ปัญหาของประเทศ กรรมของใคร
การที่บ้านเมืองของเรากำลังประสบปัญหาเดือดร้อนต่างๆ อยู่ในขณะนี้ ได้แก่ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการปัญหาธุรกิจล้มละลายในภาคธุรกิจ ปัญหาทุจริตในการเลือกต้องระดับต่างๆ ตลอดจนมีเรื่องอื้อฉาวในวงการสงฆ์ เพราะเราเป็นชาวพุทธแต่เพียงในนาม เราเป็นชาวพุทธตามใบทะเบียนบ้าน และเรายังมีความเข้าใจพระพุทธศาสนาที่ผิวเผินมาก เมื่อไม่มีความเข้าใจหลักธรรมก็ไม่สามารถจะขจัดความเห็นผิดได้ ก็ย่อมต้องประสบทุกข์เดือดร้อน เพราะไม่สามารถมีพระธรรมเป็นที่พึ่งได้ เราจึงหวังพึ่งนักการเมืองบ้าง หวังพึ่งข้าราชการระดับสูง หวังพึ่งหมอดู หวังพึ่งกระทั่งต้นไม้ หรือสัตว์ที่มีรูปร่างประหลาด และพร้อมจะกราบไว้อย่างเต็มอกเต็มใจ นับวันชาวพุทธยิ่งถอยห่างจากพระธรรม เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไร พระธรรมไม่สามารถให้ลาภ ให้ยศ ให้ตำแหน่งที่ทุกคนปรารถนาได้ แต่พระธรรมให้ความจริงของสิ่งทั้งปวง และทำให้สามารถอบรมขัดเกลากิเลส จนเป็นบุคคลที่ประเสริฐได้ พระธรรมให้ความสุขที่สงบประณีตเพราะดับความเร่าร้อน (กิเลส) ในจิตตามลำดับความเข้าใจ
ถ้าผู้บริหารบ้านเมือง ได้แก่ นักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการทุกระดับ มีความเข้าใจพระธรรมคำสอนที่ถูกต้อง มีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมและตั้งใจละกิเลสซึ่งเป็นศัตรูภายในตนแล้ว บ้านเมืองของเราต้องรอดพ้นจากวิกฤติแน่นอน แต่ทุกอย่างเป็นอนัตตา ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตนปรารถนาได้ ดีที่สุด คือเข้าใจความจริงว่า เราและคนอื่นๆ ต่างก็มีกรรมเป็นของตนเอง ทำให้ต้องเห็น ต้องได้ยิน สิ่งที่นำความทุกข์ใจมาให้ (ปัญหาทั้งของส่วนรวมและส่วนตัว) ทำให้ได้เกิดในสมัยที่บ้านเมืองต้องประสบปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่าเกิดในประเทศที่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมีการรบพุ่งฆ่าฟัน จนหาความสงบสุขไม่ได้
การที่เรามีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมมากขึ้นทำให้เรารู้ความจริงของชีวิตซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน ความจริงซึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้พากเพียรอบรมพระปัญญาบารมีที่ถึงพร้อมแล้วเท่านั้น จึงสามารถค้นพบได้จึงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะคาดคะเน และพยายามจะเข้าใจได้เอง โดยไม่ศึกษาความจริงซึ่งยากจะมองเห็น ละเอียด ลุ่มลึก และยากจะเข้าใจ แต่เป็นความจริงที่ผู้ใดได้สนใจศึกษาจนมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว จะรู้ด้วยตนเองว่าพระธรรมนี่เอง คือ คำตอบของชีวิต ดังนั้นจึงไม่ควรประมาทในพระธรรมโดยเห็นว่าพระธรรมเป็นของง่าย ไม่จำเป็นต้องศึกษาก็สามารถจะเป็นคนดีมีปัญญาได้ การที่เรามีความเข้าใจเรื่อง บาป บุญ และการให้ผลของบาปหรือบุญ คือมีความรู้เรื่องการให้ผลของกรรมนั่นเอง ทำให้ชีวิตมีความสงบสุขขึ้นเราไม่ควรประมาทในอกุศลของตนเอง โดยสะสมอกุศลอยู่เป็นประจำบ่อยๆ เนืองๆ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่มีใครสามารถรู้วันตายของตนเอง ดังนั้น ก่อนจากโลกนี้ไป เราจึงควรสะสมกุศล ไม่ละเลยกุศลแม้เพียงเล็กน้อย เพราะเมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ที่พึ่งอื่นนอกจากกุศลแล้วไม่มีเลย และสิ่งที่สำคัญยิ่ง คือการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ควรสะสมความรู้ ความเข้าใจในพระธรรมเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองให้เบาบางลง เพราะกิเลสน้อยลงเท่าไหร่ ความสุขสงบก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น และความสุขเช่นนี้มิใช่หรือที่ทุกคนควรแสวงหา
“บุคคลพึงรีบขวนขวายในความดีพึงห้ามจิตเสียจากบาปเพราะว่าเมื่อบุคคลทำความดีช้าอยู่ใจจะยินดีในบาป”
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
กรรมคำตอบของชีวิต
อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่
กรรมของใคร ก็ของคนนั้น จึงควรประกอบกรรมดี ด้วยการศึกษาพระธรรม ยิ่งเข้าใจพระธรรมมากเท่าไร ยิ่งเป็นเหตุปัจจัยให้ประกอบกรรมดีมากเท่านั้น
ขออนุโมทนา
พระธรรมเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้โลกใบนี้มีความสันติสุข แต่ทุกคนเกิดมาได้เพราะอาศัยกรรมนำเกิด เพราะฉะนั้นจะสุขหรือทุกข์จะต้องผจญอะไรก็ตามที่เกิดมาในชีวิตก็เป็นเพราะการกระทำที่ทำให้เกิดกรรมนั้นๆ ขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วและได้ศึกษาพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงควรละอกุศลกรรม และเจริญสติให้มาก
ขออนุโมทนาครับ