ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระพระองค์นั้น
พุทธะหมายถึงการตระหนักรู้ความจริงเป็นการประจักษ์แจ้งความจริงจนถึงที่สุดของความจริง
กว่าจะถึงการตรัสรู้ได้ต้องอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ เริ่มตั้งแต่การฟังธรรมะให้เข้าใจถูกต้องฟัง แล้วต้องรู้จักคิด มีการพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่ได้ยินได้ฟังให้ตรงกับความเป็นจริง จึงจะได้รับสาระจากพระธรรม
เชิญคลิกชม ...
รายการบ้านธัมมะ 20 พฤศจิกายน 2564 เรื่อง รู้จักคิด
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
ถ้าไม่มีความเข้าใจคำที่ได้ฟังก็จะไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นได้ยินคำว่าธรรมะ ใครรู้จักธรรมะบ้าง? ถ้าไม่มีการฟังไม่มีทางที่จะรู้ได้เพราะฉะนั้นธรรมะได้ยินบ่อยๆ แต่ไม่รู้จริง มิฉะนั้นก็สับสนและอาจจะรู้ผิด เข้าใจผิดก็ได้
ด้วยเหตุนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงแน่นอน เพราะฉะนั้นความจริงอะไร ... ความจริงของอะไร ... ก็ต้องเป็นของธรรมะ ได้ยินคำนี้รู้แน่ว่าธรรมะมีจริง แต่ไม่มีใครคิดว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ
ถ้าธรรมเมีจริงเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะแน่นอน เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงทุกสิ่งที่มีจริงๆ ไม่เว้นเลยโดยประการทั้งปวงถึงที่สุด คนที่ไตร่ตรอง ฟังด้วยดีและเริ่มเข้าใจว่าไม่รู้จักธรรมะ เพราะเป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เพราะฉะนั้นถ้าใครยังไม่รู้ว่าทรงตรัสรู้อะไร ความจริงคืออะไร ก็ไม่สามารถเข้าใจธรรมะได้ แต่เมื่อรู้ว่าธรรมะคือสิ่งที่มีจริงไม่ต้องเรียกอะไรเลยก็ได้ ... ก็ต้องมีจริง ... มดเห็นไหม ... คนเห็นไหม เพราะฉะนั้นเห็นมีจริงๆ ใครจะรู้บ้างว่าเห็นนั่นแหละเป็นธรรมะ
การฟังก็คือฟังให้เข้าใจแต่ละคำละเอียดขึ้น ละเอียดขึ้น ละเอียดขึ้นจึงจะเข้าใจความหมายว่าอนัตตาไม่ใช่อัตตา (อัตตา คือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่นต้นไม้ ภูเขา คน โต๊ะ เก้าอี้ และอนัตตาไม่ใช่อย่างที่ทุกคนยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด) เพราะความจริงที่ทรงตรัสรู้คือสิ่งที่มีจริงนี่แหละเป็นอนัตตา
ต้องมีความเข้าใจมั่นคง ไม่เผินเลยตั้งแต่ต้น ธรรมะคือสิ่งที่มีจริงเปลี่ยนไม่ได้ ให้เป็นอื่นไม่ได้ เห็นกำลังเห็นเป็นเห็นเท่านั้นจะเป็นอื่นไม่ได้ นี่คือความลึกซึ้งของการไม่เผิน และการที่เข้าใจความจริงว่า พระองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่เราได้ฟังและกำลังมี แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า สิ่งนั้นมีจริงทั้งๆ ที่กำลังเห็นเกิดแล้ว เห็นแล้ว มีจริงๆ ด้วย ... สำคัญไหม?
เห็นมีจริงแต่ไม่รู้ จึงมีค่าอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าเป็นความจริงซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่า สิ่งที่มีทุกวันเป็นธรรมดาเหมือนไม่สำคัญอะไรเลยทั้งสิ้น แต่หาใช่สิ่งที่เข้าใจไม่ สิ่งที่เข้าใจก็คือเห็นมีไม่ใช่เราเห็น ไม่ใช่มดเห็น ไม่ใช่นกเห็น แต่เห็นเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นเห็นเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเป็นธรรมะ ... นี่คือผู้ที่เริ่มตรงต่อความเป็นจริงซึ่งลึกซึ้ง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยเพราะเคยเป็นเราเห็น คนเห็น ทุกสิ่งทุกอย่างเห็น เห็นทุกวันก็เป็นเราเห็น แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเห็นมีจริง ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตาและเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงให้เป็นอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ เป็นธรรมะแต่ละหนึ่งๆ เข้าใจอย่างนี้หรือเปล่า? เวลาที่ได้ฟังธรรมะหรือฟังไปเรื่อยๆ
ต้องเข้าใจตามความเป็นจริงว่า สิ่งที่มีทั้งหมดมีจริง เปลี่ยนลักษณะนั้นไม่ได้เป็นธรรมะแต่ละหนึ่งๆ แค่นี้เริ่มเป็นอาหารของปัญญา ของการไตร่ตรองด้วยดี เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่เป็นธรรมะมีไหม ... เริ่มคิด!!!
สิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ถ้าไม่มีปัจจัยให้ได้ยินเกิด ได้ยินก็เกิดไม่ได้ ได้ยินเกิดแล้วดับแล้วใช่ไหม แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าทุกอย่างก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ เกิดและดับเร็วสุดที่จะประมาณได้
เริ่มเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำที่ตรัสเป็นความจริงที่ไม่เคยเปิดเผยเลย เพราะไม่มีใครสนใจที่จะรู้ จะเข้าใจให้ถูกต้องว่า เห็นเป็นเห็น ไม่ใช่เรา ได้ยินก็เป็นได้ยิน ไม่ใช่เห็นแต่ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นธรรมะทั้งหมดเป็นอนัตตาแน่นอน และเป็นสิ่งที่มีจริงด้วย เพราะฉะนั้นที่ว่าเคยเป็นเราถูกหรือผิด? ต้องตรง!!!
การเป็นชาวพุทธไม่ใช่เป็นได้ด้วยการไม่ศึกษาธรรมะ แต่ว่าต้องมีการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ และต้องมีการพิจารณาไตร่ตรองในความจริงที่ได้ทรงแสดงไว้ จนกว่าจะรู้ความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เรา
... การไม่คบคนพาล เป็นมงคลอันอุดม ...
แนะนำหนังสือ ...
จิตปรมัตถ์ เล่ม 3
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ