เหตุใดพระโสดาบันจึงไม่ล่วงอคติ ๔
เพราะการล่วงอคติทั้ง ๔ เป็นกิเลสที่หยาบมาก พระโสดาบันบุคคลท่านดับกิเลสที่หยาบอันเป็นเหตุแห่งอคติ ๔ นี้ได้แล้ว ท่านจึงไม่มีการล่วงอคติดังกล่าวจึงกล่าวว่าพระโสดาบันบุคคลละอคติทั้ง ๔ ได้แล้ว..
ฉันทาคติ ลำเอียง เพราะความรักใคร่ชอบพอ สนับสนุนญาติมิตร หรือผู้จ่ายสินบน
โทสาคติ ลำเอียง เพราะความโกรธเกลียด ลงโทษฝ่ายที่ตนเกลียดชังมากกว่า
โมหาคติ ลำเอียง เพราะความหลงหรือความโง่เขลา ไม่รู้ทันเหตุการณ์ที่ แท้จริง
ภยาคติ ลำเอียง เพราะความขลาดกลัว เกรงใจ เกรงอิทธิพล กลัวจะเสียผลประโยชน์
สาธุ
ตามที่เข้าใจ อคติ ๔ นั้น เป็นไปในการแบ่งสิ่งของและวินัจฉัยอธิกรณ์ ... เพียงเท่านี้ หรือ ในเมื่อชีวิตประจำวันบางคนอาศัยเพราะรัก เพราะชัง เพราะหลง เพราะกลัวภัย ทำให้กระทำกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมต่อบุคคลเพื่อนเห็นเพื่อนคบไม่เท่ากัน อย่างนี้ไม่กล่าวว่าเป็นอคติ ในอคติ ๔ หรือไม่คะ
เชิญอ่านเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ ...
เป็นพระโสดาบันในชาตินี้และชาติที่ 3 ยังเป็นอยู่หรือ
ขออนุโมทนาค่ะ
การล่วงอคติ ๔ นั้น เป็นกิเลสที่หยาบมาก แม้หยาบอย่างนั้น เราเองเมื่อเกิดยังไม่รู้เลย
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 48
๗. ปฐมอคติสูตร
บุคคลใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความชอบกัน เพราะความชังกัน เพราะความกลัว เพราะความเขลา ยศของบุคคนนั้นย่อมเสื่อม เหมือนดวง จันทร์ข้างแรมฉะนั้น.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ