อสรพิษ ๔ จำพวก [อาสีวิสสูตร]
โดย prachern.s  10 ก.พ. 2552
หัวข้อหมายเลข 11210

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ 366

อาสีวิสวรรคที่ ๔

๑. อาสีวิสสูตร

ว่าด้วยอสรพิษ ๔ จำพวก

[๓๐๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ พระวิหารเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น พระผู้มีพระ-ภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า มี อสรพิษ ๔ จำพวก มีเดชกล้าพิษร้าย ถ้ามีบุรุษรักชีวิต ผู้ไม่อยากตายรักสุข เกลียดทุกข์ มา ชนทั้งหลายพึงกล่าวกะเขาอย่างนี้ว่า ท่านบุรุษอสรพิษ ๔ จำพวกนี้ มีเดชกล้าพิษร้าย ท่านพึงปลุกให้ลุกตามเวลา ให้อาบน้ำตามเวลา ให้กินอาหารตามเวลา ให้เข้าสู่ที่อยู่ตามเวลา เวลาใดอสรพิษทั้ง ๔ จำพวกนี้ ตัวใดตัวหนึ่งโกรธขึ้น เวลานั้น ท่านก็จะพึงถึงความตาย หรือถึงทุกข์ปางตาย กิจใดที่ท่านควรทำ ก็จงทำกิจนั้นเสีย. [๓๑๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น บุรุษนั้นกลัวอสรพิษทั้ง ๔ จำพวกนั้น จึงหนีไปในที่อื่น ชนทั้งหลายพึงกล่าวกะเขาอย่างนี้ว่า ท่านบุรุษ มีเพชฌฆาตผู้เป็นข้าศึกอยู่ ๕ คน ได้ติดตามท่านมา พบท่านในที่ใดก็จะฆ่าท่านเสีย ในที่นั้น กิจใดที่ท่านควรทำ ก็จงทำกิจนั้นเสีย [๓๑๑] ครั้งนั้น บุรุษนั้นกลัวอสรพิษทั้ง ๔ จำพวก และกลัวเพชฌฆาตผู้เป็นข้าศึกทั้ง ๕ คนนั้น จึงหนีไปในที่อื่น ชนทั้งหลายพึงกล่าวกะเขาอย่างนี้ว่า ท่านบุรุษ มีเพชฌฆาตคนที่ ๖ ซึ่งเที่ยวไปในอากาศ เงื้อดาบติดตามท่านมา พบท่านในที่ใด ก็จะตัดศีรษะของท่านเสียในที่นั้นกิจใดที่ท่านควรทำ ก็จงทำกิจนั้นเสีย.

[๓๑๒] ครั้งนั้น บุรุษนั้นกลัวอสรพิษทั้ง ๔ จำพวก ซึ่งมีเดชกล้า กลัวเพชฌฆาตผู้เป็นข้าศึกทั้ง ๕ และกลัวเพชฌฆาตคนที่ ๖ ซึ่งเที่ยวไปในอากาศ เงื้อดาบอยู่ จึงหนีไปในที่อื่น เขาพบบ้านร้างเข้า จึงเข้าไปยังเรือนร้างว่างเปล่าหลังหนึ่ง ลูบคลำภาชนะว่างเปล่าชนิดหนึ่ง ชนทั้งหลายพึงกล่าวกะเขาอย่างนี้ว่า ท่านบุรุษ มีโจรทั้งหลายคอยฆ่าชาวบ้าน เข้ามาบ้านร้างนี้เสมอ กิจใดที่ท่านควรทำ ก็จงทำกิจนั้นเสีย. [๓๑๓] ครั้งนั้น บุรุษนั้นกลัวอสรพิษทั้ง ๔ กลัวเพชฌฆาตทั้ง ๕กลัวเพชฌฆาตคนที่ ๖ และกลัวโจรผู้คอยฆ่าชาวบ้าน จึงหนีไปในที่อื่นเขาไปพบห้วงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ฝั่งข้างนี้น่ารังเกียจ มีภัยอันตราย ฝั่งข้างโน้นเป็นที่เกษมปลอดภัย เรือแพ หรือสะพานที่จะข้ามไปฝั่งโน้นไม่มี.

[๓๑๔] ครั้งนั้น บุรุษนั้นมีความคิดอย่างนี้ว่า ห้วงน้ำนี้ใหญ่นักฝั่งข้างนี้เป็นที่น่ารังเกียจ มีภัยอันตราย ฝั่งข้างโน้นเป็นที่เกษมปลอดภัยเรือแพ หรือสะพานที่จะข้ามไปฝั่งโน้นก็ไม่มี ผิฉะนั้น เราควรจะมัดหญ้าไม่ กิ่งไม้และใบไม้ ผูกเป็นแพ เกาะแพนั้น พยายามไปด้วยมือและด้วยเท้า ก็พึงถึงฝั่งโน้นได้โดยความสวัสดี ครั้นแล้ว บุรุษนั้นทำตามความคิดอย่างนั้น ก็ข้ามฟากถึงฝั่งข้างโน้นแล้ว ขึ้นบกไปเป็นพราหมณ์.



ความคิดเห็น 1    โดย prachern.s  วันที่ 10 ก.พ. 2552

[๓๑๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้ออุปมานี้ เราทำขึ้นเพื่อจะให้เข้าใจเนื้อความโดยง่าย ในข้อนั้นมีเนื้อความดังนี้ คำว่า อสรพิษที่มีเดชกล้าทั้ง ๔ จำพวกนั้น เป็นชื่อแห่งมหาภูตรูป ๔ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟธาตุลม คำว่า เพชฌฆาตทั้ง ๕ คนที่เป็นข้าศึกนั้น เป็นชื่อแห่งอุปาทาน ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์คำว่า เพชฌฆาตคนที่ ๖ ซึ่งเที่ยวไปในอากาศ เงื้อดาบอยู่นั้น เป็นชื่อแห่งนันทิราคะ คำว่า บ้านร้างนั้นเป็นชื่อแห่งอายตนะภายใน ๖.

[๓๑๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าแม้บัณฑิตผู้ฉลาด มีปัญญาใคร่-ครวญอายตนะภายใน ๖ นั้น ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็จะปรากฏว่าเป็นของว่าง เปล่า สูญทั้งนั้น. คำว่า โจรผู้ฆ่าชาวบ้านนั้น เป็นชื่อแห่งอายตนะภายนอก ๖ ตา ย่อมเดือดร้อนเพราะรูปที่เป็นที่พอใจและไม่พอใจ หูย่อมเดือดร้อน เพราะเสียงเป็นที่พอใจและไม่พอใจ จมูกย่อมเดือดร้อนเพราะกลิ่นเป็นที่พอใจ และไม่พอใจ ลิ้นย่อมเดือดร้อนเพราะรสเป็นที่พอใจและไม่พอใจ กายย่อมเดือดร้อนเพราะโผฏฐัพพะเป็นที่พอใจและไม่พอใจ ใจย่อมเดือดร้อนเพราะธรรมารมณ์เป็นที่พอใจและไม่พอใจ คำว่า ห้วงน้ำใหญ่นั้น เป็นชื่อแห่ง โอฆะทั้ง ๔ คือ กาโมฆะ ภโวฆะ ทิฏโฐฆะ อวิชโชฆะ คำว่า ฝั่งข้างนี้ อันเป็นที่น่ารังเกียจ มีภัยอันตรายนั้น เป็นชื่อแห่งร่างกายของตน คำว่าฝั่งข้างโน้นเป็นที่เกษม ปลอดภัยนั้นเป็นชื่อแห่งนิพพาน คำว่า แพนั้นเป็นชื่อแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิคำว่า พยายามข้ามไปด้วยมือและเท้า เป็นชื่อแห่งวิริยารัมภะ คำว่า ข้ามฟากถึงฝั่งโน้นแล้วขึ้นบกไปเป็นพราหมณ์ เป็นชื่อแห่งพระอรหันต์.

จบ อาสีวิสสูตรที่ ๑


ความคิดเห็น 2    โดย สุภาพร  วันที่ 10 ก.พ. 2552

ขอนอมน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

และขออนุโมทนาท่านที่นำพระสูตรนี้มาให้อ่านค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย suwit02  วันที่ 10 ก.พ. 2552

สาธุ


ความคิดเห็น 4    โดย opanayigo  วันที่ 10 ก.พ. 2552

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย pornpaon  วันที่ 11 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย จำแนกไว้ดีจ๊ะ  วันที่ 17 ก.พ. 2552

ลูบคลำภาชนะว่างเปล่าในบ้านร้าง คือ อะไร


ความคิดเห็น 7    โดย paderm  วันที่ 18 ก.พ. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ในอรรถกถาแก้ไว้ว่า บุคคลผู้หนีโจร เข้าไปอาศัยบ้านร้าง เพราะต้องการอาหาร เห็นภาชนะจึงลูบคลำดู ไม่ได้อะไรจากภาชนะนั้นเพราะว่างเปล่า ผู้ที่อบรมปัญญาเข้า ไปในบ้านร้างคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ได้อะไรจากบ้านร้างมีการเข้าไปลูบคลำ ภาชนะ ไม่มีอะไรในภาชนะ ภิกษุนั้นย่อมไม่ได้สาระอะไรจาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน เปรียบเหมือนการไม่ได้อะไรจากบ้านร้าง และภาชนะในบ้านร้างครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 24 ก.พ. 2552

แพนั้นเป็นชื่อแห่งอริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิคำว่า พยายามข้ามไปด้วยมือและเท้า เป็นชื่อแห่งวิริยารัมภะ คำว่า ข้ามฟากถึงฝั่งโน้นแล้วขึ้นบกไปเป็นพราหมณ์ เป็นชื่อแห่งพระอรหันต์.

ขอเรียนถามว่า วิริยารัมภะ หมายความว่าอย่างไรค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย prachern.s  วันที่ 24 ก.พ. 2552

คำว่า วิริยารัมภะ หมายถึงการปรารภความเพียร สัมมาวายามะ วิริยเจตสิก ที่กระทำกิจในสัมมัปปธาน ๔


ความคิดเห็น 10    โดย chatchai.k  วันที่ 25 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตครับ