ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ใฝ่และเข้าใจในธรรมะรวมตัวกัน และร่วมกันทำให้ศาสนาพุทธเข้มแข็งมากกว่านี้ อาจทำให้ศาสนาพุทธเป็นที่เข้าใจ และเข้าถึงไม่เป็นเพียงเข้าใจแค่ว่าศาสนาพุทธสอนว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" แถมตอบว่า "คนทำชั่วเห็นได้ดีมีถมไป" แค่ทำบุญโดยการไปวัด ถวายอาหารให้พระ หยอดตู้ให้วัด แก้บนที่วัด สั่นติ้วขอโชคลาภได้ ไปกราบพระพุทธรูป จบกลับบ้าน เพระเห็นว่าทุกวันนี้จิตใจผู้คนเสื่อมถอยไปเรี่อยๆ มีความเห็นผิดมากขึ้น แม้แต่คนที่เรียนธรรมะ ยังคิดแต่ว่ามีจำนวนคนที่มีธรรมะในใจเฉพาะที่เห็น และก็คิดว่าเราก็อยู่ของเราเขาเป็นเพราะเขามีกรรมเป็นกำเนิดก็เลยเป็นอย่างนั้น ปล่อยเขาไป ช่วยกันเผยแผ่อย่างไร รูปแบบไหนได้คะ
การจะทำให้ทุกฝ่ายมารวมตัวกันก็เท่ากับว่า ให้ทุกคนคิดเหมือนกันทำเหมือนกันหมดซึ่งในความจริงเป็นแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้ในสมัยครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ไม่ทรงกระทำเช่นนั้น ทรงแนะนำและสอนเฉพาะคนที่แนะนำได้เท่านั้น คนที่มีความเห็นต่างกัน สะสมมาต่างกัน พระองค์ไม่สามารถไปเปลี่ยนเขาได้ในยุคนี้ก็เช่นกัน ไม่มีใครทำให้ทุกสำนักหรือทุกอาจารย์มารวมกัน และให้สอนเหมือนๆ กัน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เชิญคลิกอ่านที่นี่...
ว่าด้วยการทำที่เหลือวิสัย [การันทิยชาดก]
ค่ะ ต้องไม่ลืมว่าธรรมทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย จะให้เป็นไปตามใจใครไม่ได้ทั้งสิ้น
ยุคนี้ไม่ใช่กาลสมัยแล้วน่ะค่ะ และพระสัทธรรมกำลังอันตรธานลงเรื่อยๆ มีของเทียมมาแปะทับของใหม่ คนรุ่นหลังเลยไม่รู้ว่าของเดิมเป็นอย่างไร พอเจอของเดิม กลับดูถูกและเมินหน้าหนีก็เยอะแยะไป
ผู้คนต่างคิดว่า การเข้าถึงธรรมต้องหลับตาทำสมาธิเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็หลบลี้ไปเดินจงกลมตามที่เงียบๆ ธรรมชาติร่มรื่น และดูถูกการศึกษาพระธรรม ด้วยถ้อยคำเสียดสีและติฉินต่างๆ ทำให้ผู้ศึกษาธรรมหมดกำลังใจที่จะศึกษาไปก็ไม่น้อยเลย
ดิฉันแนะนำว่าต้องเริ่มต้นที่ศึกษาด้วยตนเองให้เข้าใจเสียก่อน แล้วจะเข้าใจผู้อื่นว่าควรจัดการหรือไม่จัดการอย่างไร
แต่ก่อนดิฉันก็เป็นห่วงเป็นใยหลายๆ คนรอบตัวว่า จะทำอย่างไร เขาถึงจะสนใจธรรมะจริงๆ แบบพวกเราในเว็บนี้บ้าง เพราะคนรอบตัวดิฉัน เอาแต่ดูดวง + เล่นพระเครื่อง+หาพระนั่งทางใน + นั่งกรรมฐานแก้กรรมชดใช้กรรมด้วยการหลับตา
ซึ่งน่าเสียใจยิ่งนัก แต่ตอนนี้ ดิฉันศึกษาพระธรรมว่า ไม่ใช่สาธารณะ และไม่ใช่เรื่องง่าย การพยายามทำให้ง่าย เป็นการสร้างบทบัญญัติใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ของแท้ และมีแต่จะทำให้เสื่อม และยิ่งพยายามชักชวน คนที่เขาไม่มีศรัทธาในการศึกษาธรรม รังแต่จะทำให้อกุศลของเราเกิด เพราะเขาไม่มีอุปนิสัยพอที่จะเข้าใจพวกเราจริงๆ สู้อยู่เฉยๆ เสีย ยังจะดีกว่า แม้จะพลาดโอกาสธรรมทาน แต่ถ้าเค้าไม่ได้สะสมมา ก็ไม่มีทางที่จะทำให้สนใจในทันทีได้ เราเอาเวลาไปศึกษาให้ตนเองเข้าใจจริงๆ จะดีกว่า ในยุคนี้ เพราะยุคนี้ปริยัติเริ่มอันตรธานแล้ว ผู้คนสนใจถ้อยคำของกวี นักปราชญ์ และอาจารย์ที่สอนยืน เดิน นั่ง นอน ด้วยอาการผิดปกติจากชีวิตประจำวัน และสนใจธรรมะบันเทิง ธรรมะง่ายๆ สไตล์คิดเอง ทำให้เราต้องปลง และอยู่กับตัวเองจะดีกว่า ยุคนี้ไม่ใช่กาลสมัยจริงๆ ค่ะ
เริ่มต้นจากเรามีความเห็นถูกก่อน และช่วยคนอื่นที่เขาสนใจธรรมะให้เขาเข้าใจถูก เท่ากำลังความสามารถของเราที่จะทำได้ แต่จะให้รวมตัวกันคงยากมากเพราะคนเรา สะสมเหตุปัจจัยมาต่างกัน
ขออนุโมทนาค่ะ นานมาแล้วเมื่อสมัยที่เริ่มหันหน้าเข้ามาศึกษาพระธรรมในช่วงแรกๆ ก็เคยคิดแบบคุณ natmarchy ต่อมา เริ่มศึกษาธรรมะมากขึ้น เห็นอะไรให้คิดทบทวนก็แยะ จึงมานึกได้ว่า ขนาดตัวเอง จะให้ถูกใจตัวเองตลอดทั้งวันยังทำไม่ได้ เรื่องจะให้คนหมู่มากมาคิดแบบเดียวกัน คงเป็นเรื่องที่ต้องเลิกคิด ดิฉันเลยบอกต่อและชักชวนคนให้เข้ามาชมเว็บไซท์นี้ เพื่อให้มีโอกาสฟังธรรมจากเว็บบ้านธัมมะ น้อยมาก
ขออนุโมทนาครับ