ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๓ * *
~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า น่าอัศจรรย์ จากความไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น ตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ แต่สามารถที่จะมีความเห็นถูกความเข้าใจถูกในทุกอย่างที่ปรากฏ จากกิเลสมากๆ จนกระทั่งค่อยๆ ละคลายดับไป จนกระทั่งไม่มีกิเลสเหลือเลย เพราะฉะนั้น น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าอย่างอื่น เพราะสามารถที่จะเปลี่ยนจากความไม่รู้ เป็นความค่อยๆ เข้าใจขึ้นจนดับกิเลสได้
~ พระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพุทธะ คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แล้วจะเป็นชาวพุทธหรือ? ก็เป็นชาวพุทธที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา
~ ตั้งแต่เกิดจนตายที่ไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พูดคำที่ไม่รู้จัก จริงหรือเปล่า?
~ สิ่งเดียวที่จะระงับทุกอย่างที่ให้โทษเป็นโทษ ก็คือ มีความเข้าใจถูก
~ ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้ไหมว่าโกรธไม่ใช่เรา เพราะโกรธ เป็นโกรธ จะเป็นเราได้อย่างไร เพราะมีปัจจัย (ทำให้) เกิดโกรธ ปกติไม่ได้โกรธ แต่มีปัจจัยที่จะเกิดโกรธ (ก็เกิด) เพราะฉะนั้น โกรธจะเป็นเราได้อย่างไร และไม่ใช่โกรธอย่างเดียว ทุกอย่างหมด ถ้าไม่มีปัจจัยจะเกิดได้ไหม? เพราะฉะนั้น ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่า ไม่มีเรา เป็นแต่ละหนึ่งที่หลากหลายมาก ตามเหตุตามปัจจัย
~ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แข็งแรงดี แล้วก็เกิดเจ็บป่วย เป็นอย่างไร ชอบไหม? ไม่ชอบ นั่นคือ โทสะไหม? (เป็นโทสะ) เพราะยังมีเหตุที่จะให้เกิดโทสะ
~ ตราบใดที่ยังมีกิเลสแม้บางเบาเท่าไหร่ ก็ยังไม่สะอาด ยังไม่สงบจริงๆ ขณะที่สิ่งนั้น (กิเลสแม้บางเบา) เกิดขึ้น ไม่สงบแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ไปแสดงอาการกิริยาอาการใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่สิ่งนั้นปรากฏ ก็รู้ว่า ไม่สงบเสงี่ยม
~ ผู้ที่มีปัญญา เห็นกิเลสแม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งคนอื่นไม่เห็น แต่เขาผู้นั้นเห็นเหมือนดุจเห็นเมฆก้อนใหญ่ในท้องฟ้า เห็นโทษถึงปานนั้นของกิเลสเพียงเล็กน้อย
~ เห็นโทษของอกุศล แล้วก็อบรมเจริญปัญญาที่จะดับอกุศลนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่เพียงแต่เห็นโทษเท่านั้น
~ มิตรที่ดี คือ ให้ความจริง ไม่ใช่หลอกลวง ไม่ใช่ให้เข้าใจผิด เมื่อให้สิ่งที่ถูกต้อง เป็นความจริง ก็ต้องเป็นมิตรที่ดี
~ เห็นความน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งของปัญญา ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะปัญญาจะถือเอาแต่สิ่งที่ควรที่เป็นประโยชน์ และจะละทิ้งสิ่งที่ไม่ควร
~ เวลาที่มีทุกขเวทนาเกิด แล้วก็เป็นทุกข์เดือดร้อนใจ ให้ทราบได้ว่า เพิ่มทุกข์ให้กับตนเอง เหมือนกับถูกยิงด้วยลูกศรดอกที่หนึ่งทางกาย แล้วก็ยังไม่พอ ยังจะต้องถูกยิงด้วยลูกศรดอกที่สองที่แผลเก่านั้นอีกซ้ำลงไป เพราะฉะนั้น ทุกข์ก็ต้องเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากทุกข์กายแล้วก็ยังมีทุกข์ใจ ด้วย
~ ถ้าใครยังมีโลภะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ อันเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรม ย่อมไม่พ้นจากอบาย เพราะเหตุว่าไม่มีใครสามารถที่จะนำไปสู่อบาย นอกจากกิเลส ทุกคนมีโลภะ มีโทสะ มีโมหะ เพราะฉะนั้น ทุกคนก็ยังมีกิเลสซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในอบาย ถ้าได้กระทำอกุศลกรรมเพราะโลภะ หรือเพราะโทสะ หรือเพราะโมหะก็ตาม เมื่อเป็นอกุศลกรรมย่อมสามารถที่จะทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิ
~ เป็นบุญอย่างยิ่ง ที่มีโอกาสได้ฟังคำที่ถูกต้อง ที่จะไม่หลงผิด เพราะคำผิด คำที่ชวนให้หลง มีมาก
~ ไม่ประมาทที่จะสะสมกุศลแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ เพราะใครจะรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น กุศลแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรประมาทเลย ตราบใดที่เกิดเป็นผู้ที่สามารถที่จะกระทำกุศลได้
~ น่ากลัวอย่างยิ่งสำหรับความไม่ดีและควรกลัวด้วย ความไม่ดี ไม่ได้นำผลที่ดีมาให้เลยทั้งสิ้น สิ่งที่ควรกลัว ไม่ควรเข้าใกล้ ไม่ควรที่จะสะสม คือ ความชั่วทั้งหลาย แล้วคิดอย่างนี้หรือเปล่าระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่
~ อธิษฐาน หมายถึง ความตั้งใจมั่นในการเจริญกุศล เพราะเหตุว่า จิตใจของคนส่วนใหญ่แล้วอกุศลทั้งนั้น ทั้งวัน โอกาสของกุศลน้อยมาก เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีอธิษฐานบารมี ก็เป็นผู้ที่รู้ตัวว่ากิเลสยังเยอะ จะต้องอาศัยความตั้งใจมั่นจริงๆ ในการเจริญกุศล มิฉะนั้นแล้ว ก็พลาดให้อกุศลทุกที
~ น่าเสียดาย ถ้าไม่เห็นประโยชน์ของกุศลและไม่สะสม ถ้าพลาดขณะนั้นไปแล้วทีละเล็กทีละน้อย แล้วที่จะสะสมกุศลให้มากขึ้นจะมาแต่ไหนถ้าประมาทกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
~ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป ควรมีสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้เกิดมาแล้วไม่ได้จากไปเปล่าๆ หรือจากไปด้วยการไม่รู้ความจริงสะสมความไม่รู้สะสมกิเลสไปมากมาย ก็ค่อยๆ สามารถที่จะเห็นว่าสิ่งที่มีค่าสำหรับผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ คือ สามารถได้ฟังคำที่จะทำให้เกิดปัญญาและรู้จักบุคคลที่ประเสริฐสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงหนทางที่จะทำให้กิเลสซึ่งมีมากในใจของทุกคนลดน้อยลงจนกระทั่งสามารถที่จะดับได้
~ ข้อสำคัญ ทุกคนกำลังจะตาย แน่นอน ชัดเจน ถูกต้องที่สุด ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าเลยสักขณะเดียว พอถึงเวลาก็ตาย แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ก็กำลังจะตาย ไม่รู้วันไหนเวลาไหนด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมให้เข้าใจทุกโอกาสที่มีแล้วจะได้ฟังอีกหรือเปล่า? จะเพิ่มความเข้าใจถูกต้องขึ้นอีกได้ไหม ถ้าไม่มีการได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีค่าของชีวิตทุกชาติ คือ เข้าใจธรรม เพราะขณะที่เข้าใจเท่านั้นที่จะค่อยๆ สะสมเป็นปัจจัยที่จะทำให้สามารถรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏโดยความเป็นอนัตตา ไม่เลือกเลย คาดคะเนก็ไม่ได้ เพราะปัจจัยที่จะให้เกิดอะไร ไม่มีใครรู้
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๒
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ...ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
น่าเสียดาย ถ้าไม่เห็นประโยชน์ของกุศลและไม่สะสม ถ้าพลาดขณะนั้นไปแล้วทีละเล็กทีละน้อย แล้วที่จะสะสมกุศลให้มากขึ้นจะมาแต่ไหนถ้าประมาทกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
ยินดีในความดีค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง อนุโมทนาค่ะ
กราบยินดีในกุศลธรรมทุกท่านทุกประการค่ะ
อนุโมทนาค่ะ