สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ เป็นความจริงทุกกาลสมัย แม้ในสมัยที่ว่างจากพระพุทธศาสนา สภาพธัมมะ ก็เป็นจริงอย่างนั้น เพียงแต่ไม่มีผู้บัญญัติคำเรียกสภาวธรรมต่างๆ เหล่านั้นให้สาวกเข้าใจ และบรรลุพระนิพพานได้ เช่น คำว่าวิญญาณ คนทั่วไปที่ไม่ได้ฟังพระธรรมย่อมเข้าใจแตกต่างจากสภาพตามความเป็นจริง
- วิญญาณ คือ จิต ใจ คือ นามธรรม เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ (มองไม่เห็นด้วยตา)
- โลก ในวินัยของพระอริยเจ้า มี ๖ โลก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
- คนตาย สัตว์ตาย เป็นเพียง สมมติมรณะ คือความตายในภพหนึ่ง ชาติหนึ่ง เท่านั้น
เพราะยังต้องเกิดอีกในชาติต่อๆ ไป ไม่ใช่ สมุจเฉทมรณะ ซึ่งเป็นการตาย (ปรินิพพาน) ของพระอรหันต์ เพราะพระอรหันต์ตายแล้วไม่เกิดอีก ส่วน ขณิกะมรณะ คือการตายอยู่ทุกขณะจิต ซึ่งก็คือ สภาพธรรม ขณะนี้นั่นเอง เพราะขณะนี้ จิต เกิด ดับ อยู่ตลอดเวลา
ท่านที่สนใจเรื่องวิญญาณ เชิญ คลิก ดูได้ที่หัวข้อเหล่านี้นะครับ
วิญญาณมีตัวตนจริงหรือเปล่า?
อยากรู้จักวิญญาณไหม
วิญญาณ
จิตวิญญาณเป็นธาตุรู้
การสะกดวิญญาณ
ฉายแบบเกิดดับอย่างรวดเร็วตามไม่ทันจริงๆ ถ้าไม่มีผู้ที่ทรงตรัสรู้คือ พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็จะไม่มีใครเข้ามาดูหนังเรื่องนี้ด้วยตัวตนได้ เพราะเป็นหนังพิเศษที่ฉายเฉพาะผู้ที่มีศรัทธาเข้ามาศึกษาเพื่อให้เข้าใจในขั้นหน้าโรง คือความรู้ของพระธรรมขั้นปริยัติ แล้วก็อาจหาญร่าเริงที่จะไตร่ตรอง หาเหตุผล เพื่อน้อมเข้าไปดู น้อมเข้าไปรู้ ให้ชัดเจน แจ่มแจ้ง ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับสภาพธรรมที่ปรากฏกับทุกๆ ท่าน ตามความเป็นจริงทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ย้ำว่าหนังเรื่องนี้เพื่อเข้าใจ ต้องค่อยๆ ดูไปที ละซีรีส์ๆ (ทีละชาติๆ ) ไม่ใช่เพื่อโอ้อวดว่าเคยดู เคยเห็น ไม่ใช่เพื่อบ่น อิดๆ ออดๆ ว่ายาก งง ไม่เข้าใจ ถ้าเคยดูแล้วก็เกื้อกูลผู้ที่ยังไม่ได้ไปดู เพราะยังไม่รู้จัก แต่เขาสนใจจริงๆ ได้ตามโอกาสและกาลอันควร ตอนจบจะเป็นอย่างไร...น้อมเข้าไปดูสิครับ มี ปรากฏในขณะนี้แล้ว ถ้าไม่รู้ขณะนี้ แล้วจะไปรู้ตอนจบได้อย่างไร
ดิฉันขอเข้าไปดูด้วยสักคน ไม่บ่นว่ายากหรือไม่เข้าใจ แต่อยากฟังคำบอกเล่าสู่กันฟังถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ เพราะการฟังหลายๆ ตัวอย่าง ย่อมทำให้เข้าใจดีขึ้น บางทีตัวเองว่าเข้าใจถูกแล้วแต่ก็อาจผิดได้ ขอบคุณครูโอล่วงหน้า และอนุโมทนาในกุศลจิต ของทุกท่านค่ะ
ขอเพิ่มเติมเรื่อง สมมติมรณะ นะครับ
เพราะ สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มี ดังนั้น ที่เรียกว่า คนตาย สัตว์ตาย จึงเป็นเพียงสมมติ บัญญัติ สภาพธรรมตามความเป็นจริงคือ จุติจิต (จิตสุดท้ายของภพหนึ่ง ชาติหนึ่ง) เกิดขึ้นในชาตินี้ แล้วปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นสืบต่อ (โดยไม่มีระหว่างคั่น) ในชาติต่อไป เป็นเพียงจิต-เจตสิก-รูป เกิดดับสืบต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด ตราบใดที่ยังไม่ใช่จุติจิตของพระอรหันต์ (สมุจเฉทมรณะ = การตายอย่างเด็ดขาดของพระอรหันต์) หนังเรื่องนี้จึงยังไม่จบง่ายๆ หรอกครับ ท่านผู้ชม
เมื่อก่อนไม่รู้จึงไม่ได้เข้าไปดู แต่วันนี้ขอน้อมเข้าไปดู ไปรู้ ด้วยค่ะ
หนังที่เข้าใจกันโดยทั่วไปนั้น ประกอบด้วยภาพและเสียง แต่จริงๆ แล้ว โลกที่ปรากฏกับเรานั้น เป็นเสมือนหนังที่ฉายสลับกันทางทวารทั้งหก ได้แก่ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ซึ่งจะมีการเห็นสี ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัสอารมณ์ทางกาย และคิดนึกสลับกันไปอย่างรวดเร็จจนเป็นเรื่องราว เป็นชีวิต เป็นสิ่งต่างปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมดูหนังนี้ โดยไม่รู้ว่าเป็นหนัง ยึดถือเรื่องราวว่าเป็นจริงทุกอย่างและจะไม่มีทางได้ดูตอนจบ ปุถุชนผู้ได้สดับ ย่อมดูหนังนี้ โดยเริ่มรู้ว่าเป็นเพียงหนังยึดถือเรื่องราวว่าเป็นจริงน้อยลง ได้รับฟังเรื่องราวตอนจบ แต่ยังไม่แน่ว่าจะได้ดูตอนจบหรือไม่ และเมื่อไร พระอริยบุคคล ย่อมดูหนังนี้ โดยรู้ว่าเป็นเพียงหนัง ไม่ยึดถือเรื่องราวว่าเป็นจริงและจะได้ดูตอนจบอย่างแน่นอน
อย่าลืมนะครับว่าหนังเรื่องนี้ “ฉายแล้ววันนี้” (และกำลังฉายอยู่ทุกๆ ขณะนี้เอง)
สาธุ
สาธุ
สาธุ
ขออนุโมทนาค่ะ
ได้มีโอกาสดูบ้างแล้วบางขณะ หลงไปกับเรื่องราวต่างๆ ที่มีปรากฎเป็นส่วนมาก เก็บสะสมเรื่องจริงที่ปรากฎแต่ละขณะมีน้อยแต่ก็ไม่เดือดร้อน ช่างเปรียบเที่ยบให้เข้าใจสภาพธรรมแจ่มแจ้งขึ้น เป็นเหตุหนึ่งที่ชอบศึกษาความคิดเห็นของคนทั่วๆ ไปโดยเฉพาะในบ้านธัมมะ
ขออนุโมทนาสาธุ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ