[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 69
๑. อิตถิวิมานวัตถุ
ปีฐวรรคที่ ๑
๗. ทุติยนาวาวิมาน
ว่าด้วยนาวาวิมานที่ ๒
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 69
๗. ทุติยนาวาวิมาน
ว่าด้วยนาวาวิมาน ๘
[๗] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทพนารี ท่านขึ้นนั่งนาวาวิมานอันมุงบังด้วยทอง ลงแล่นสระโบกขรณี หักดอกปทุมด้วยมือ กูฏาคารนิเวศของท่านจัดไว้พิมพ์เดียวกัน ประหนึ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 70
เนรมิตเป็นส่วนสัด เมื่อส่องแสงก็สว่างโดยรอบทั้งสี่ทิศ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน อนึ่ง โภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
ดูก่อนเทพผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดาถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ดีใจ ครั้นแล้วก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
ในชาติก่อน ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ดีฉันได้เห็นภิกษุผู้ลำบากกายกระหายน้ำ จึงขวนขวายถวายน้ำฉัน ท่านผู้ใดและขวนขวายได้ถวายน้ำฉันแก่ภิกษุผู้ลำบากกาย กระหายน้ำมา แม่น้ำหลายสาย มีน้ำเยือกเย็น มีสวนไม้มาก มีบุณฑริกบัวขาวมาก ย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น แม่น้ำหลายสายย่อมเรียงรายไหลล้อมรอบวิมานนั้นเป็นประจำ แม่น้ำทั้งหลายลาดด้วยทราย มีน้ำเย็นสนิท มีต้นมะม่วง ต้นสาละ ต้นหมากหอม ต้นชมพู่ ต้นราชพฤกษ์ และต้นแคฝอยที่ออกดอกสะพรั่ง ผู้ทำบุญไว้ย่อมได้ วิมานชั้นดีเยี่ยมที่ประกอบด้วยภูมิภาคเช่นนั้น สง่างามหนักหนา นี้เป็นวิบากแห่งกรรมนั้นทั้งนั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 71
คนทั้งหลายที่ทำบุญไว้แล้วย่อมได้ผลเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดิฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกแก่ท่าน ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ดีฉันได้ทำบุญอันใดไว้ เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
จบทุติยนาวาวิมาน
อรรถกถาทุติยนาวาวิมาน
ทุติยนาวาวิมาน มีคาถาว่า สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ เป็นต้น. ทุติยนาวาวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี พระเถระขีณาสพรูปหนึ่ง เมื่อจวนวันจะเข้าพรรษา ประสงค์จะจำพรรษา ณ วัดใกล้หมู่บ้าน จึงออกจากกรุงสาวัตถี เดินทางไกล ภายหลังฉันอาหารแล้ว มุ่งเฉพาะหมู่บ้านนั้น ลำบากกาย กระหายน้ำ เพราะเดินทางเหนื่อย ระหว่างทางถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไม่เห็นสถานที่ที่มีร่มเงาและน้ำพร้อมเช่นนั้น นอกหมู่บ้าน ถูกความเหน็ดเหนื่อยครอบงำ จึงห่มจีวรเข้าไปยังหมู่บ้าน ยืนที่ประตูเรือนหลังใกล้ๆ นั่นแล. ณ เรือนหลังนั้น หญิงผู้หนึ่งเห็นพระเถระ จึงถามว่า ท่านมาแต่ไหนเจ้าคะ รู้ว่าท่านเดินทางเหนื่อย และกระหายน้ำ จึงกล่าวว่า มาเถิดเจ้าข้า แล้วนิมนต์ให้เข้าไปยังเรือน กล่าวว่า นิมนต์นั่งตรงนี้เจ้าค่ะ แล้วปูลาดอาสนะถวาย เมื่อพระ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 72
เถระนั่งเหนืออาสนะนั้นแล้ว นางก็ถวายน้ำล้างเท้าและน้ำมันชโลมเท้า ถือพัดใบตาลพัดถวาย. เมื่อความเร่าร้อนสงบแล้ว นางก็ปรุงน้ำปานะหวานเย็นหอมถวาย. พระเถระดื่มน้ำปานะนั้นแล้ว ก็สงบความลำบากกายลง ทำอนุโมทนาแล้วก็หลีกไป. ต่อมาภายหลังนางก็ตายไปบังเกิดในภพดาวดึงส์. เรื่องทั้งหมดพึงทราบว่า ก็เช่นเดียวกับวิมานในลำดับก่อน แม้ในคาถาทั้งหลายก็เคยกล่าวไว้ทั้งนั้น.
ด้วยเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวว่า ท่านพระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทพนารี ท่านขึ้นเรือปิดทอง ท่านลงเล่นสระโบกขรณี หักปทุมด้วยมือ. กูฏาคารนิเวศของท่านจัดไว้พิมพ์เดียวกัน ประหนึ่งเนรมิตเป็นส่วนสัด เมื่อส่องแสงก็ส่องสว่างรอบสี่ทิศ. เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลนี้จิตสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน. ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทวดานั้นถูกท่านพระโมคคัลลานะถามแล้วดีใจ ก็พยากรณ์ปัญหาโดยอาการที่ท่านถึงกรรมที่มีผลดังนี้ว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 73
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ในชาติก่อนในมนุษยโลก ดีฉันพบพระภิกษุที่ลำบากกาย กระหายน้ำ จึงขวนขวายถวายน้ำให้ท่านดื่ม. ผู้ใดแลขวนขวายถวายน้ำแก่พระภิกษุผู้ลำบากกาย กระหายน้ำให้ท่านดื่ม แม่น้ำหลายสายที่มีน้ำเย็น มีสวนไม้มาก มีบัวขาวมากย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น แม่น้ำที่มีหลายสายย่อมรายล้อมวิมานนั้นเป็นประจำ มีแม่น้ำที่มีน้ำเย็นลาดด้วยทราย มีมะม่วง สาละ หมากหอม หว้า ราชพฤกษ์ และแคฝอยที่มีดอกบานสะพรั่ง. คนทำบุญแล้วย่อมได้วิมานอันประเสริฐสุด ที่ประกอบด้วยภูมิภาคเช่นนั้น อันสง่างามหนักหนา นี้เป็นผลของกรรมนั้นเท่านั้น ผู้ทำบุญแล้วย่อมได้รับผลเช่นนี้. เพราะบุญนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดิฉันขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ดีฉันได้กระทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้นดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
แม้บรรดาอรรถกถาทั้งหลาย ในอรรถกถานี้ก็ต้องกล่าวว่า เอโกว เถโร พระเถระรูปหนึ่งเหมือนกัน.
จบอรรถกถาทุติยนาวาวิมาน