วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ [แก้บท โอปนยิโก]
ธรรมชื่อ โอปนยิกะ เพราะควรนำเข้าไป ก็แลความ (ต่อไป) นี้ เป็นวินิจฉัยในบทนี้ คือการนำเข้าไป ชื่อ อุปนยะ ธรรมย่อมควร ซึ่งการที่บุคคลแม้ผ้าหรือศีรษะไฟไหม้ก็เฉย (คง) นำเข้าไปในจิตของตนๆ โดยทำให้มีขึ้นจนได้ เพราะเหตุนั้น ธรรมนั้นจึงชื่อ อุปนิยกะ อุปนิยกะนั้นเองเป็นโอปนยิกะ คำวิเคราะห์นี้ใช้ได้ในโลกุตตรธรรมที่เป็นสังขตะ ส่วนในโลกุตตรธรรมที่เป็นอสังขตะ (วิเคราะห์ว่า) ธรรมนั้นควรซึ่งการนำเข้าไปด้วยจิต เหตุนั้นจึงชื่อ โอปนยิกะ หมายความว่าควรซึ่งการผนึกเข้าโดยทำให้แจ้ง หรือมิฉะนั้น (ธรรม คือ) อริยมรรค ชื่อว่า อุปเนยฺย เพราะนำ (พระอริยบุคคล) เข้าไปถึงพระนิพพาน ธรรมคือผล แลพระนิพพานชื่อว่า อุปเนยฺย เพราะเป็นธรรมที่บุคคลพึงนำเข้าไปถึงความที่จะพึงทำให้แจ้ง โอปนยิกะ ก็ อุปเนยฺย นั่นเอง
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 552
[๔๗๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กัสสปเป็นผู้มีความคิดอย่างนี้ ย่อมแสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่นว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นข้อปฏิบัติอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน โอหนอ ชนทั้งหลายพึงฟังธรรมของเรา ก็แลครั้นฟังแล้ว จะพึงรู้ทั่วถึงธรรม ก็แลครั้นรู้ทั่วถึงธรรมแล้ว จะพึงปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ดังนี้ อาศัยความที่ธรรมเป็นธรรมอันดี จึงแสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่น อาศัยความกรุณาจึงแสดงธรรมแก่ชนเหล่าอื่น อาศัยความเอ็นดูจึงแสดงธรรม
อ.วิชัย: ฟังเมื่อสักครู่นี้ ก็เห็นเลยครับว่า การที่จะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ง่ายเลย แล้วก็ได้ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคลจริงๆ ครับ แต่ผมก็ได้มีโอกาสได้กล่าว หรืออ่านถึงพระพุทธคุณ ซึ่งพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มีนับประมาณไม่ได้ แต่ก็มีบทหนึ่งที่จะกราบเรียนสนทนากับท่านอาจารย์ ใ นบทที่ว่า สุคโต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า สุคโต เพราะภาวะที่ทรงดำเนินไปงาม การที่ทรงดำเนินนั้น ของพระผู้มีพระภาคเจ้างดงาม บริสุทธ์ หาโทษมิได้ และการทรงดำเนินนั้น ได้แก่อะไร ได้แก่ทางอันประเสริฐ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ อะไรที่เป็นความงามของที่พระองค์ดำเนินไปครับ
ท่านอาจารย์: คุณวิชัยไปไหน ทุกวันๆ ไปไหน ไปอยู่ตลอด?
อ.วิชัย: ไปอยู่ตลอด
ท่านอาจารย์: แล้วไปไหนล่ะ? ประเสริฐไหม?
อ.วิชัย: ก็โดยมากไปตามอำนาจของความติดข้องครับ
ท่านอาจารย์: ไปทำธุระ ไปเที่ยว ไปทำทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นจะเป็นหนทางที่จะทำให้รู้ความจริงไหม?
อ.วิชัย: ไม่สามารถที่จะเป็นเหตุให้รู้ความจริงเลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ความจริงมีหรือเปล่า?
อ.วิชัย: มีครับ
ท่านอาจารย์: รู้ไหมว่า จริงคืออะไร? เมื่อไหร่?
อ.วิชัย: ถ้าไม่ฟัง คำ ของพระองค์ ไม่รู้ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ความจริงนั้นอยู่ไกลหรืออยู่ใกล้?
อ.วิชัย: อยู่ไกลมากครับ แม้กำลังมีปรากฏอยู่ครับ
ท่านอาจารย์: แล้วจะไปไหน?
อ.วิชัย: แล้วจะไปไหน ถ้าไม่ฟังไม่รู้ครับว่า จะไปไหน
ท่านอาจารย์: เห็นไหม ไปทุกวัน แต่ไปไหน? และหนทางที่ประเสริฐที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำเนินไปแล้ว ทรงแสดงหนทางที่ประเสริฐกว่าทางไปไหนทั้งหมด เพราะทางอื่นไปสู่ความไม่รู้ทั้งนั้น แต่นี่เป็นทางไปสู่การประจักษ์ความจริงซึ่งเปลี่ยนไม่ได้เลย เป็นความจริงถึงที่สุด คือเป็นปรมัตถะ เปลี่ยนไม่ได้ เป็นธรรมที่ละเอียดยิ่ง เพราะความจริงอยู่ใกล้มากเลย แต่ไปไหนกัน? เห็นไหม?
อ.วิชัย: พ ระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้ก็รู้ว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง หนทางซึ่งเป็นธรรมประการหนึ่งก็ลึกซึ้ง ครับ แต่ฐานะของผู้ที่จะศึกษาแล้วก็ค่อยๆ เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้จักทางนั้นที่จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์: ไปไหนกันเรื่อยใช่ไหม ตลอดเวลา?
อ.วิชัย: ครับ
ท่านอาจารย์: แต่ว่า สิ่งที่ใกล้ที่สุดจากไปโน่นไปนี่มา ค่อยๆ ไปทีละน้อย ถึงตรงนี้หรือเปล่า? ไม่ใช่ไปไกลเลย จากไปไกลแสนไกลทุกวัน รู้ไหม ไกลแค่ไหน?
เห็น ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ ไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่ไปเป็นอะไรเสียเยอะเยะ ไกลแสนไกลเป็นโน่น เป็นนี่ เป็นสวรรค์ เป็นเทวโลก เป็นโน่นเป็นนี่หมด แต่จริงๆ เห็นแค่เห็น ใกล้ที่สุด ไม่มีอะไรที่จะใกล้กว่า เห็น ที่กำลังเห็น แต่ก็ไปไกลมาก กว่าจะรู้หนทางมาสู่สิ่งที่ใกล้ที่สุด และรู้ความจริงที่อยู่ใกล้ที่สุด กว่าจะถึงตรงนี้ ยากไหม?
อ.วิชัย: ยากที่สุดเลยครับ
ท่านอาจารย์: นี่คือหนทาง ละเอียด ลึกซึ้ง ที่จะรู้ตรงสิ่งที่ใกล้ที่สุดที่เกิดแล้วดับ ตรงนั้นถูกปิดบังไว้ด้วยความไม่รู้หมด แสวงหาไกลมาก พยายามโน่น นี่ ทุกประการ ยิ่งพยายามโน่น นี่ ก็ยิ่งไปไกลสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด
เพราะฉะนั้น ต้องรู้ความจริงไม่ไกลเลย โอปนยิโก น้อมมาสู่ แต่ไม่ใช่เป็นตัวตนพยายามน้อม ความเข้าใจความละเอียดลึกซึ้ง จะค่อยๆ ไม่ไปอื่นเหมือนเดิม ค่อยๆ มาสู่สิ่งที่ใกล้ที่สุด แต่ไม่ถึงสักที พูดถึงเห็นเดี๋ยวนี้ เห็นอยู่ไกลไหม?
อ.วิชัย: ดูเหมือนไม่ไกล เพราะกำลังเห็นอยู่เดี๋ยวนี้
ท่านอาจารย์: ใกล้ที่สุดเลย ไม่ห่างไปเลย แต่ว่ามาสู่ ตัวเห็น ที่กำลังเห็น เพื่อรู้จักเห็นแล้วหรือยัง? เห็นไหม? แล้วหนทางที่จะมาสู่ ตรงนี้ แสนไกล จากการที่จะค่อยๆ ไม่ไปสู่ที่อื่น ค่อยๆ เข้ามาใกล้สิ่งที่มีจริงๆ ที่ควรจะรู้ได้มากกว่าอย่างอื่น แต่ไม่รู้ เพราะไกลจากความเข้าใจว่า ตรงนี้ ต่างหาก
ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริง ให้รู้ว่า ใกล้ที่สุด แต่ทำไมถึงไกลอย่างนั้น ไม่มาถึงความจริงนี้สักที เพราะไม่คุ้นเคยกับการที่จะรู้ความจริงว่า ความจริงไม่ไกลเลย ไม่ต้องแสวงหา แต่ไม่ถึงตรงนี้ไปตรงอื่นหมด
เพราะฉะนั้น หนทางอื่นไม่ใช่หนทางที่จะรู้ความจริง ที่อยู่ใกล้ที่สุดแต่ลึกซึ้งที่สุด จึงไกลที่สุดกว่าจะถึงได้ จนกว่าจะไม่ไปไกลด้วยอวิชชาสู่สิ่งอื่น
ขอเชิญอ่านได้ที่..
ความหมายของคำว่าพระสุคต [อรรถกถาพาหิยสูตร ขุททกนิกาย อุทาน]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ