พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงปรมัตถธรรม อันเป็นสภาวธรรมที่มีทั้งโลกทุกจักวาลและชีวิตแล้ว ยังทรงแสดงถึงอาการที่เป็นเครื่องกำหนดหมายให้รู้ความจริงของสภาวธรรมทั้งหลายด้วย ซึ่งอาจารย์สุจินต์ได้อธิบายถึงประเด็นดังกล่าวไว้ดังนี้
พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคนั้น สมบูรณ์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะธรรมข้อใดที่อาจจะมีผู้เข้าใจผิดได้ พระองค์ก็ทรงบัญญัติคำกำกับให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ใดเข้าใจความหมายของธรรมข้อนั้นผิดเมื่อพระองค์ทรงบัญญัติว่าธรรมที่เกิดขึ้นนั้น มีปัจจัยทำให้เกิดขึ้นเป็น“สังขารธรรม” เพื่อไม่ให้ผู้ใดเข้าใจผิดว่า ธรรมที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ตั้งอยู่ตลอดไปเรื่อยๆ พระองค์จึงทรงบัญญัติว่า ธรรมที่เป็นสังขารธรรม (ธรรมที่มีสภาพปรุงแต่ง) นั้นเป็น“สังขตธรรม” (ธรรมที่ปรุงแต่งแล้วเกิดขึ้น) สังขตธรรม คือธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งแล้วเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป พระองค์ทรงบัญญัติคำว่า สังขตธรรม กับคำว่าสังขารธรรม เพื่อให้รู้ว่าธรรมใดที่เกิดขึ้น ธรรมนั้นมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้น เมื่อปัจจัยดับ ธรรมที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยนั้นก็ต้องดับไป จิตปรมัตถ์ เจตสิกปรมัตถ์ รูปปรมัตถ์ เป็นสังขารธรรมซึ่งเมื่อเกิดขึ้นก็เป็นสังขตธรรม
จากหนังสือ บทบาท อ.สุจินต์ ในการเผยแผ่พุทธธรรม
โดย พระธนนาถ นิธิปญฺโญ
เพราะพระธรรมวินัย เป็นเรื่องละเอียด จึงต้องศึกษาอย่างละเอียด โดยขาดกัลยาณมิตรมิได้เลย.
ขออนุโมทนา
พระพุทธเจ้าตรัสว่ากัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ค่ะ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ