ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ ถ้าไม่รู้สิ่งที่มีจริงขณะนี้ที่กำลังปรากฏ แล้วเมื่อไหร่จะละความติดข้องในสิ่งที่กำลังปรากฏได้ ขณะนี้มีเห็น มีเพียงสิ่งที่ปรากฏกับจิตเห็น ขณะได้ยินก็ไม่ใช่ขณะเห็น ชั่วขณะได้ยินมีเพียงเสียงปรากฏ ไม่มีสิ่งอื่นนอกจากเสียงเท่านั้น
ขณะนี้มีแข็ง แต่ปัญญายังไม่พอที่จะรู้ว่าเป็นเพียง แข็ง เท่านั้น สัณฐานไม่มี สัตว์ บุคคลไม่มี ไม่มีอะไรในแข็ง เริ่มเข้าใจว่าไม่มีอย่างอื่นเลย มีแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น
การอบรมเจริญปัญญาก็ต้องเริ่มจาก ฟังให้เข้าใจขึ้น ค่อยๆ เข้าใจขึ้น จนกระทั่งรู้ชัด รู้รอบ แต่ขณะนี้ ความเข้าใจยังไม่พอที่จะรู้ชัด รู้รอบ จึงต้องอดทนฟังต่อไปบ่อยๆ เนืองๆ จนกว่าความเข้าใจจะน้อมระลึกตรงแข็ง
ขณะนั้นปรากฏเพียงแข็ง ... สัณฐานไม่มี ซึ่งก็เป็นปัญญาขั้นสติสติปัฏฐาน ยังไม่สามารถรู้ชัด รู้รอบ ก็ต้องอบรมต่อไป ไม่มีหนทางอื่น จนกว่าจะรู้ชัด รู้รอบ แต่คนมักใจร้อน อยากรู้ชัดเร็วๆ แต่ปัญญาความเข้าใจยังไม่พอ ปัญญาก็มีหลายขั้น จึงต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจลักษณะสภาพธรรมที่มีจริงๆ โดยไม่ใช่ตัวตนที่จะน้อมไปพิจารณา แต่เป็นสติปัญญาความเข้าใจนั้นเองที่น้อมไปเข้าใจความจริงของเห็น ของเสียง ของแข็ง ...
ขอกราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แข็งเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูปธรรม ที่ไม่รู้อะไรเลย โดยความละเอียดแล้ว แข็งเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏ กับ กายวิญญาณ และ ปรากฏกับสติ ความหมายคือ ไม่ว่าใคร บุคคลใด ก็มีแข็งกำลังปรากฏในขณะนี้ คือ เมื่อมีการกระทบสัมผัส ก็มีแข็งปรากฏคือ กายวิญญาณเกิด รู้ลักษณะที่แข็ง
ดังนั้น ขณะที่แข็งกำลังปรากฏกับจิตที่รู้กระทบสัมผัสที่เป็นกายวิญญาณ ซึ่งก็มีเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แต่ขณะนั้น ก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่มีสติและปัญญาเกิดร่วมด้วย ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน จึงไม่ควรสำคัญผิดว่า ขณะที่แข็งปรากฏในขณะนี้ และมีเพียงลักษณะที่แข็งกำลังปรากฏเท่านั้น จะหมายถึง สติปัฏฐานเกิดแล้ว เพราะมีเพียงลักษณะที่แข็งปรากฏเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริงขณะที่ลักษณะของแข็งปรากฏกับสติและปัญญา คือ สติปัฏฐานระลึกลักษณะที่แข็งนั้น มีแต่เพียงลักษณะที่แข็งปรากฏเท่านั้นเช่นกัน แต่ต่างกับ กายวิญญาณ หรือ จิตที่รู้กระทบสัมผัสที่มีแต่เพียงรู้แข็งเท่านั้น ตรงที่ว่า สติปัฏฐานระลึกลักษณะที่แข็ง มีสติและปัญญาเกิดร่วมด้วย คือ ขณะที่รู้ลักษณะที่แข็ง ขณะนั้น รู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เราด้วยครับ
แต่ขณะที่ กายวิญญาณ หรือ จิตที่รู้แข็ง เกิดขึ้นรู้แข็ง ขณะนั้นไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา การเจริญสติปัฏฐานจึงต้องอาศัยการฟัง ศึกษาอย่างละเอียดก็จะทำให้เข้าใจถูกในเรื่อง การระลึกลักษณะที่แข็งที่เป็นสติปัฏฐาน ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แข็ง เป็นรูปธรรม เป็นธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่รู้อารมณ์ แต่มีจริงเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไป แข็ง เป็นรูปธรรมที่ปรากกทางกาย จิตที่รู้แข็ง ไม่ใช่มีเฉพาะกายวิญญาณเท่านั้น แต่จิตทุกขณะที่เกิดขึ้นทางกายคือทางกายทวาร ย่อมรู้แข็งเหมือนกันทั้งหมด แต่ต่างกันตามกิจหน้าที่ของจิตแต่ละขณะ กายวิญญาณ รู้โดยกิจหน้าที่ที่กระทบกับแข็ง เพียงขณะเดียวแล้วก็ดับไป ไม่ได้มีสติไม่ได้มีปัญญาเกิดร่วมกับกายวิญญาณเลย แต่ถ้าเป็นขณะที่ระลึกรู้แข็งตามความเป็นจริง ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา นั้น ต้องในขณะที่สติปัฏฐานเกิด อันเป็นมหากุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ในขณะที่เป็นกุศลชวนะ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ