หลับก็เป็นสุข ถ้าโกรธใครจะหลับเป็นสุขไหม แต่เวลาที่ไม่โกรธใคร ไม่มีเวรกับใคร อภัยให้หมดทุกคนได้ ในขณะนั้นหลับเป็นสุขจริงๆ วันหนึ่งๆ เวลาจะหลับ สติสัมปชัญญะเกิดพอที่จะรู้ขณะจิตก่อนที่จะหลับว่าขณะนั้นเป็น "โลภะ" หรือ "โทสะ" หรือว่าเป็น "สติปัฏฐาน" หรือว่าเป็น "เมตตา" เพราะว่าผู้อบรมเจริญปัญญา ย่อมมีปัญญาที่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ เมื่อสภาพธรรมเป็นอกุศล สติสัมปชัญญะ ก็เห็นสภาพธรรมที่เป็น "อกุศล" ว่าเป็น "อกุศล" ปัญญาจึงจะสามารถละคลายอกุศลได้ยิ่งขึ้น เพราะขณะนั้น ปัญญาสามารถรู้ความต่างกันของกุศลธรรมและอกุศลธรรมได้ เพราะฉะนั้น การหลับก็เป็นสุขจริง จึงไม่มีวิธีอื่น นอกจากกุศลเท่านั้น ที่จะทำให้เกิดอานิสงส์นี้ได้
จึงไม่ประมาทแม้การเจริญกุศลเล็กน้อยและทุกๆ ประการ และการละอกุศลเล็กน้อยและทั้งปวง ตามกำลังของปัญญาที่ได้อบรมมา
คนที่มีปกติเจริญเมตตาก็ทำให้หลับเป็นสุขค่ะ
ขออนุโมทนาบ้านธัมมะค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรื่อง หลับด้วยความไม่มีกิเลสและเอ็นดูสรรพสัตว์
[เล่มที่ ๒๕]
[เล่มที่ ๒๕] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๓๔
ข้อความบางตอนจาก ..สกลิกสูตร
[๔๕๓] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาป เข้าไปหาพระองค์ถึงที่ประทับ แล้วทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า ท่านนอนด้วยความเขลา หรือมัวเมาคิดกาพย์กลอนอยู่ ประโยชน์ทั้งหลายของท่านไม่มีมา ท่านอยู่ ณ ที่นอนที่นั่งอันสงัดแต่ผู้เดียว ตั้งหน้านอนหลับ นี่อะไร ท่านหลับทีเดียวหรือ.
[๔๕๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสตอบว่า เราไม่ได้นอนด้วยความเขลา ทั้งมิได้มัวเมาคิดกาพย์กลอนอยู่ เราบรรลุประโยชน์แล้วปราศจากความโศก อยู่ที่นอนที่นั่ง อันสงัดแต่ผู้เดียว นอนรำพึงด้วยความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวง. ลูกศรเข้าไปในอกของชนเหล่าใด เสียบหทัยให้ลุ่มหลงอยู่ แม้ชนเหล่านั้นในโลกนี้ ผู้มีลูกศรเสียบอกอยู่ ยังได้ความหลับ เราผู้ปราศจากลูกศรแล้ว ไฉนจะไม่หลับเล่า.
เราเดินทางไปในทางที่มีราชสีห์ เป็นต้น มิได้หวาดหวั่น ถึงหลับในที่เช่นนั้นก็มิได้กลัวเกรง กลางคืนและกลางวัน ย่อมไม่ทำให้เราเดือดร้อน เราย่อมไม่พบเห็นความเสื่อมอะไรๆ ในโลก ฉะนั้น เราผู้มีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งปวงจึงนอนหลับ
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นเอง.
[เล่มที่ ๔๑] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒-หน้าที่ ๑๖๖
ทีฆา ชาครโต รตฺติ ทีฆ สนฺตสฺส โยชน ทีโฆ พาลาน สสาโร สทฺธมฺม อวิชานต.
"ราตรีของคนผู้ตื่นอยู่ นาน, โยชน์ของคนล้าแล้ว ไกล, สงสารของคนพาลทั้งหลาย ผู้ไม่รู้อยู่ ซึ่งสัทธรรม ย่อมยาว"
เรื่อง เป็นผู้มีเมตตาย่อมหลับเป็นสุข
[เล่มที่ ๓๘] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ ๕๕๑
เมตตาสูตร
ว่าด้วยอานิสงส์ของเมตตา ๑๐ ประการ
[๒๒๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการ ๑๑ ประการเป็นไฉน คือ
ย่อมหลับเป็นสุข ๑
ย่อมตื่นเป็นสุข ๑
ย่อมไม่ฝันลามก ๑
ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย ๑
ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย ๑
เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา ๑
ไฟ ยาพิษ หรือ ศัสตราย่อมไม่กล้ำกรายได้ ๑
จิตย่อมตั้งมั่นโดยรวดเร็ว ๑
สีหน้าย่อมผ่องใส ๑
เป็นผู้ไม่หลงใหลทำกาละ ๑
เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว พึงหวังอานิสงส์ ๑๑ ประการนี้แล.
จบ เมตตาสูตรที่ ๕
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ