เมื่อบุคคลมีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ย่อมไม่มีความสะดุ้งหวาดเสียว ไม่กลัวความตายที่จะมาถึงในภายหน้า

[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ -หน้าที่ 349

ไม่ทราบว่าต้องมีความเลื่อมใสระดับไหน เพราะเราเองก็คิดว่า เรามีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่แน่ใจว่าหวั่นไหวหรือไม่ จึงอยากขอความกระจ่างในประเด็นนี้ ด้วยครับ

ผู้ที่มีความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย ต้องเป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป เพราะท่านมีปัญญาประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรม รู้คุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น อย่างลึกซึ้ง สำหรับปุถุชนยังไม่ชื่อว่าเป็นผู้มีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย เพราะปัญญายังไม่ถึง

ขออนุโมทนา

ขออนุโมทนาค่ะ

สาธุ อนุโมทนา

ผมเองก็เป็นผู้ที่มีความเลื่อมใส แต่ยังหวั่นไหวในพระรัตนตรัย

ความเลื่อมใสของปุถุชนยังไม่มั่นคง แต่ก็สามารถอบรมได้ ถ้าเจริญพุทธานุสติบ่อยๆ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ความกลัวทั้งหลายก็บรรเทาลงได้ (ระลึก ถึงคุณของพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นผู้ไกลจากกิเลส หักซี่กงคือสังสารวัฎฎ์ ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนำออก จากทุกข์ได้จริง ขณะที่ระลึกถึงพุทธคุณจิตเป็นกุศลสงบจากนิวรณ์ชั่วขณะ

ขออนุโมทนา

ขออนุโมทนาค่ะ

ขออนุโมทนาครับ

เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

พึงระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า [ธชัคคสูตร]

ยินดีในกุศลจิตค่ะ