พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 382ย่างเท้าของข้าพระองค์เห็นปานนี้ ประดุจจากมหาสมุทรด้านทิศบูรพา ก้าวถึง
มหาสมุทรด้านทิศประจิม ข้าพระองค์มาประสงค์อยู่แต่เพียงว่า เราจักบรรลุ
ถึงที่สุดของโลกด้วยการเดินทาง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ประกอบ
ด้วยความเร็วขนาดนี้ ด้วยย่างเท้าขนาดนี้ เว้นจากการกิน การขบเคี้ยว และ
การลิ้มรสอาหาร เว้นจากการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ. เว้นจากระงับความ
เหน็ดเหนื่อยด้วยการหลับนอน มีอายุถึงร้อยปี ดำรงชีพอยู่ถึงร้อยปี เดินทาง
ตลอดร้อยปี ก็ยังไม่ถึงที่สุดของโลกได้ แต่มาทำกาลกิริยาเสียในระหว่าง น่า-
อัศจรรย์นัก พระเจ้าข้า ไม่เคยมีมา พระเจ้าข้า พระดำรัสนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสดีแล้วว่า ผู้มีอายุ ณ โอกาสใดบุคคลไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตายไม่จุติ ไม่อุปบัติ
เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่าที่สุดของโลก ที่ควรรู้ ควรเห็นควรบรรลุ ด้วยการ
เดินทาง. [๒๙๘] พ. ดูก่อนผู้มีอายุ ณ โอกาสใดบุคคลไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตายไม่จุติ ไม่อุปบัติ เราไม่เรียกโอกาสนั้นว่าที่สุดของโลก ที่ควรรู้ ควรเห็น
ควรบรรลุ ด้วยการเดินทาง ก็ถ้าหากเรายังไม่บรรลุถึงที่สุดของโลกแล้ว ก็จะ
ไม่กล่าวถึงการกระทำที่สุดทุกข์ก็แต่ว่าเราบัญญัติโลก เหตุให้เกิดโลก การดับ
ของโลกและทางให้ถึงความดับโลก ในเรือนร่าง มีประมาณวาหนึ่งนี้และพร้อม
ทั้งสัญญาพร้อมทั้งใจครอง.แต่ไหนแต่ไรมา ยังไม่มีใครบรรลุถึงที่สุดโลกด้วย
การเดินทาง และเพราะที่ยังบรรลุถึงที่สุดโลกไม่ได้ จึงไม่พ้นไปจากทุกข์.เหตุนั้นแล คนมีปัญญาดี รู้แจ้งโลก ถึงที่สุดโลกได้ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
เป็นผู้สงบแล้ว จึงไม่หวังโลกนี้และโลกอื่น.
อรรถกถาโรหิตัสสสูตร