิกเขปบท
สหธรรมิกของบุรุษวานภิกษุว่า ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ปุริสสหธัมมิกจักร จบ
นักปราชญ์พึงยังปุริสเปยยาลให้พิสดาร อุภโตพัทธกจักรก็พึงให้ พิสดาร ดุจนัยที่มีมาแล้วข้างต้นนั้นแล.
ปุริสเปยยาล จบ
อิตถีเปยยาล
๑. มาตุรักขิตามาตุจักร
นิกเขปบท
[๔๖๖] มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 306
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่เพราะ สมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่เพราะ ผ้า ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองว่า ภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่สมรส ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่ถูกปลง เทริด ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่เป็นทั้ง
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 307
คนใช้เป็นทั้งภรรยาของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับ มาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่เป็นทั้ง ลูกจ้างเป็นทั้งภรรยาของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับ มาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาเชลย ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
มาตุรักขิตามาตุจักร
ขัณฑจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๖๗] มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระ คุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่และเป็นภรรยาทอยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 308
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรา ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาเชลย ...
... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตามาตุจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๖๘] มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ...
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 309
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาถูกปลงเทริด ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้าง เป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาเชลย ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาชั่วคราว ...
... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มูลย่อ (๑)
มาตุรักขิตามาตุจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๖๙] มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระ คุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา ชั่วคราว และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไป บอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ.่.่
(๑) พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒- หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 310
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... .
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่สมรส ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ...... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ...
... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งมาตุรักขิมาตาตุจักร
มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล จบ
แม้ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งมาทุรักขิตามาตุจักร มีภรรยา ๒ คน เป็นมูล ตลอดถึงขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งมาตุรักขิตามาตุจักร มีภรรยา ๙ คนเป็นมูล
นักปราชญ์ก็พึงทำตามแบบนี้แล.
มาตุรักขิตามาตุจักร
พัทธจักร มีภรรยา ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๗๐] มารดาของสตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระ คุณเจ้า ขอพระคุณ เจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 311
เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้าง ทั้งภรรยา เป็นภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส. มาตุรักขิตามาตุจักร จบ
๒. ปิตุรักขิตาปิตุจักร นิกเขปบท
[๔๗๑] บิดาของสตรีมีบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
บิดาของสตรีมีบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้ง คนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา.. เป็น ภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ปิตุรักขิตาปิตุจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 312
๓. มาตาปิตุรักขิตามาตาปิตุจักร
นิกเขปบท
มารดาบิดาของสตรีมีมารดาบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระ คุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มารดาบิดาของสตรีมีมารดาบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่ เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ ถูกปลงเทริด ... เป็น ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราวของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
มาตุปิตุรักขิตามาตาปิตุจักร จบ
ภาตุรักขิตาภาตุจักร
นิกเขปบท
พี่น้องชายของสตรีมีพี่น้องชายปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณ เจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอกแล้วกลับมาบอก ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 313
พี่น้องชายของสตรีมีพี่น้องชายปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณ เจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่ อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่.่ เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็น ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑ- จักร ... พัทธจักร ...
ภาตุรักขิตาภาตุจักร จบ
๕ ภคินีรักขิตาภคินีจักร
นิกเขปบท
พี่น้องหญิงของสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระ ... คุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พี่น้องหญิงของสตรีมีพี่น้องหญิงปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระ ... คุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่ เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทรด ... เป็น ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 314
ภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑ- จักร ... พัทธจักร ...
ภคินีรักขิตาภคินีจักร จบ
๖. ญาติรักขิตาญาติกจักร
นิกเขปบท
ญาติของสตรีมีญาติปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
ญาติของสตรีมีญาติปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้ง คนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็น ภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำ ไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ญาติรักขิตาญาตจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 315
๗. โคตตรักขิตาโคตตจักร
นิกเขปบท
โคตรทั้งหลายของสตรีมีโคตรปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณ. เจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา สินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้อง อาบัติสังฆาทิเสส
โคตรทั้งหลายของสตรีมีโคตรปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยา ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่ เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็น ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑ- จักร ... พัทธจักร ...
โคตตรักขิตาโคตตจักร จบ
๘. ธัมมรักขิตาสหธัมมิกจักร
นิกเขปบท
สหธรรมิกทั้งหลายของสตรีมีธรรมคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่ พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 316
ภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สหธรรมิกทั้งหลายของสตรีมีธรรมคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่ พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็น ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยา ที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็น ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑ- จักร ... พัทธจักร ...
ธัมมรักขิตาสหธัมมิกจักร จบ
๙. สารักขาปุริสจักร
นิกเขปบท
คู่หมั้นของสตรีมีคู่หมั้นวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
คู่หมั้น ของสตรีมีคู่หมั้นวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้ง คนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 317
ภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
สารักขาปุริสจักร จบ
๑๐. สปริทัณฑาปุริสจักร
นิกเขปบท
พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอ เป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับ มาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็น ภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็น ทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
สปริทัณฑาปุริสจักร จบ
สปริทัณฑาปุริสจักร
ขัณฑจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล
[๘๗๒] พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวาน ภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิง
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 318
นั้น จะขอเป็นภรรยาสินไถ่ และภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมาย คุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็น ภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า.. เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็น ภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาชั่วคราวของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
สปริทัณฑาปริสจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๗๓] พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวาน ภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิง นั้นจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะ สมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้า แต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 319
ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่อยู่ ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยา ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาที่ อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาชั่วคราว ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มูลย่อ (๑)
สปริทัณฑาปุริสจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๗๔] พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวาน ภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิง นั้นจะขอเป็นภรรยาชั่วคราว และภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้า แต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอ เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยา ชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาชั่วคราว และ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่สมรส ...
(๑) พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒- หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 320
เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด.. เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาชั่วคราว และ เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาชั่วคราว และ เป็นภรรยาเชลยของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งสปริทัณฑาปุริสจักร
มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล จบ
แม้ทัณฑจักรและพัทธจักรแห่งสปริทัณฑาปุริสจักร มีภรรยา ๒ คน เป็นมูล ตลอดถึงขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งสปริทัณฑาปุริสจักรมีภรรยา คนเป็นมูล นักปราชญ์ก็พึงทำตามแบบนี้แล.
สปริทัณฑาปุริสจักร
พัทธจักร มีภรรยา ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๗๕] พระราชาผู้ตรากฎหมายของสตรีมีกฎหมายคุ้มครองวาน ภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า หญิงนั้นจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยา ที่อยู่เพราะสมบัติ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยา ที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็น ทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สปริทัณฑาปุริสจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 321
๑. มาตุรักขิตาจักร
นิกเขปบท
[๔๗๖] สตรีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ข้าพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยา ที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย.. เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตาจักร
ขัณฑจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๗๗] สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ของพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉัน จะขอเป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 322
เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็น ภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็น ภรรยาที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาชั่วคราวของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๗๘] สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็น ภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่ถูก ปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคน ใช้เป็นทั้งภรรยา.. เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็น ทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 323
ภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาชั่วคราว เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
มูลย่อ (๑)
มาตุรักขิตาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[๔๗๙] สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาชั่วคราว และ เป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับ มาบอก. ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีมารดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้นี้ชื่อนี้ว่า ดิฉัน จะขอเป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยา ที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะ สมบัติ ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยา ชั่วคราว และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยา ที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็น ทั้งภรรยา เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็น ทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งมาตุรักขิตาจักร
มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล จบ
(๑) พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒-หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 324
แม้ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งมาตุรักขิตาจักร มีภรรยา ๒ คน เป็นมูลเป็นต้น นักปราชญ์ก็พึงทำตามแบบนี้แล.
มาตุรักขิตาจักร
พุทธจักร มีภรรยา ๑๐ คนเป็นมูล
[๔๘๐] สตรีมีมารดาปกครอง วานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ เป็น ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ เป็นภรรยาที่อยู่ เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยาที่ เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา เป็น ภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มาตุรักขิตาจักร จบ
๒. ปิตุรักขิตาจักร
นิกเขปบท
[๔๘๑] สตรีมีบิดาปกครองวานภิกษุ ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของ บุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
สตรีมีบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ...
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 325
เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่ สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรราที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ปิตุรักขิตาจักร จบ
๓. มาตาปิตุรักขิตาจักร
นิกเขปบท
สตรีมีมารดาบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
สตรีมีมารดาบิดาปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็น ภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยา เชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
มาตาปิตุรักขิตาจักร
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 326
๔. ภาตุรักขิตาจักร นิกเขปบท
สตรีมีพี่น้องชายปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีพี่น้องชายปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณ เจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยา ที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็น ทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับ มาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ภาตุรักขิตาจักร จบ
๕. ภคินีรักขิตาจักร นิกเขปบท
สตรีมีพี่น้องหญิงปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณ เจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มี ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีพี่น้องหญิงปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 327
เต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ.. เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็น ภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยา เชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ภคินีรักขิตาจักร จบ
๖. ญาติรักขิตาจักร
นิกเขปบท
สตรีมีญาติปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีญาติปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่ สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ญาติรักขิตาจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 328
๗. โคตตรักขิตาจักร
นิกเขปบท
สตรีมีโคตรปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ของพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีโคตรปกครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยา ที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา.. เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
โคตตรักขิตาจักร จบ
๘. ธัมมรักขิตาจักร
นิกเขปบท
สตรีมีธรรมคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีธรรมคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า จงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 329
ภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยา ชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
ธัมมรักขิตาจักร
๙. สารักขาจักร
นิกเขปบท
สตรีมีคู่หมั้นวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุ รับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีคู่หมั้นวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็น ภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยา ชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ... ขัณฑจักร ... พัทธจักร ...
สารักขาจักร จบ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 330
๑๐. สปริทัณฑาจักร
นิกเขปบท
สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษ ผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็น ภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยา เชลย ... เป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
นิกเขปบท จบ
สปริทัณฑาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล
[๔๘๒] สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ และ เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ และเป็น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 331
ภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็น ภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้ง ภรรยา ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาสินไถ่ และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
สปริทัณฑาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๑
[๔๘๓] สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วย ความเต็มใจและเป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความ เต็มใจ และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยา ที่ถูกปลงเทริด ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่เป็น ทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาที่ เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็น ภรรยาเชลย ... เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาชั่วคราว ...
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 332
เป็นภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
มูลย่อ (๑)
สปริทัณฑาจักร
พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๙
[์๔๘๔] สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาสินไถ่ ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และ กลับมาบอก ต้องอาบัติทสังฆาทิเสส.
สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษมีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาชั่วคราว และเป็น ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่ เพราะสมบัติ ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ... เป็น ภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่สมรส ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็น ภรรยาที่ถูกปลงเทริด ... ภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้ เป็นทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็น ทั้งภรรยา ... เป็นภรรยาชั่วคราว และเป็นภรรยาเชลย ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
ขัณฑจักรและพัทธจักแห่งสปริทัณฑาจักร
มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล จบ
(๑) พัทธจักร มีภรรยาคนหนึ่งเป็นมูล หมวดที่ ๒- หมวดที่ ๘ ท่านย่อไว้.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 333
ขัณฑจักรและพัทธจักรแห่งสปริทัณฑาจักร มีภรรยา ๒ คนเป็นมูล ้เป็นต้น นักปราชญ์พึงทำตามแบบนี้แล.
สปริทัณฑาจักร
พัทธจักรมีภรรยา ๑๐ คนเป็นมูล
[๘๘๕] สตรีมีกฎหมายคุ้มครองวานภิกษุว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกบุรุษผู้มีชื่อนี้ว่า ดิฉันจะขอเป็นภรรยาสินไถ่ เป็น ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ เป็นภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ เป็นภรรยาที่ อยู่เพราะผ้า เป็นภรรยาที่สมรส เป็นภรรยาที่ถูกปลงเทริด เป็นภรรยา ที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างเป็นทั้งภรรยา เป็นภรรยาเชลย และเป็นภรรยาชั่วคราว ของบุรุษผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.
สปริทัณฑาจักร
จักรเปยยาลทั้งมวล จบ
ภิกษุรับคำ
[๔๘๖] ภิกษุรับคำ นำไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ภิกษุรับคำ นำไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุรับคำ ไม่นำไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุรับคำ ไม่นำไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุไม่รับคำ
ภิกษุไม่รับคำ นำไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 334
ภิกษุไม่รับคำ นำไปบอก ไม่กลับมาบอก ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุไม่รับคำ ไม่นำไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุไม่รับคำ ไม่นำไปบอก ไม่กลับมาบอก ไม่ต้องอาบัติ.
บุรุษสั่งภิกษุหลายรูป
[๔๘๗] บุรุษสั่งภิกษุหลายรูปด้วยกันไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอ พระคุณเจ้าทั้งหลายจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุทุกรูปรับคำ ทุกรูป นำไปบอก ทุกรูปกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกรูป
บุรุษสั่งภิกษุหลายรูปด้วยกันไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า ทั้งหลายจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุทุกรูปรับคำ ทุกรูปนำไปบอก ให้รูปหนึ่งกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกรูป
บุรุษสั่งภิกษุหลายรูปด้วยกันไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า ทั้งหลายจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุทุกรูปรับคำ ให้รูปหนึ่งนำไปบอก ทุกรูปกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกรูป
บุรุษสั่งภิกษุหลายรูปด้วยกันไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้า ทั้งหลายจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุทุกรูปรับคำ ให้รูปหนึ่งนำไปบอก แล้วให้รูปหนึ่งกลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ทุกรูป
บุรุษสั่งภิกษุรูปเดียว
บุรุษสั่งภิกษุรูปเดียวไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก และกลับมาบอก ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 335
บุรุษสั่งภิกษุรูปเดียวไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ นำไปบอก แต่ให้ภิกษุอันเตวาสิกกลับมา บอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษสั่งภิกษุรูปเดียวไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุรับคำ ให้ภิกษุอันเตวาสิกไปบอก แต่กลับมาบอก ด้วยตนเอง ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
บุรุษสั่งภิกษุรูปเดียวไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไป บอกสตรีผู้ชื่อนี้ ภิกษุรับคำ ให้ภิกษุอันเตวาสิกไปบอก ภิกษุอันเตวาสิก ไปบอก แล้วกลับมาบอกนอกเรื่อง ต้องอาบัติถุลลัจจัยทั้งสองรูป.
ภิกษุจัดการสำเร็จและบอกเคลื่อนคลาด
[๔๘๘] ภิกษุไปจัดการสำเร็จ กลับมาบอกเคลื่อนคลาด ต้อง อาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุไปบอกเคลื่อนคลาด กลับมาจัดการสำเร็จ ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุไปจัดการสำเร็จ กลับมาจัดการสำเร็จ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
ภิกษุไปบอกเคลื่อนคลาด กลับมาบอกเคลื่อนคลาด ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
[๔๘๙] ภิกษุผู้ไปด้วยกรณียกิจของสงฆ์ก็ดี ของเจดีย์ก็ดี ของ ภิกษุผู้อาพาธก็ดี ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติ. แล.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 336
วินีตวัตถุ
อุทานคาถา
[๔๙๐] ุ เรื่องสตรีหลับ เรื่องสตรีตาย เรื่องสตรีย้ายบ้าน เรื่อง ผู้มิใช่สตรี เรื่องสตรีบัณเฑาะก์ เรื่องชักโยงสามีภรรยาผู้ทะเลาะให้ คืนดีและเรื่องการชักสื่อบัณเฑาะก์
วินีตวัตถุ
เรื่องสตรีหลับ
[๔๙๑] ก็โดยสมัยนั้นแล บุรุษคนหนึ่งสั่งภิกษุรูปหนึ่งไว้ว่า ข้าแต่ พระคุณเจ้า ขอพระคุณ เจ้าจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุนั้นไปถามคน ทั้งหลายว่า สตรีผู้มีชื่อนี้ไปไหน เขาตอบว่า หลับ ขอรับ เธอได้มีความ รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ
เรื่องสตรีตาย
ก็โดยสมัยนั้นแล บุรุษคนหนึ่งสั่งภิกษุรูปหนึ่งไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุนั้นไปถามคนทั้งหลาย ว่า สตรีผู้มีชื่อนี้ไปไหน เขาตอบว่า ตายเสียแล้ว ขอรับ เธอได้มีความ รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัส ว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 337
เรื่องสตรีย้ายบ้าน
ก็โดยสมัยนั้นแล บุรุษคนหนึ่งสั่งภิกษุรูปหนึ่งไว้ว่า ข้าแต่พระ คุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุนั้นไปถามคนทั้งหลายว่า สตรีผู้มีชื่อนี้ไปไหน เขาตอบว่า ย้ายไปแล้ว ขอรับ เธอได้มีความรังเกียจ ว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ
เรื่องผู้มิใช่สตรี
ก็โดยสมัยนั้นแล บุรุษคนหนึ่งสั่งภิกษุรูปหนึ่งไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุนั้นไปถามคนทั้งหลายว่า สตรีผู้มีชื่อนี้ไปไหน เขาตอบว่า ไม่ใช่สตรี ขอรับ เธอได้มีความรังเกียจ ว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ
เรื่องสตรีบัณเฑาะก์
ก็โดยสมัยนั้นแล บุรุษคนหนึ่งสั่งภิกษุรูปหนึ่งไว้ว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าจงไปบอกสตรีผู้มีชื่อนี้ ภิกษุนั้นไปถามคนทั้งหลาย ว่า สตรีผู้มีชื่อนี้ไปไหน เขาตอบว่า เป็นสตรีบัณเฑาะก์ ขอรับ เธอได้ มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูล เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติ สังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 338
เรื่องชักโยงสามีภรรยาผู้ทะเลาะให้คืนดี
[๔๙๒] ก็โดยสมัยนั้นแล สตรีคนหนึ่งทะเลาะกับสามี แล้วได้ ไปยังเรือนมารดา ภิกษุกุลุปกะได้ชักโยงให้คืนดีกันแล้ว เธอได้มีความ รังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่อง นั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ เขาหย่ากันแล้วหรือ
ภิ. เขายังไม่ได้หย่ากัน พระพุทธเจ้าข้า
ภ ดูก่อนภิกษุ เธอไม่ต้องอาบัติ เพราะเขายังไม่ทันหย่ากัน.
เรื่องการชักสื่อในบัณเฑาะก์
[๔๙๓] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งถึงการชักสื่อในบัณเฑาะก์ แล้ว เธอได้มีความรังเกียจว่า เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้ว กระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอ ไม่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ต้องอาบัติถุลลัจจัย.
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕ บท
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
สัญจริตตสิกขาบทวรรณนา
สัญจริตตสิกขา บทว่า เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เป็นต้น ข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไป:-
ในสัญจริตตสิกขาบทนั้น พึงทราบวินิจฉัยดังนี้:-
[แก้อรรถปฐมบัญญัติเรื่องพระอุทายี]
บทว่า ปณฺฑิตา ได้แก่ ผู้ประกอบด้วยความเป็นผู้ฉลาด คือผู้มี ปัญญาเป็นเครื่องดำเนินไป.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 339
บทว่า พฺยตฺตา ได้แก่ ผู้ประกอบด้วยความเป็นผู้สามารถ คือ เป็นผู้รู้อุบาย ผู้กล้าหาญ.
บทว่า เมธาวินี ความว่า เป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาทำให้คนอื่น เห็นแล้วเห็นเล่า.
บทว่า ทกฺขา คือ เป็นผู้เฉียบแหลม.
บทว่า อนลสา คือ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียร.
บทว่า ฉนฺนา แปลว่า เหมาะสม.
บทว่า กิสฺมึ วิย มีอธิบายว่า ดูเหมือนจะเป็นการยาก คือ ดูจะเป็นความเสีย ดูจะเป็นข้อที่น่าละอายแก่พวกข้าพเจ้า.
สองบทว่า กุมาริกาย วตฺตุ ความว่า การที่จะพูดเพราะเหตุ แห่งเด็กหญิงว่า พวกท่านจงรับเอาเด็กหญิงนี้ไป (ดูเป็นการยาก).
บรรดาอาวาหะเป็นต้น ที่ชื่อว่า อาวาหะ ได้แก่ การนำเด็กสาว มาจากตระกุลอื่น เพื่อเด็กหนุ่ม. ที่ชื่อว่า วิวาหะ ได้แก่ การส่งเด็กสาว ของคนไปสู่ตระกูลอื่น.
บทว่า วาเรยฺยานิ ความว่า การสู่ขอว่า พวกท่านจงให้เด็กหญิง สาวน้อยแก่เด็กชายหนุ่มน้อยของพวกเรา หรือทำการกำหนดวัน ฤกษ์ และยาม.
บทว่า ปุราณคณกิยา ความว่า ภรรยาของหมอดู (โหร) คนหนึ่ง. หญิงนั้น เมื่อหมอดูนั้นยังมีชีวิตอยู่ ปรากฏชือว่า คณกี. และเมื่อหมอดู ตายแล้ว ถึงอันนับว่า ปุราณคณกี.
บทว่า ติโรคาโม ได้แก่ นอกบ้าน. อธิบายว่า บ้านอื่น.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 340
บทว่า มนุสฺสา ได้แก่ พวกชาวบ้านผู้รู้ความที่พระอุทายีเป็นผู้ ชอบขวนขวายในการชักสื่อนี้.
บทว่า สุณิสาโภเคน ความว่า พวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้น ใช้สอยหญิงนั้น อย่างที่คนทั้งหลายจะพึงใช้สอยหญิงสะใภ้ มีการให้ หุงภัตให้ต้มแกง และการให้เลี้ยงดูเป็นต้น.
หลายบทว่า ตโต อปเรน ทาสีโภเคน ความว่า แต่ล่วงไป ได้ ๑ เดือน พวกสาวกของอาชีวกเหล่านั้นใช้สอยนางนั้น ด้วยการ ใช้สอยอย่างที่คนทั้งหลายจะพึงใช้สอยทาสี มีการทำนา เทหยากเยื่อ และตักน้ำเป็นต้น.
บทว่า ทุคคตา คือ เป็นผู้ยากจน, อีกอย่างหนึ่ง ความว่า ไปสู่ตระกูลที่ตนไปแล้ว เป็นผู้ตกทุกข์ได้ยาก.
หลายบทว่า มายฺโย อิมํ ภุมาริกํ ความว่า คุณอย่าใช้สอย เด็กหญิงนี้ อย่างใช้สอยทาสีเลย.
ด้วยบทว่า อาหารูปหาโร พวกสาวกของอาชีวกแสดงว่า การ รับรองและการตกลง คือการรับและการให้ พวกเราไม่ได้รับมา ไม่ ได้มอบให้อะไรๆ คือว่า พวกเราไม่มีการซื้อขาย คือ การค้าขาย กับท่าน.
คำว่า สมเณน ภิตพฺพํ อพฺยาวเฏน สมโณ อสฺส สุสฺสมโณ มีความว่า พวกสาวกของอาชีวก รุกรานพระอุทายีเถระนั้นอย่างนี้ว่า ธรรมดาว่า สมณะ ต้องเป็นผู้ไม่ขวนขวาย คือต้องเป็นผู้ไม่พยายาม ในการงานเช่นนี้ ด้วยว่า สมณะผู้เป็นอย่างนี้ พึงเป็นสมณะที่ดี แล้ว กล่าวว่า ไปเสียเถิดท่าน พวกเราไม่รู้จักท่าน.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 341
บทว่า สชฺชิโต ความว่า เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปกรณ์ทุกอย่าง หรือเป็นผู้ตกแต่งประดับประดาแล้ว.
บทว่า ชุตฺตา ได้แก่ พวกนักเลงหญิง.
บทว่า ปริจาเรนฺตา ความว่า ยังอินทรีย์ทั้งหลายให้เที่ยวรื่นเริง ในอารมณ์มีรูปเป็นต้น ที่เพลิดเพลินใจโดยรอบด้าน อย่างโน้นอย่างนี้, มีอธิบายว่า เล่นอยู่ คือยินดีอยู่.
บทว่ า อพฺภุตมกํสุ ความว่า พวกนักเลงกระทำการพนันกันว่า ถ้าพระอุทายีจักทำ ท่านชนะพนันเท่านี้ ถ้าจักไม่ทำ เราจักแพ้พนัน เท่านี้ ท่านกล่าวไว้ในมหาปัจจรีว่า ก็การกระทำพนันกัน ไม่ควรแก่ ภิกษุทั้งหลาย, ถ้าภิกษุใดกระทำ, ผู้แพ้จะต้องเสียให้แก่ภิกษุนั้น.
เวลาไม่นาน เรียกว่า ตังขณะ (ขณะนั้น) ในคำว่า กถํ หิ นาม อยฺโย อุทายิ ตงฺขณิกํ นี้. บทว่า ตงฺขณิกํ ได้แก่ การชักสื่อ มีการ ทำหน้าที่ชั่วกาลไม่นาน.
[อธิบายการเที่ยวชักสื่อ]
คำว่า สญฺจริตฺตํ สนาปชฺเชยฺย ความว่า พึงถึงภาวะเที่ยวชักสื่อ ก็เพราะภิกษุผู้ถึงภาวะชักสื่อนั้น ถูกใครๆ ส่งไปแล้ว จำจะต้องไป ในที่บางแห่ง, หญิงและชาย ที่ท่านประสงค์เอาในสิกขาบทนี้ โดยพระบาลี เป็นต้นว่า อิตฺถิยา วา ปุริสมตึ ข้างหน้านั่นแหละ. ฉะนั้น เพื่อจะ ทรงแสดงอรรถนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสบทภาชนะแห่งคําว่า อิตฺถิ- ยา วา ปุริสมตึ นั้น อย่างนี้ว่า ภิกษุถูกหญิงวานไปในสำนักผู้ชาย หรือว่าถูกผู้ชายวานไปในสำนักแห่งหญิง ดังนี้.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 342
ในคำว่า อิตฺถิยา วา ปุริสมตึ ปุริสสฺส วา อิตฺถึมตึ นี้ บัณฑิตพึงทราบบาลีที่เหลือว่า อาโรเจยฺย แปลว่า พึงบอก. ด้วยเหตุ นั้นนั่นแล ในบทภาชนะแห่งบทว่า ปุริสสฺส วา อิตฺถีมตึ นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคำว่า ย่อมบอกความประสงค์ของชายแก่หญิง บอกความประสงค์ของหญิงแก่ชาย ดังนี้.
บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงประโยชน์ คือ ความประสงค์ ความต้อง การ อัธยาศัย ความพอใจ ความชอบใจ ของชายและหญิงเหล่านั้น ที่ภิกษุบอก จึงตรัสว่า ในความเป็นเมียก็ตาม ในความเป็นชู้ก็ตาม.
บรรดาบททั้งสองนั้น บทว่า ชายตฺตเน คือ ในความเป็นเมีย.
บทว่า ชารตฺตเน คือ ในควานเป็นชู้ อธิบายว่า เมื่อภิกษุ บอกความประสงค์ของชายแก่หญิง ชื่อว่าย่อมบอกในความเป็นเมีย, เมื่อ บอกความประสงค์ของหญิงแก่ชาย ชื่อว่าย่อมบอกในความเป็นชู้. อีก นัยหนึ่ง เมื่อบอกความประสงค์ของชายนั่นแหละแก่หญิง ชื่อว่าบอก ในความเป็นเมีย คือ ในความเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายบ้าง ใน ความเป็นชู้ คือ ในความเป็นมิจฉาจารบ้าง. ก็เพราะว่า ภิกษุเมื่อจะบอก ความเป็นเมียและเป็นชู้นี้ จำจะต้องกล่าวคำมีอาทิว่า นัยว่า เธอจักต้อง เป็นภรรยาของชายนั้น, ฉะนั้น เพื่อจะแสดงอาการแห่งความเป็นถ้อยคำ จำเป็นต้องกล่าวนั้น จึงตรัสบอกบทภาชนะแห่งบททั้งสองนั้น ว่า คำว่า ในความเป็นเมีย คือ เธอจักเป็นภรรยา, คำว่า ในความเป็นชู้ คือ เธอ จักเป็นชู้ ดังนี้.
โดยอุบายนี้นั่นแล แม้ในการบอกความประสงค์ของหญิงแก่ชาย
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 343
บัณฑิตพึงทราบอาการที่ภิกษุจำเป็นต้องกล่าวว่า เธอจักเป็นผัว, เธอจัก เป็นสามี, ชักเป็นชู้.
สองบทว่า อนฺตมโส ตํขณิกายปิ มีความว่า หญิงที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกว่า ตังขณิกา เพราะผู้อันชายพึงอยู่ร่วมเฉพาะ ในขณะนั้น คือ เพียงชั่วครู่, ความว่า เป็นเมียเพียงชั่วคราว โดย กำหนดอย่างต่ำที่สุดทั้งหมด. เมื่อภิกษุบอกความประสงค์ของชายอย่างนี้ ว่า เธอจักเป็นเมียชั่วคราว แก่หญิงแม้นั้น ก็เป็นสังฆาทิเสส. โดยอุบาย นี้นั่นแล แม้ภิกษุผู้บอกความประสงค์ของหญิงแก่ชายอย่างนี้ว่า เธอจัก เป็นผัวชั่วคราว บัณฑิตพึงทราบว่า ต้องสังฆาทิเสส.
[อธิบายหญิง ๑๐ จำพวก]
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อทรงแสดงหญิงจำพวกที่ทรง ประสงค์ในคำว่า อิตฺถิยา วา ปุริสมตึ นี้ โดยประเภทแล้ว ทรงแสดง ชนิดแห่งอาบัติ ด้วยอำนาจความเป็นผู้ชักสื่อ ในหญิงเหล่านั้น จึงตรัส คำว่า ทส อิตฺถิโย แป็นต้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มาตุรกฺขิตา ได้แก่ หญิงที่มารดา รักษา คือ มารดารักษาโดยประการที่จะสำเร็จการอยู่ร่วมกับผู้ชายไม่ได้ ด้วยเหตุนั้น ท่านพระอุบาลีจึงกล่าวแม้บทภาชนะแห่งบทว่า มาตุรกฺขิตา นั้นว่า มารดาย่อมรักษาคุ้มครอง ยังตนให้ทำความเป็นใหญ่ ยังอำนาจ ให้เป็นไป.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รกฺขิตา ความว่า ไม่ให้ไปในที่ ไหนๆ. บทว่า โคเปติ ความว่า ย่อมกักไว้ในที่คุ้มครอง โดยประการ ที่ชายเหล่าอื่นจะไม่เห็น.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 344
สองบทว่า อิสฺสริยํ กาเรติ ความว่า ห้ามการอยู่คามอำเภอใจแห่ง หญิงนั้น ประพฤติข่มขี่.
สองบท วสํ วตฺเตติ ความว่า ยังอำนาจของตนให้เป็นไปใน เบื้องบนแห่งหญิงนั้นอย่างนี้ว่า เจ้าจงทำสิ่งนี้, อย่าได้ทำอย่างนี้. แม้ หญิงทั้งหลาย มีหญิงที่บิดารักษาเป็นต้น ก็พึงทราบโดยอุบายนี้.
โคตร หรือ ธรรม ย่อมรักษาไม่ได้, แต่ว่า หญิงอันชนผู้มี โคตรเสมอกัน และอันชนผู้ประพฤติธรรมร่วมกัน คือ ชนผู้บวชอุทิศ พระศาสดาพระองค์เดียวกัน และชนผู้นับเนื่องในคณะเดียวกัน รักษาแล้ว ท่านเรียกว่า หญิงอันโคตรรักษา หญิงอันธรรมรักษา. เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวบทภาชนะแห่งบทเหล่านั้น โดยนัยเป็นต้นว่า สโคตฺตา รกฺขนฺติ. หญิงที่เป็นไปกับด้วยอารักขา ชื่อว่า หญิงมีอารักขา. หญิง เป็นไปกับด้วยอาชญารอบ ชื่อว่า หญิงมีอาชญารอบ. นิเทศแห่งหญิง เหล่านั้นปรากฏชัดแล้วแล. บรรดาหญิง ๑๐ จำพวกนี้ เฉพาะสองพวก หลังเท่านั้นเมื่อคบหาชายอื่นย่อมเป็นมิจฉาจาร, พวกนอกนี้หาเป็นไม่.
บรรดาหญิงที่เขาซื้อด้วยทรัพย์เป็นต้น หญิงที่เขาซื้อมาด้วยทรัพย์ น้อยบ้าง มากบ้าง ชื่อว่า ธนักกีตา ก็เพราะหญิงนั้น เพียงเขาซื้อมา ด้วยทรัพย์เท่านั้น ยังไม่ชื่อว่าเป็นภรรยา, แต่ที่ชื่อว่าภรรยา ก็เพราะเขา ซื้อมาเพื่อประโยชน์แก่การอยู่ร่วม, ฉะนั้น ในนิเทศแห่งบทว่า ธนกฺกีตา นั้น พระอุบาลีเถระจึงกล่าวว่า ชายซื้อมาด้วยทรัพย์แล้วให้อยู่.
หญิงใด ย่อมอยู่ด้วยความพอใจ คือ ด้วยความยินดีของตน, เหตุนั้น หญิงนั้น ชื่อว่า ฉันทวาสินี. ก็เพราะเหตุที่หญิงนั้นยอมเป็น ภรรยาด้วยเหตุสักว่าความพอใจของตนฝ่ายเดียว ก็หามิได้, แต่ที่ชื่อว่า
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 345
เป็นภรรยา เพราะเป็นผู้อันชายรับรองแล้ว, ฉะนั้น ในนิเทศแห่งบทว่า ฉนฺทวาสินี นั้น ท่านจึงกล่าวว่า ชายที่รัก ย่อมยังหญิงที่รักให้อยู่.
หญิงใด ย่อมอยู่ด้วยโภคะ. เหตุนั้น หญิงนั้น ชื่อว่า โภควาสินี. คำว่า โภควาสินี นั่น เป็นชื่อแห่งหญิงในชนบท ผู้ได้อุปกรณ์ แห่งเรือน มีครก สากเป็นต้น แล้วเข้าถึงความเป็นภรรยา.
หญิงใด ย่อมอยู่ด้วยแผ่นผ้า, เหตุนั้น หญิงนั้น ชื่อว่า ปฏวาสินี. คำว่า ปฏวาสินี นั่น เป็นชื่อแห่งหญิงเข็ญใจ ผู้ได้เพียงผ้านุ่งบ้าง ผ้าห่มบ้าง แล้วเข้าถึงความเป็นภรรยา.
คำว่า โอทปตฺตกินี นั่น เป็นชื่อแห่งหญิงผู้ที่หมู่ญาติยังมือของ คู่บ่าวสาวให้จุ่มลงในถาดน้ำ ถาดเดียวกัน แล้วกล่าวว่า เจ้าทั้งสองจง ปรองดองไม่แตกกันดุจน้ำนี้เถิด ดังนี้ แล้วกำหนดถือเอา. แม้ในนิเทศ แห่งบทว่า โอทปตฺตกินิ นั้น พึงทราบเนื้อความอย่างนี้ว่า ญาติให้ชาย นั้น จับภาชนะน้ำร่วมกับหญิงนั้น แล้วให้อยู่.
เทริดของสตรีนั้นอันบุรุษนำลง คือ ปลงลงแล้ว เหตุนั้น สตรีนั้น ชื่อว่า โอภฏจุมฺพฏา, คือ บรรดาสตรีทั้งหลาย มีสตรีขายฟืนเป็นต้น คนใดคนหนึ่ง. คำว่า โอภฏจุมฺพฏา นั่น เป็นชื่อแห่งสตรีผู้ที่บุรุษยก เทริดลงจากศีรษะ แล้วให้อยู่ในเรือน.
บทว่า ทาสี จ ได้แก่ สตรีเป็นทั้งทาสี ทั้งภรรยาของตน. สตรี ผู้ทำงานในเรือนเพื่อค่าจ้าง ชื่อว่า สตรีทำการงาน, บุรุษบางคนไม่มี ความต้องการด้วยภรรยาของตน จงสำเร็จการครองเรือนกับสตรีนั้น; สตรีนี้ ท่านเรียกว่า สตรีผู้ทำการงานด้วย เป็นภรรยาด้วย.
สตรีผู้อันธงนำมาแล้ว ชื่อว่า ธชาหฏา. มีคำอธิบายว่า สตรี
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 346
ผู้อันกองทัพยกธงขึ้นแล้วไปโจมตีเขตแดนของปรปักษ์แล้วนำมา บุรุษ บางคนทำสตรีนั้นให้เป็นภรรยา, สตรีนี้ชื่อว่า ธชาหฏา สตรีที่บุรุษ พึงอยู่ร่วมเพียงชั่วครู่หนึ่ง มีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล. เป็นมิจฉาจารแก่ สตรีทั้ง ๑๐ จำพวกนี้ ในเพราะคบหาชายาอื่น. ก็ในสตรีทั้ง ๓๐ จำพวกนี้ เป็นมิจฉาจารแก่พวกบุรุษ, และก็เป็นการชักสื่อแก่ภิกษุด้วย.
[อธิบายนิกเขปบทเรื่องชายวานภิกษุ]
บัดนี้ พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า ปุริโส ภิกฺขุ ปกิณาติ เป็นอาทิ ดังต่อไปนี้:-
ภิกษุนั้นรับคำที่ชายนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านโปรดไปพูดกะหญิง ที่มารดาปกครองชื่อนี้ว่า ได้ยินว่า หล่อนจงเป็นภรรยาสินไถ่ของชาย ชื่อนี้ ดังนี้ ด้วยลั่นวาจาด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่งว่า ดีละอุบาสก? หรือว่าจงสำเร็จ หรือว่าเราจักบอก หรือด้วยกายวิการมีพยักศีรษะเป็นต้น ชื่อว่า รับ.
ครั้นรับอย่างนั้นแล้ว ไปยังสำนักหญิงนั้น บอกคำสั่งนั้น ชื่อว่า บอก.
เมื่อคำสั่งนั้นอันเธอบอกแล้ว หญิงนั้นรับว่า ดีละ หรือห้ามเสีย หรือนิ่งเสีย เพราะอายก็ตามที, ภิกษุกลับมาบอกข่าวนั้นแก่ชายนั้น ชื่อว่า กลับมาบอก. ด้วยอาการเพียงเท่านี้เป็นสังฆาทิเสส เพราะครบองค์ ๓ กล่าวว่า รับคำ บอก กลับมาบอก. แต่หญิงนั้น จะเป็นภรรยาของชาย นั้นหรือไม่ ก็ตามที นั่นไม่ใช่เหตุ พระมหาปทุมเถระกล่าวว่า ก็ถ้า ภิกษุนั้น อันชายวานไปยังสำนักของหญิงที่มารดาปกครอง ไม่พบหญิงนั้น จึงบอกคำสั่งนั้นแก่มารดาของหญิงนั้น ชื่อว่าบอกนอกคำสั่ง, เพราะฉะนั้น
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 347
จึงผิดสังเกต. ฝ่ายพระมหาสุมเถระกล่าวว่า จะเป็นมารดา หรือบิดา ก็ตามที่ ชั้นที่สุดแม้เป็นทาสีในเรือน หรือผู้อื่นคนใดคนหนึ่ง จักยัง กิริยานั้นให้สำเร็จได้, เมื่อคำสั่งนั้นอันภิกษุนั้น แม้บอกแล้วแก่ผู้นั้น เป็นอันบอกแล้วทีเดียว, เพราะฉะนั้น คงเป็นอาบัติเหมือนกัน ในเวลา ครบองค์ ๓, ภิกษุใดใคร่จะกล่าวว่า พุทธํ ปจฺจกฺขามิ พึงกล่าวผิดไปว่า ธมฺมํ ปจฺจกฺขามิ สิกขาพึงเป็นอันเธอลาแล้วมิใช่หรือ ข้อนี้ ฉันใด, อีกอย่างหนึ่ง ภิกษุใคร่จะกล่าวว่า ปมํ ฌานํ สมาปชฺชามิ พึงกล่าว ผิดไปว่า ทุติยํ ฌานํ สมาปชฺชามิ เธอพึงเป็นผู้ต้องปาราชิกแท้มิใช่หรือ ข้อนี้ ฉันใด, คำเป็นเครื่องยังอุปไมยให้ถึงพร้อมนี้ ก็ฉันนั้น.
ก็คำของพระสุมเถระนั่นแหละ สมด้วยบทนี้ว่า ภิกษุรับแต่ให้ อันเตวาสิกบอก แล้วกลับมาบอกด้วยตนเอง ต้องสังฆาทิเสส, เพราะฉะนั้น คำของท่านเป็นอันกล่าวชอบแล้ว.
เมื่อภิกษุอันชายสั่งว่า ท่านโปรดบอกหญิงอันมารดาปกครอง แล้ว ไปบอกแม้แก่ชนอื่นมีมารดาเป็นต้น ผู้สามารถจะบอกแก่หญิงนั้นได้, ความผิดสังเกตย่อมไม่มี ฉันใด; ในเมื่อควรจะบอกว่า ได้ยินว่า หล่อนจง เป็นภรรยาสินไถ่ของชายชื่อนี้ แม้เมื่อภิกษุบอกด้วยอำนาจคำว่า ผู้อยู่ ร่วมด้วยความพอใจ เป็นต้น คำใดคำหนึ่ง ที่ตรัสไว้ในบาลีอย่างนี้ว่า ได้ยินว่า หล่อนจงเป็นภรรยา ผู้อยู่ด้วยความพอใจของชายชื่อนี้ หรือ ด้วยอำนาจคำทั้งหลาย แม้ที่ไม่ได้ตรัสไว้แต่แสดงความอยู่ร่วมกันมีอาทิ อย่างนี้ว่า ได้ยินว่า หล่อนจงเป็นภรรยา ชายา ปชาบดี มารดาของบุตร แม่เรือน แม่เจ้าเรือน แม่ครัว นางบำเรอ หญิงบำเรอกาม ของชาย
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 348
ชื่อนี้ ดังนี้ คำใดคำหนึ่ง ความผิดสังเกต ย่อมไม่มี ฉันนั้นแล. คง เป็นอาบัติแท้ เพราะครบองค์ ๓.
แต่เมื่อภิกษุอันชายวานว่า โปรดบอกหญิงที่มารดาปกครอง แล้วไป บอกหญิงเหล่าอื่นมีหญิงที่บิดาปกครองเป็นต้น คนใดคนหนึ่ง ผิดสังเกต. แม้ในบทว่า ปิตุรกฺขิตํ พฺรูหิ เป็นต้น ก็นัยนี้แหละ. อันที่จริง ความ แปลกกันในบทว่า ปิตุรกฺขิตํ พฺรูหิ เป็นต้นนี้ ก็เพียงความต่างแห่ง เปยยาล ด้วยอำนาจแห่งจักร มีเอกมูลจักร และทุมูลกจักรเป็นต้น และด้วยอำนาจแห่งคนเดิม มีอาทิอย่างนี้ คือมารดาของชายวานภิกษุ, มารดาของหญิงอันมารดาปกครองวานภิกษุ, หญิงที่มารดาปกครองวาน ภิกษุเท่านั้น. แต่ความแปลกกันนั้น ผู้ศึกษาอาจทราบได้ ตามแนวแห่ง พระบาลีนั่นเอง เพราะมีนัยดังได้กล่าวไว้แล้วในก่อน เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงมิได้ทำความเอื้อเฟื้อเพื่อแสดงวิภาคแห่งความแปลกกันนั้น.
ก็ใน ๒จตุกกะ มีคำว่า ปฏิคฺคณฺหาติ เป็นอาทิ ในจตุกกะ ที่ ๑ เป็นสังฆาทิเสส เพราะครบองค์ ๓ ด้วยบทต้น เป็นถุลลัจจัย เพราะครบองค์ ๒ ด้วยบทท่ามกลาง, เป็นทุกกฏ เพราะครบองค์ ๑ ด้วยบทเดียวสุดท้าย. ในจตุกกะที่ ๒ เป็นถุลลัจจัย เพราะครบองค์ ๒ ด้วยบทต้น, เป็นทุกกฏ เพราะครบองค์ ด้วยสองบทท่ามกลาง, ไม่เป็นอาบัติ เพราะไม่มีองค์ ด้วยบทเดียวสุดท้าย.
[อธิบายเรื่องภิกษุรับคำของหญิงผู้วานเป็นต้น]
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า รับ ได้แก่ รับคำสั่งของผู้วาน.
บทว่า บอก ได้แก่ ไปสู่ที่ซึ่งเขาวานไปแล้ว บอกคำสั่งนั้น.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 349
บทว่า กลับมาบอก ได้แก่ กลับมาบอกแก่ผู้วานซึ่งเป็นต้นเดิม.
บทว่า ไม่กลับมา ได้แก่ บอกแล้วหลีกไปจากที่นั้นเสีย.
บทว่า ไม่บอก แต่กลับมาบอก ได้แก่ ผู้อันชายวานว่า ท่าน โปรดไปบอกหญิงชื่อนี้ รับคำสั่งของเขาว่า ได้ซี แล้วจะลืมเสีย หรือ ไม่ลืมคำสั่งนั้นก็ตาม ไปสู่สำนักของหญิงนั้นด้วยกรณียกิจอย่างอื่น นั่ง กล่าวคำบ้างเล็กน้อย, ด้วยอาการเพียงเท่านี้ ท่านเรียกว่า รับ แต่ไม่บอก.
ลำดับนั้น หญิงนั้นพูดเองกะภิกษุนั้นว่า ได้ยินว่า อุปัฏฐากของ ท่านอยากได้ดิฉัน ดังนี้, ครั้นพูดอย่างนี้แล้ว จึงพูดว่า ดิฉันจักเป็น ภรรยาของเขา หรือว่าจักไม่เป็น ก็ดี, ภิกษุนั้นไม่รับรอง ไม่คัดค้าน คำของหญิงนั้น นิ่งเฉยเสีย ลุกจากที่นั่งมายังสำนักของชายนั้นบอกข่าว นั้น, ด้วยอาการเพียงเท่านี้ ท่านเรียกว่า ชื่อว่า ไม่บอก แต่กลับมา บอก.
บทว่า ไม่บอก ไม่กลับมาบอก ได้แก่ รับในเวลาที่บอกคำสั่ง อย่างเดียวเท่านั้น, แต่ว่า ไม่ทำกิจสองอย่างนอกนี้.
บทว่า ไม่รับ แต่บอก กลับมาบอก ได้แก่ ชายบางคนกล่าว ถ้อยคำเห็นปานนั้น ในที่ซึ่งภิกษุยืนอยู่ หรือที่ซึ่งนั่งอยู่ ภิกษุแม้อันเขาไม่ ได้วานเลย แต่เป็นดังถูกเขาวาน จึงไปยังสำนักของหญิง แล้วบอกโดย นัยเป็นต้นว่า ได้ยินว่า หล่อนจงเป็นภรรยาของชายชื่อนี้ แล้วกลับมาบอก ความชอบใจ หรือไม่ชอบใจปองหญิงนั้นแก่ชายนี้. ภิกษุบอกแล้วกลับ มาบอกโดยนัยนั้นนั่นแหละ ท่านเรียกว่า ไม่รับ แต่บอก และกลับ มาบอก ภิกษุผู้ไปแล้วโดยนัยนั้นนั่นแล แต่ไม่บอก ฟังถ้อยคำของหญิง นั้นพูดแล้ว มาบอกแก่ชายนี้ ตามนัยที่กล่าวแล้ว ในบทที่ ๓ แห่งปฐม-
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 350
จตุกกะ ท่านเรียกว่า ไม่รับ ไม่บอก แต่กลับมาบอก. บทที่ ๔ ชัดเจนแล้วแล. นัยทั้งหลายเป็นต้นว่า วานภิกษุมากหลาย ชัดเจนแล้ว เหมือนกัน. เหมือนอย่างว่า ภิกษุแม้หลายรูปด้วยกัน ย่อมต้องอาบัติ ในเพราะวัตถุเดี่ยว ฉันใด, พึงทราบอาบัติมากหลายในเพราะวัตถุมาก หลาย แม้แห่งภิกษุรูปเดียว ฉันนั้น.
เป็นอย่างไร? ชายวานภิกษุว่า ท่านขอรับ! ขอท่านโปรดไป ที่ปราสาทชื่อโน้น มีหญิงประมาณ ๖๐ หรือ ๗๐ คน, ท่านโปรดบอก หญิงเหล่านั้นว่า ได้ยินว่า พวกหล่อนจงเป็นภรรยาของชายชื่อนี้ ภิกษุ นั้นรับแล้ว ไปที่ปราสาทนั้นทีเดียว บอกแล้วนำข่าวนั้นกลับมาอีก เธอต้องอาบัติเท่าจำนวนหญิง. จริงอยู่ แม้ในคัมภีร์ปริวาร พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสคำนี้ไว้ว่า
ภิกษุพึงต้องครุกอาบัติ ที่ยังทำคืนได้ทั้งหมด พร้อมกันทั้ง ๖๔ ตัว ด้วยสักว่าย่างเท้าเดินไป และ กล่าวด้วยวาจา ปัญหานี้ท่านผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกัน แล้ว.
ได้ยินว่า ปัญหานี้ ท่านอาศัยอำนาจแห่งอรรถนี้กล่าวแล้ว. ส่วน คำว่าอาบัติ ๖๔ ตัว ในคำถาม พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส เพื่อความสล ะ สลวยแห่งถ้อยคำ. แต่เมื่อภิกษุทำอย่างนั้น ย่อมต้องอาบัติตั้ง ๑๐๐ ตัวก็ได้ ตั้ง ๑,๐๐๐ ตัวก็ได้ฉะนั้นแล.
เหมือนอย่างว่า เป็นอาบัติมากหลายในเพราะหญิงมากหลายแก่ ภิกษุรูปเดียว ที่ชายคนเดียววานไป ฉันใด, ชายคนเดียว วานภิกษุมาก หลายไปยังสำนักของหญิงคนเดียว, เป็นสังฆาทิเสส แก่ภิกษุทั้งหมดทุกรูป ฉันนั้น.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 351
ชายคนเดียว วานภิกษุมากรูปด้วยกันไปยังสำนักของหญิงจำนวน มากด้วยกัน เป็นสังฆาทิเสสตามจำนวนหญิง. ชายมากคนด้วยกัน วาน ภิกษุรูปเดียวไปยังสำนักของหญิงคนเดียว เป็นสังฆาทิเสสตามจำนวน ของชาย. ชายมากคนด้วยกัน วานภิกษุรูปเดียวไปยังสำนักของหญิงมาก คนด้วยกัน เป็นสังฆาทิเสสตามจำนวนวัตถุ. ชายมากคนด้วยกัน วาน ภิกษุมากรูปด้วยกันไปยังสำนักหญิงคนเดียว เป็นสังฆาทิเสสตามจำนวน วัตถุ. ชายมากคนด้วยกัน วานภิกษุมากรูปไปยังสำนักแห่งหญิงมากคน ด้วยกัน เป็นสังฆาทิเสสตามจำนวนวัตถุ. แม้ในคำว่า หญิงคนเดียว วานภิกษุรูปเดียว เป็นต้น ก็มีนัยเหมือนกันนี้. ก็ในสัญจริตตสิกขาบทนี้ ชื่อว่า ความเป็นผู้ถูกส่วน และไม่ถูกส่วนกันไม่เป็นประมาณ. เมื่อภิกษุ ทำการชักสื่อ แก่บิดามารดาก็ดี แก่สหธรรมิกทั้ง ๕ ก็ดี เป็นอาบัติ ทั้งนั้น. จตุกกะว่า ชายวานภิกษุว่า ไปเถิดท่านขอรับ ท่านกล่าวไว้ เพื่อแสดงชนิดแห่งอาบัติ ด้วยอำนาจแห่งองค์.
ในบทท้ายแห่งจตุกกะนั้น พึงทราบวินิจฉัยดังนี้:-
หลายบทว่า อันเตวาสิกบอกแล้ว กลับมาบอกภายนอก มีความ ว่า อันเตวาสิกมาแล้วไม่บอกแก่อาจารย์ ไปเสียทางอื่นบอกแก่ชายผู้นั้น.
หลายบทว่า อาปตฺติ อุภินฺนฺนํ ถุลฺลจฺจยสฺส มีความว่า เป็นถุลลัจจัยแก่อาจารย์ด้วยองค์ ๒ คือ เพราะคำรับ ๑ เพราะใช้ให้บอก ๑. เป็นถุลลัจจัยแก่อันเตวาสิกด้วยองค์ ๒ คือ เพราะบอก ๑ เพราะกลับมา บอก ๑. คำที่เหลือ ปรากฏชัดแล้วแล.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 352
สองบทว่า คจฺฉนฺโต สมฺปาเหติ ได้แก่ รับ และบอก.
สองบทว่า อาคจฺฉนฺโต วิสํวาเทติ ได้แก่ ไม่กลับมาบอก.
สองบทว่า คจฺฉนฺโต วิวาเทติ ได้แก่ ไม่รับ.
สองบทว่า อาคจฺฉนฺโต สมฺปาเทติ ได้แก่ บอก และกลับมาบอก.
ในบททั้งสองอย่างนี้ เป็นถุลลัจจัยด้วยองค์ ๒. ในบทที่ ๓ เป็น อาบัติ, ในบทที่ ๔ ไม่เป็นอาบัติ.
ในคำว่า อนาปตฺติ สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา คิลานสฺส วา กรณีเยน คจฺฉติ อุมมฺตฺตกสฺส อาทิกมฺมิกสสฺ นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังนี้:- i
อุโปสถาคาร หรือการงานอะไรๆ ของภิกษุสงฆ์ที่ทำค้างไว้มีอยู่, อุบาสกวานภิกษุไปยังสำนักของอุบาสิกา หรืออุบาสิกาวานภิกษุไปยัง สำนักของอุบาสก เพื่อต้องการอาหารและค่าแรงงานสำหรับพวกคนงาน (พวกช่าง) ่ ในการสร้างอุโปสถาคารเป็นต้นนั้น, เมื่อภิกษุไปด้วยกรณียะ ของสงฆ์เช่นนี้ ไม่เป็นอาบัติ. แม้ในเจติยกรรมที่กำลังทำ ก็มีนัยเหมือน กันนี้. ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้อันอุบาสกวานแล้ว ไปยังสำนักของอุบาสิกา หรือผู้อันอุบาสิกาวานแล้ว ไปยังสำนักของอุบาสก แม้เพื่อต้องการยา สำหรับภิกษุอาพาธ. ภิกษุบ้าและภิกษุผู้เป็นอาทิกัมมิกะ มีนัยดังกล่าว แล้วนั่นแล.
บรรดาปกิณกะมีสมุฏฐานเป็นต้น สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน ๖ เมื่อภิกษุรับข่าวสารด้วยกายวิการมีผงกศีรษะเป็นต้น ไปบอกด้วยหัวแม่มือ แล้วกลับมาบอกด้วยหัวแม่มือ, อาบัติเกิดโดยลำพังกาย. เมื่อใครๆ กล่าว แก่ภิกษุผู้นั่งที่หอฉันว่า หญิงชื่อนี้ จักมา, ท่านพึงทราบจิตของนาง แล้วรับว่า ดีละ บอกกะนางผู้มาหา เมื่อนางกลับไปแล้ว บอกในเมื่อ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 353
ชายนั้นกลับมาหา, อาบัติเกิดโดยลำพังวาจา. แม้เมื่อภิกษุรับคำสั่งด้วย วาจาว่า ได้ซี แล้วไปยังเรือนของหญิงนั้นด้วยกรณียะอื่น หรือพบหญิง นั้นในเวลาไปที่อื่น แล้วบอกด้วยเปล่งวาจานั้นแล ยังไม่หลีกไปจากที่นั้น ด้วยเหตุอื่นนั่นเอง บังเอิญพบชายคนนั้นเข้าอีกแล้วบอก, อาบัติย่อมเกิด โดยลำพังวาจาอย่างเดียว. แต่อาบัติย่อมเกิดโดยทางกายและวาจา แม้แก่ พระขีณาสพผู้ไม่รู้พระบัญญัติ.
เป็นอย่างไร? ก็ถ้าว่า มารดากับบิดาของภิกษุนั้นโกรธกันเป็น ผู้หย่าร้างขาดกันแล้ว. ก็บิดาของพระเถระนั้น พูดกะภิกษุนั้นผู้มายังเรือน ว่า แน่ะลูก! โยมมารดาของท่านทิ้งโยมผู้แก่เฒ่าไปสู่ตระกูลญาติเสียแล้ว, ขอท่านไปส่งข่าวให้โยมมารดานั้น (กลับมา) เพื่อปรนนิบัติโยมเถิด. ถ้า ภิกษุนั้นไปพูดกะโยมมารดานั้นแล้วกลับมาบอกข่าวการมา หรือไม่มาแห่ง โยมมารดานั้น แก่โยมบิดา เป็นสังฆาทิเสส.
๓ สมุฏฐานนี้ เป็นอจิตตกสมุฏฐาน แต่เมื่อภิกษุทราบพระบัญญัติ แล้ว ถึงความชักสื่อโดยนัยทั้ง ๓ นี้แหละ อาบัติย่อมเกิดทางกายกับ จิต ๑ ทางวาจากับจิต ๑ ทางกายวาจากับจิต ๑. ๓ สมุฏฐานนี้ เป็น สจิตตกสมุฏฐาน ด้วยจิตที่รู้พระบัญญัติ. เป็นกิริยาโนสัญญาวิโมกข์ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม และในสิกขาบทนี้ มีจิต ๓ ดวง ด้วยสามารถแห่งกุศลจิตเป็นต้น มีเวทนา ๓ ด้วยสามารถแห่งสุขเวทนา เป็นต้น ฉะนี้แล.
บรรดาวินีตวัตถุทั้งหลาย ใน ๕ เรื่องข้างต้น เป็นทุกกฏ เพราะ เป็นแต่เพียงรับ.
ในเรื่องทะเลาะกัน มีวินิจฉัย ดังนี้:-
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 354
บทว่า สมฺโมทนียํ อกาสิ ความว่า ให้หญิงนั้นยินยอมแล้ว ได้กระทำบ้านให้เป็นสถานที่ควรกลับไปอีก.
บทว่า นาลํวนียา มีอรรถว่า ยังไม่หย่าร้างกัน. จริงอยู่ หญิงใดอันสามีทิ้งแล้วในชนบทใดๆ โดยประการโดๆ ย่อมพ้นภาวะเป็นภรรยา, หญิงนี้ท่านเรียกว่า ผู้หย่าร้างกัน. แต่หญิงคนนี้ มิใช่ผู้หย่าร้างกัน. นางทะเลาะกันด้วยเหตุบางประการแล้วไปเสีย. ด้วยเหตุนั่นแล ในเรื่องทะเลาะกันนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ไม่เป็นอาบัติ. ก็เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าปรับถุลลัจจัย ในนางยักษิณี เพราะกายสังสัคคะ; ฉะนั้น แม้ในทุฏฐุลลสิกขาบทเป็นต้นนี้ นางยักษิณีและนางเปรต บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นวัตถุแห่งถุลลัจจัย เหมือนกัน. แต่ในอรรถกถาทั้งหลายท่านไม่ได้วิจารคำนี้ไว้. คำที่เหลือทุกๆ เรื่อง มีอรรถกระจ่างทั้งนั้นแล.
สัญจริตตสิกขาบทวรรณนา