ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทาน กับ มหาทาน หมายความว่าอย่างไร โดยปรมัตถธรรม และ ต่างกันตรงไหน อย่างไรบ้าง ขอตัวอย่างข้อความตามพระไตรปิฎกด้วยค่ะ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับคำอธิบายนะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทาน คือ การให้ อันเป็นเจตนาสละ สิ่งใด สิ่งหนึ่ง ทั้งที่เป็นการสละ ที่เป็นวัตถุ รูปธรรม และเป็นการสละ ให้ สิ่งที่เป็นามธรรม มีการให้ ปัญญา ความเข้าใจ เป็นต้น ส่วนมหาทาน แสดงไว้หลากหลายนัยดังนี้ ครับ มหาทาน หมายถึง ทานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นการแสดงถึงการสละวัตถุอย่างมากมาย กับ บุคคลที่ควรรับ มีพระอริยสงฆ์ เป็นต้น ซึ่ง มหาทาน โดยนัยนี้ เช่น การให้อสทิสทาน ที่พระเจ้าปเสนทิโกศล สละ สิ่งของบูชาพระภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขอย่างมากมาย จึงเรียกว่า อสทิสทาน ที่เป็นมหาทาน ทานอันยิ่งใหญ่ เพราะ ยิ่งใหญ่ด้วยวัตถุที่ให้ และยิ่งใหญ่ด้วย บุคคล ที่รับที่มีคุณธรรมยิ่งใหญ่ มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ครับ ดังนั้นมหาทาน โดยนัยแรก หมายถึง เจตนาสละวัตถุเพื่อประโยชน์กับผู้อื่น
อีกนัยหนึ่ง มหาทาน ทานอันยิ่งใหญ่ หมายถึง การรักษาศีล เพราะทาน หมายถึง การให้ มหาทาน ที่เป็นศีล หมายถึง การให้ความไม่มีภัย การให้ความไม่น่ากลัว เพราะเหตุว่าเมื่อมีการรักษาศีล เช่น รักษาศีลข้อที่ 1 งดเว้นจากการฆ่า ย่อมให้ความ ไม่น่ากลัว คือ ให้ความปลอดภัยในการไม่ทำร้ายชีวิตผู้อื่น และ ถ้ารักษาศีลข้อ 2 ก็ ให้ความไม่มีภัย ให้ความไม่น่ากลัว กับ ทรัพย์ของผู้อื่น เป็นมหาทาน เพราะเหตุว่า เป็นการสละกิเลสภายในใจของตนเองด้วย ที่มีจิตคิดจะให้ความปลอดภัยกับผู้อื่น ศีล จึงเป็นมหาทาน และ เป็นการแสดงโดยนัยทาน ที่เป็นอภัยทาน ครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
มหาทานคือศีล 5 [ปุญญาภิสันทสูตร]
เพราะฉะนั้น ความแตกต่างของทาน กับ มหาทาน มีดังนี้
ทาน มุ่งหมายถึง เจตนาที่สละวัตถุ เป็นสำคัญ ส่วนมหาทาน โดยนัยการสละวัตถุ ตามที่กล่าวมาในอสทิสทาน ที่เป็นทานอันยิ่งใหญ่ก็เป็นการสละวัตถุเช่นกัน แต่สละ วัตถุที่ประณีตและยิ่งใหญ่ และ ผู้รับก็มีคุณธรรมยิ่งใหญ่ เป็นมหา ใหญ่ยิ่งด้วย คุณธรรมและวัตถุ ครับ
และความแตกต่างอีกนัยหนึ่ง คือ ทาน ที่เป็นการสละวัตถุ ให้ความสุขกับผู้อื่นด้วย วัตถุนั้น แต่ มหาทาน ที่เป็นการรักษาศีล เป็นการให้ ที่ไม่ใช่วัตถุ แต่ เป็นการให้ ความปลอดภัย ให้ความไม่มีภัยกับผู้อื่น รวมทั้งเป็นการสละกิเลสภายในของตนเอง เป็นสำคัญ มหาทาน ที่เป็นศีล จึงเป็นกุศลที่มีกำลัง และ ประณีตกว่า ทาน ทั่วไป เพราะ เป็นกุศลที่ขัดเกลากิเลสของตนเอง และให้ความไม่มีภัยกับผู้อื่นด้วย ทั้งชีวิต และทรัพย์สิน และ ให้ความไม่มีภัยที่เป็นความสุขของคนอื่นด้วย ครับ
ส่วน โดยนัยปรมัตถธรรม ทั้งทาน และ มหาทาน ที่เป็นโดยนัย การสละวัตถุ ก็เป็นอโลภเจตสิกที่เหมือนกัน ส่วน ทาน กับ มหาทาน ที่เป็นนัยศีลนั้น ทานที่ เป็นอโลภเจตสิกเป็นสำคัญ ส่วนมหาทาน บางครั้งก็เป็นอโลภเจตสิก ไม่โลภ จึงไม่ขโมย บางครั้งก็เป็น อโทสเจตสิก ไม่โกรธ จึงไม่ฆ่า เป็นต้น ครับ นี่คือ ความแตกต่างของ ทาน และ มหาทาน ตามที่กล่าวมา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์จริงๆ อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะแม้แต่เพียง ทาน ก็แสดงไว้ หลายนัย ทั้งวัตถุทาน (อามิสทาน) อภัยทาน และ ธรรมทาน เป็นการสละทั้งหมด
-วัตถุทาน การให้ การสละวัถตุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น เพราะบุคคลผู้ควรแก่การรับทานนั้นมีมาก ถ้ามีโอกาสที่จะสละวัตถุสิ่งของเพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นแล้ว ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันให้ไม่เดือดร้อนในชีวิตประจำวัน
-อภัยทาน เป็นการให้ความไม่มีภัยแก่ผู้อื่น ไม่มีวัตถุสิ่งของที่จะให้ แต่ก็ควรพิจารณาว่า จะยากกว่าการสละวัตถุทานหรือไม่ เพราะเหตุว่าอภัยทาน เป็นการสละความเห็นแก่ตัว สละความรักตัวในการที่ไม่ให้อภัยในความผิดของคนอื่น หรือในความบกพร่องของคนอื่น ขณะที่ไม่อภัยให้บุคคลอื่น ขณะนั้นเป็นเพราะรักตัวเองที่ทำให้ไม่สามารถจะอภัยในความผิด หรือในความบกพร่องของคนอื่นได้ ลึกลงไปจริงๆ เป็นเพราะความรักตัว ความยึดมั่นในตัวตนนั่นเอง การสละความเห็นแก่ตัวขั้นอภัยทาน ทำให้สละความคิดร้าย สละความแค้นเคือง สละความผูกโกรธ สละความไม่หวังดี สละความไม่เป็นมิตร สละความไม่เกื้อกูล สละความไม่มีน้ำใจต่อคนอื่น
-ธรรมทาน การให้ธรรมเป็นทาน คือ การให้ความรู้ ให้ความเข้าใจ ให้ความเห็นถูกในธรรมะ ชี้แนวทางที่ถูกต้องให้ จะเห็นได้ว่า กุศลธรรมทั้งหลายจะเจริญขึ้นได้ ก็เพราะธรรมทาน เป็นการเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก และเมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกแล้ว ความดีประการต่างๆ ก็จะเจริญขึ้นคล้อยตามความเห็นที่ถูกต้องด้วย ส่วนนัยของมหาทาน นั้น ก็ตามที่ อ.ผเดิมได้กล่าวแล้ว ว่า มุ่งหมายถึง การให้ ทานที่ยิ่งใหญ่ โดยไม่มีอะไรเสมอเหมือน และนัยที่มุ่งหมายถึง ศีล เป็นมหาทาน
ที่น่าพิจารณา คือ ศีล ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันเลย แม้จะไม่มีวัตถุสิ่งของ สำหรับให้แก่ผู้อื่น แต่กุศลจิตก็สามารถเกิดขึ้นเป็นไปได้ ในขณะที่วิรัตงดเว้นในสิ่ง ที่ไม่ดี ที่เป็นการล่วงศีลข้อต่างๆ ซึ่งในขณะนั้น ก็เป็นการให้ความไม่เบียดเบียน แก่ผู้อื่นกล่าวคือ
ศีลข้อที่ ๑ การเว้นจากการฆ่าสัตว์ เป็นการให้ชีวิต ให้ความ ปลอดภัย ให้ความไม่มีภัย แก่สัตว์ทั้งหลาย
ศีลข้อที่ ๒ การเว้นจากการลัก ทรัพย์ ชื่อว่า ให้ความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น,
ศีลข้อที่ ๓ การเว้นจาก การประพฤติผิดในกาม ชื่อว่าให้ความปลอดภัย แก่บุตรธิดา ภรรยา สามี ของผู้อื่น
ศีลข้อที่ ๔ การเว้นจากการพูดเท็จ ชื่อว่า ให้ความจริง แก่ผู้อื่น
ศีลข้อที่ ๕ การเว้นจากการดื่มน้ำเมา ชื่อว่า ให้ความปลอดภัยแก่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก โดยตลอดซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
มหาทาน เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ และ เป็นการให้ความไม่มีภัย เช่น ไม่ฆ่าผู้อื่น ให้เขาปลอดภัย ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ละเอียดมากครับ ทำให้เข้ากระจ่างจริงๆ ครับ (ขั้นศึกษา) ขออนุญาตคัดลอกข้อ ความไปลงเฟสบุ๊คนะครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ