ในชีวิตประจำวันก็จะมีสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง มากบ้างน้อยบ้าง ดีใจบ้างเสียใจบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ฯลฯ เคยสังเกตบ้างไหมว่าที่เกิดนี้เป็นวิบากหรือเป็นอะไร บางที่ก็เกิดบ่อยมากจนสงสัยว่าทำไมต้องเกิดกับเรา บางทีก็ได้และพบบ่อยๆ บางที่คำนวณได้ว่า จะได้และพบซึ่งบางครั้งก็จริง อาจจะไม่ใช่หัวข้อสนทนา แต่บางท่านที่มีประสบการณ์อาจจะเล่าให้กันฟัง ถ้ารู้และเข้าใจสิ่งที่จะเกิดบ่อยๆ อาจเป็นประโยชน์ ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จิตมี 4 ชาติคือ กุศล อกุศล วิบาก กิริยา ไม่ปนกันเลย เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล วิบากก็คือ วิบาก ขณะที่เห็น ได้ยิน รู้กระทบสัมผัสเป็น ผลของกรรม (วิบาก) ไม่ใช่กุศลจิตและอกุศลจิต ขณะที่ดีใจ เสียใจ ไม่ใช่ผลของกรรม (วิบาก) แต่เป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต
ประการสำคัญ เราก็รู้แต่ชื่อว่า อย่างนี้เป็นผลของกรรม เป็นกุศลหรืออกุศล ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเราจะไปสังเกตรู้ว่า สภาพธรรมนี้คืออะไร แต่ต้องเป็นปัญญาของตัวเองที่เกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมขณะนั้นว่า เป็นธรรมหรือเป็นสภาพธรรมประเภทอะไร ไม่เช่นนั้นเราก็นึกคิดถึงสภาพธรรมที่ดับไปแล้วและก็เอาชื่อมาใส่ว่านี่ โลภะ นี่ผลของกรรม นี่โทสะ แต่ขณะไหน เมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะไม่ได้ระลึกรู้ ดังนั้นการจะรู้ลักษณะของ สภาพธรรม จึงเป็นเรื่องของปัญญาครับ ไม่ใช่ขั้นคิดนึกแต่เป็นสติปัฏฐานเกิดระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น ขณะที่เกิดครับ สังเกตพิจารณาในสภาพธรรมที่ดับ ไปแล้ว โดยการคิดนึก ต่างกับสติระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้นครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับ ...
จนกว่าความเข้าใจของเราจะเพิ่มมากขึ้น
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
choonj : เคยสังเกตไหมว่ามีวิบากที่กำลังให้ผลบ่อยๆ
ตลอดมาทั้งชีวิต นับตั้งแต่เกิด แม้ขณะนี้ ก็รับวิบากอยู่ทุกขณะ ทั้งการได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้รับกระทบสัมผัสทางกายตลอดเวลา หลับสนิท ตื่นขึ้นมา ก็เพราะวิบากนั้นแหละ จึงยังคงความเป็นอัตภาพนี้อยู่ (เพราะภวังคจิต เป็นจิตชาติวิบาก คอยดำรงรักษาภพชาตินี้ไว้) เพี่อรับ การได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้รับกระทบสัมผัสทางกายอีก เรื่อยไปจนกว่าจะถึงจุติจิตเกิดขึ้นแล้วดับ สิ้นสุดความเป็นบุคคลในภพชาตินี้ เคลื่อนไปสู่ภพชาติใหม่ทันที ส่วนความรู้สึกทุกข์สุข เป็นเวทนา เป็นกุศลจิตบ้าง อกุศลจิตบ้าง เป็นเหตุใหม่ การสะสมใหม่ ที่จะให้ผลได้ทั้งในชาตินี้ ชาติหน้า ชาติต่อๆ ไป แต่ว่าไม่เคยรู้ เพราะหลับอยู่ มัวเพลินหลับอยู่ด้วยอวิชชา แม้ขณะนี้ก็กำลังหลับ (รวมทั้งผู้เขียนความคิดเห็นนี้ด้วย)
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ทุกๆ ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส ล้วนเป็นผลของกรรม ที่เรียก ว่าวิบากคือเป็นผลของกรรมที่กระทำไว้ในอดีตทั้งสิ้น แต่เมื่อได้รับผลของกรรมอยู่เช่น ได้เห็นสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีซึ่งเป็นผลของอดีตกรรม แต่เมื่อได้รับผลของกรรมแล้วจิตที่ เกิดขึ้นต่อจากนั้นจะเป็นกุศลหรืออกุศลซึ่งเป็นเหตุให้กระทำกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม เป็นการสร้างเหตุใหม่ที่จะให้เกิดผลในอนาคตต่อไป
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกขณะของชีวิตตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไป หรือตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้ ไม่พ้นไปจากจิตแม้แต่ขณะเดียว จิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว ถ้าได้ศึกษาจนกระทั่งมีความเข้าใจที่ถูกต้อง มีความมั่นคง ก็จะทำให้เข้าใจว่า จิตไม่ได้มีแต่ชาติวิบาก เท่านั้น ยังมีชาติกุศล ชาติอกุศลและชาติกิริยาด้วย แต่ไม่เกิดพร้อมกันทั้งสี่ชาติ
ชาติ หมายถึงการเกิดขึ้นของจิต จิตเกิดขึ้นเป็นกุศล เป็นกุศลชาติ, จิตเกิดขึ้นเป็นอกุศล เป็นอกุศลชาติ, จิตเกิดขึ้นเป็นวิบาก เป็นวิบากชาติ, จิตเกิดขึ้นเป็นกิริยา เป็นกิริยาชาติ สภาพธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น
วิบาก เป็นนามธรรม คือเป็นวิบากจิตและวิบากเจตสิกเท่านั้น แต่ถ้ากล่าวว่าผลของกรรม ย่อมกว้างลึกลงไปถึงรูปด้วย เช่น จักขุปสาทรูป เกิดขึ้น เพราะเป็นผลของกรรม แต่ไม่กล่าวว่าเป็นวิบาก เพราะวิบากหมายถึงเฉพาะนามธรรม คือจิตและเจตสิกขณะที่เกิดขึ้นรับผลของกรรมเท่านั้น การที่จะได้รับสิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจหรือ ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กรรมที่ได้กระทำมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครทำให้เลย ศึกษาธรรม เพื่อความเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ จนกว่าจะเข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ ...
ทำไม...ถึงต้องเป็นเรา
ทำไม...ถึงจะเป็นจะตาย
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ.
สาธุ
ทุกขณะเป็นผลของกรรม ผู้ที่ฟังธรรมทุกวันเป็นประจำ ก็จะทำให้เกิดปัญญา ปัญญาก็ ทำให้กุศลอื่นเจริญขึ้น เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญสติปัฏฐาน ผลของกุศลก็ทำให้ได้ รับวิบากที่ดีๆ แต่ในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนาน เราก็ไม่ได้ทำแต่กุศลอย่างเดียว อกุศลก็ทำ ด้วย เพราะฉะนั้นไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ และอบรมปัญญาด้วยค่ะ
ทุกอย่างเกิดขึ้น ปรากฎ หมดไป หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนมาตามเหตุปัจจัย
ขอให้มีความมั่นคง อาจหาญและร่าเริงในการศึกษาพระธรรม
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ