การเป็นสามเณรนั้น แน่นอนว่าต้องถือศีล ๑๐ แต่บางทีความที่ยังเด็กมาก บางรูปจึง ซน และไม่รู้จักการรักษาอิริยาบถ/ไม่สำรวม จึงเป็นที่มาของความที่ไม่เคร่งครัดมาก สังเกตได้จากการที่มีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ที่มีเณรเล่นสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน บางคนก็บอกว่า เด็กก็คือเด็ก จะถือสาอะไรให้มากความ แบบนี้ผิด/ถูก ควรหรือไม่ควรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การบวช เป็นเรื่องของการขัดเกลากิเลส และที่สำคัญจะต้องเป็นอัธยาศัยของผู้นั้นที่จะต้องสละอาคารบ้านเรือน ทรัพย์สมบัติ ญาติมิตรเป็นต้นแล้วน้อมไปในการบวช เพื่อขัดเขลากิเลสด้วยความจริงใจ การบวช มีทั้งบวชเป็นสามเณรและบวชเป็นพระภิกษุ
สำหรับอายุที่บวชเณรได้นั้น ไม่ได้กำหนดอายุ แต่ อธิบายไว้ครับว่า ผู้นั้นควรเป็น ผู้รู้เดียงสาแล้ว คือ สามารถจับก้อนข้าว ไล่กาได้ ก็สามารถบวชเป็นสามเณรได้ครับ
ดังนั้น เมื่อเข้ามาบวชเป็นสามเณร แสดงว่ารู้เดียงสา แล้ว ไม่ไ่ด้หมายความว่าไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เดียงสา ในพระธรรมที่ถูกต้อง จึงต้องเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติให้สมควรกับเพศ ที่ได้สละอาคาร บ้านเรือน เพื่อบวชเป็นสามเณร อันเป็นไปเพื่อจะถึงความเป็นพระภิกษุ และก็จะต้องมีข้อวัตร ปฏิบัติให้เหมาะสมกับเพศ มีการสำรวมกาย วาจา เป็นต้น ให้เหมาะสมกับเพศที่สละ ขัดเกลากิเลสด้วย ดังนั้น เด็กก็คือเด็ก แต่เด็ก แต่ก็ต้องรู้ว่า อยู่ในฐานะและเพศอะไร ไม่ใช่เพศคฤหัสถ์ที่จะเล่นแบบเด็กครับ
ดังนั้นปัจจุบัน ก็สำคัญว่า การบวชเป็นประเพณี ไม่ได้เห็นความสำคัญของการบวช ว่ามีคุณค่า เป็นไป เพื่อสละ ขัดเกลากิเลส จึงไม่ได้เห็นความสำคัญถึงข้อวัตรปฏิบัติ ของพระภิกษุและสามเณร ว่าควรเคร่งครัด ขัดเกลา จึงมีคำกล่าวว่า เด็กก็คือเด็ก ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะ พูดถึงเด็ก แต่ไม่ได้พูดถึง เพศว่า เด็กอยู่ในเพศอะไร คฤหัสถ์ หรือ ผู้ที่ออกบวช เป็นสามเณรครับ ดังนั้น ต้องแยกระหว่าง ความเป็นเด็ก ซึ่งก็รู้เดียงสาแล้ว กับ เพศที่ตนครองอยู่ ครับ ไม่เอามาปะปนกัน จนเป็นข้ออ้าง ของการอยู่ในเพศนั้นครับ
จะเห็นถึงกำลังของกิเลส ว่าเมื่อมีเหตุปัจจัย ก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ตราบใด เมื่อยังเป็นปุถุชน และไม่ว่าอยู่ในเพศใด กิเลสก็เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ที่สำคัญ ควรสำเหนียกอย่างยิ่งว่า เมื่ออยู่ในเพศอะไรแล้ว ก็ควรประพฤติปฏิบัติให้เหมาะสมกับเพศนั้น ซึ่งก็แล้วแต่การสะสมปัญญามาของแต่ละคน ที่จะทำให้เห็นโทษของการประพฤติ ไม่ควร และเห็นประโยชน์ของการประพฤติที่เหมาะสม ซึ่งอาศัยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ปัญญาก็เจริญขึ้น ปัญญานั้นเองจะเป็นเครื่องนำทาง ให้ประพฤติสมควร ไม่ว่าอยู่ในเพศใด ดังเช่นสามเณรในพุทธกาล ที่แม้อายุ ๕ ขวบ ก็บรรลุคุณธรรมเป็นพระอรหันต์และประพฤติวัตร ข้อปฏิบัติอันสมควร ครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สามเณร เป็นเพศบรรพชิตซึ่งเป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ ในสมัยครั้งพุทธกาลมีสามเณรเป็นจำนวนมากที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการบวชเป็นสามเณร คือ สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ จนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ นี้แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการได้เข้ามาสู่เพศบรรพชิตอันเป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เพศใด ถ้ามีความตั้งใจจริง มีความอดทน มีความเพียรในการฟัง ในการศึกษาพระธรรมแล้ว ย่อมได้รับประโยชน์จากพระธรรมอย่างแท้จริง ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล แต่ถ้าบวชเป็นสามเณรแล้ว ไม่ศึกษาพระธรรม ไม่ขัดเกลากิเลสของตนเอง ประพฤติในสิ่งที่ไม่เหมาะสมประการต่างๆ ย่อมเป็นโทษแก่ตนเองโดยส่วนเดียว จะอ้างถึงการเป็นเด็ก ไม่ได้ เด็กก็สามารถที่จะดีได้ รวมถึงวัยอื่นๆ ด้วย แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จะเป็นเพศใด ถ้าประพฤติไม่เหมาะสม ไม่คล้อยตามพระธรรมแล้ว ย่อมไม่ดี ทั้งนั้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ถ้าจะบวชเป็นสามเณร ก็ต้องรักษาพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ และ ในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าสอนให้สามเณรราหุล ไม่พูดเท็จ เพียงเพื่อการหัวเราะเล่นค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ