เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน
เวลากระผมให้ทานหรือว่าทำกุศลอื่นๆ กระผมจะอุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อของกระผม (ถ้าไม่ลืม) โดยการเอยชื่อและนามสกุล กระผมสงสัยว่าถ้าท่านไปอยู่ในภพภูมิที่รับรู้ได้ ท่านจะจำชื่อตัวเองในอดีตที่เคยเกิดเป็นมนุษย์ได้หรือครับ ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ด้วยครับ
ขออนุโมทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การอุทิศส่วนกุศลเป็นบุญประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้น โดยเมื่อมีการทำบุญประเภทต่างๆ แล้วก็มีจิตคิดให้ผู้อื่นรับรู้บุญที่ได้ทำมาเพื่อให้สัตว์นั้นได้อนุโมทนา ดังนั้นการอุทิศส่วนกุศลจึงเป็นเรื่องของจิต ที่มีเจตนาให้ผู้อื่นรู้ในบุญที่ตนได้กระทำครับ
ซึ่งกุศลทุกๆ ประการที่ได้ทำสามารถอุทิศได้ ซึ่งกุศลของผู้ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล ฟังพระธรรม เป็นต้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีก จึงไม่สามารถจะยกบุญของตนเองไปให้ผู้อื่น เพราะ บุญของใครก็ของคนนั้น เพราะฉะนั้น จึงไม่เป็นปัญหา หากว่า ลืมอุทิศ หลังจากที่เพิ่งได้ทำบุญ ก็สามารถอุทิศภายหลังได้ เมื่อนึกขึ้นได้ เพราะ การอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นการบอกบุญ ให้ญาติรับรู้ ที่เกิดเป็นเปรต หรือ เทวดา ได้รับรู้ และ ญาติเกิดจิตอนุโมทนา คือ เกิดกุศลจิตของตนเองอนุโมทนาในกุศลที่เราได้ทำ ครับ
เพราะฉะนั้น การอนุโมทนาของญาติ ก็ต้องเป็นกุศลของญาติเอง ไม่ใช่ การนำบุญของตนไปให้ญาติ เพราะว่า บุญของเราเองก็เกิดดับไปแล้ว แม้เพิ่งอุทิศเดี๋ยวนั้น บุญที่เราได้ทำก็ดับไปแล้ว จึงไม่มีปัญหา ที่จะอุทิศภายหลัง ซึ่ง หากมีการอุทิศภายหลังหลายวัน และ ญาติเกิดจิตอนุโมทนา ก็ได้รับส่วนบุญ ส่วนบุญนี้ ไม่ใช่มาจากการยกบุญของเราไปให้ เหมือนสิ่งของที่มอบให้ แต่ ส่วนบุญที่ได้รับ อาศัย บุญที่เราได้ทำ ทำให้ญาติเกิดกุศลจิตของตนเองจึงได้รับส่วนบุญของจิตที่ตนเองทีเกิดกุศลจิต ครับ
ซึ่ง ถ้าเกิดเป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์เดรัจฉาน และมนุษย์ เหล่านี้ ไม่สามารถรับอุทิศ ส่วนกุศลได้ หากถ้าเกิดเป็นเปรต เป็นโอปปาติกะ คือตายแล้วเกิดโตเป็นตัวโตทันที ไม่ได้ผ่านการเกิดในครรภ์ในท้องก่อน เพราะฉะนั้นสัตว์ที่เกิดโตทันที จึงจำความได้ว่า ชาติก่อนเป็นอะไร ชื่ออะไร เพราะ เพียงการสืบต่อของขณะจิตเดียว คือ จุติจิต ไปปฏิสนธิจิต และโตเป็นตัวใหญ่ทันทีรู้เรื่องเลย ต่างกับภพภูมิมนุษย์ที่ต้องเกิดในครรภ์ก่อน ค่อยๆ โต และเป็นเด็กทารก โดยมากจึงจำชื่อ เรื่องราวต่างๆ ในชาติก่อนไม่ได้ เพราะฉะนั้น หากเกิดเป็นปรต โตทันทีก็จำชื่อของตนเองในชาติก่อนได้ และ เมื่อมีญาติอุทิศส่วนกุศลให้ และรับรู้ก็เกิดจิตอนุโมทนา เพราะกล่าวถึงชื่อของตนที่ญาติอุทิศ ก็ได้รับส่วนกุศลนั้น ครับ
ดังข้อความในพระไตรปิฎก ในการอุทิศที่เอ่ยชื่อ ครับ
[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๔๒๙
เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วนบุญ จงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ พึงทราบว่าเป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เราไม่สามารถจะทราบได้ว่าผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะเกิดเป็นอะไร ที่ไหนจะสามารถรับรู้การอุทิศส่วนกุศลของเราหรือไม่ ก็ตามควรแก่ความเป็นไปของผู้นั้นและการสะสมของผู้นั้น ด้วย
การอุทิศส่วนกุศลให้ใคร จุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้นั้นได้รู้ เพื่อผู้นั้นจะได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนา กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อมเป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเอง ซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือ กุศลวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่น แต่การที่เราทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้อนุโมทนายินดีด้วย ขณะใดที่เขาอนุโมทนายินดีด้วย ขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขา ซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้นจริงๆ การมีโอกาสได้สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ และสำหรับผู้ที่เห็นคุณค่าแห่งการเกิดกุศลจิต ว่า เป็นขณะที่มีค่า ก็จะมีการคิดถึงผู้อื่น ประสงค์จะให้ผู้อื่นเกิดกุศลจิต จึงมีการอุทิศส่วนกุศล เป็นการเจริญกุศลเพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ถ้าเขาตายแล้วเกิดเป็นเทวดา มีคนอุทิศให้เขาก็จำได้ว่าเขาชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหน ค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ