พระยสะเมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ยังต้องเจริญวิปัสสนาอีกหรือไม่
โดย phuttha  14 พ.ย. 2558
หัวข้อหมายเลข 27216

พระยสะเมื่อได้ฟังธรรมเป็นครั้งที่ 2 บรรลุเป็นพระอรหันต์ ถามว่า แล้วท่านพระยสะยังต้องเจริญวิปัสสนาอีกหรือไม่ครับ เพราะอะไรครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 15 พ.ย. 2558

ขอยกข้อความบางตอนในภิกขุสูตรดังนี้

[๗๖] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปนั้น เพลิดเพลินอนุโมทนาพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าลุกจากอาสนะ ถวายบังคม กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป

ครั้งนั้นแล เธอได้เป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาทมีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่ ไม่นานเท่าไร ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็ภิกษุนั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย


จากข้อความแสดงถึงพระอรหันต์ กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว คือ พระอรหันต์ทำกิจเจริญวิปัสสนาเพื่อละกิเลสหมดสิ้นแล้ว ดังนั้น การเจริญวิปัสสนาเพื่อละกิเลส จึงไม่ต้องเกิดอีก ครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย phuttha  วันที่ 15 พ.ย. 2558

เข้าใจแล้วครับขอบคุณครับ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 15 พ.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระยสกุลบุตร ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในขณะที่ยังเป็นคฤหัสถ์แล้วได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในวันนั้น ความเป็นพระอรหันต์ คือ ผู้ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง เป็นผู้ดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ไม่มีกิเลสเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่อีกเลย พระอรหันต์ ไม่มีกุศลจิต ไม่มีอกุศลจิต แต่ยังมีจิตชาติอื่นๆ คือ ยังมีจิตชาติวิบาก ท่านยังต้องเห็น ยังได้ยิน ยังได้กลิ่นยังลิ้มรสยังรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย เป็นต้น และ มีกิริยาจิต จนกว่าท่านจะดับขันธปรินิพพาน พระอรหันต์มีจิต ๒ ชาติ คือ วิบากกับกิริยา เท่านั้น แม้พระอรหันต์จะมีการเห็น ได้ยิน เป็นต้น แต่ไม่เป็นปัจจัยให้กิเลสเกิดขึ้นอีก เพราะท่านดับกิเลสได้หมดแล้ว เมื่อดับกิเลสได้หมดแล้ว ก็ไม่มีกิจที่จะต้องทำเพื่อดับกิเลสอีก เนื่องจากดับกิเลสได้หมดแล้วโดยประการทั้งปวง ซึ่งจะแตกต่างจากพระอริยบุคคล ๓ เบื้องต้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี และ พระอนาคามี ที่ยังมีกิจที่จะต้องทำ คือ อบรมเจริญปัญญา เพื่อดับกิเลสที่ยังเหลืออยู่ จนกว่าจะถึงความเป็นพระอรหันต์ ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 4    โดย Guest  วันที่ 15 พ.ย. 2558

น้อมกราบ ขออนุโมทนาในพระสัทธรรมอย่างยิ่งครับ


ความคิดเห็น 5    โดย peem  วันที่ 17 พ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 24 ก.พ. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย Jarunee.A  วันที่ 23 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย muda muda  วันที่ 27 ก.ย. 2567

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย chatchai.k  วันที่ 28 ก.ย. 2567

รับฟัง และ อ่านเพิ่มเติม

เรื่อง ยสกุลบุตร

ข้อความบางตอน

เมื่อยสกุลบุตรนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงแสดง อนุปุพพิกถา ซึ่งเป็นการแสดงธรรมตามลำดับ คือทรงแสดงเรื่องของทาน เรื่องของศีล เรื่องของสวรรค์ เรื่องโทษของกาม เรื่องอานิสงส์ในการออกจากกาม และตอนสุดท้ายก็ทรงแสดงอริยสัจจ์ ๔ ซึ่งก็มีเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานเป็นมรรค ยสกุลบุตรได้ดวงตาเห็นธรรม ได้เป็นพระโสดาบันบุคคล รุ่งเช้ามารดาของยสกุลบุตรไม่เห็นบุตร ก็ได้ไปบอกท่านเศรษฐีผู้เป็นบิดาท่านเศรษฐีผู้เป็นบิดาก็ได้ให้คนขี่ม้าไปตามหายสกุลบุตรทั้ง ๔ ทิศ ส่วนตัวเองนั้นไปทางป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมื่อไปถึงก็เห็นรองเท้าทองวางอยู่ ก็ตามไปสู่ ณ ที่ซึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลด้วยอิทธิฤทธิไม่ให้เศรษฐีเห็นบุตร เศรษฐีก็ทูลถามถึงยสกุลบุตร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ...