[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 405
๗. ปุนัพพนุสูตร
นางยักษิณีปลอบใหลูกฟงธรรม
[๘๒๒] สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับอยูในพระวิหารเชตวัน อารามของทานอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี.
สมัยนั้นแล พระผูมีพระภาคเจาทรงยังภิกษุทั้งหลายใหเห็นแจง ให สมาทาน ใหอาจหาญ ใหรื่นเริงอยูดวยธรรมีกถาอันปฏิสังยุตดวยพระนิพพาน. ภิกษุเหลานั้นตั้งใจมนสิการ ประมวลไวดวยใจทั้งหมด เงี่ยโสตลง สดับพระธรรม.
[๘๒๓] ครั้งนั้นแล นางยักษีผูเปนมารดาของปุนัพพสุปลอบบุตร นอยอยางนี้วา
นิ่งเสียเถิดลูกอุตรา นิ่งเสียเถิดลูก ปุนัพพสุ จนกวาแมจะฟงธรรมของพระ- พุทธเจาผูประเสริฐ ผูเปนพระศาสดาจบ พระผูมีพระภาคเจาตรัสนิพพานอันเปน เครื่องเปลื้องตนเสีย จากกิเลสเครื่อง
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 406
รอยรัดทั้งปวง เวลาที่ปรารถนาใน ธรรมนั้นจะลวงเลยแมไปเสีย ของลูกตน เปนที่รักในโลก ผัวของตนเปนที่รักในโลก แตความปรารถนาในธรรมนั้น เปนที่รัก ของแมยิ่งกวาลูกและผัวนั้น เพราะลูก หรือผัวที่รัก พึงปลดเปลื้องจากทุกขไมได เหมือนการฟงธรรมยอมปลดเปลื้องเหลา สัตวจากทุกขได ในเมื่อโลกอันทุกข วงลอมแลว ประกอบดวยชราและมรณะ แมปรารถนาจะฟงธรรม ที่พระพุทธเจา ตรัสรูดวยพระปญญาอันยิ่ง เพื่อพนจาก ชราและมรณะ จงนิ่งเสียเถิดลูกปุนัพพสุ.
[๘๒๔] ปุนัพพสุพูดวา แมจา ฉันก็จักไมพูด อุตรานองสาว ของฉันก็จักเปนผูนิ่ง เชิญแมฟงธรรม อยางเดียว การฟงพระสัทธรรมนําความ สุขมาให แมจา เราไมรูพระสัทธรรมจึง ไดเที่ยวไปลําบาก พระพุทธเจาพระองคนี้ เปนผู ทําความสวางไสวแกเทวดาและ มนุษยผูลุมหลง มีพระสรีระครั้งสุดทาย มีพระจักษุ แสดงธรรมอยู.
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 407
[๘๒๕] ยักษิณีพูดวา นาชื่นชมนัก ลูกผูนอนนอกของ แมเปนคนฉลาด ลูกของแมยอมรักใคร พระธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจาผู ประเสริญ ปุนัพพสุเจาจงมีความสุขเถิด วันนี้แมเปนผูยางขึ้นไปในพระศาสนา แมและเจาเหนอริยสัจแลว แมแมอุตรก็ จงฟงแม.
อรรถกถาปุนัพพสุสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในปุนัพพสุสูตรที่ ๗ ตอไปนี้.
บทวา เตน โข ปน สมเยน ไดแกสมัยไหน สมัยดวงอาทิตยตก ไดยินวา ในกาลนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงธรรมแกมหาชนภายหลัง เสวยพระกระยาหาร ทรงสงมหาชนแลว สรงสนานในซุมลงสรง ประทับนั่ง. ตรวจดูโลกธาตุทางทิศตะวันออก บนบวรพุทธาสนะที่เขาจัดไวในบริเวณพระคันธกุฏี. ครั้งนั้น พวกภิกษุผูถือผาบังสุกุลและบิณฑบาตเปนวัตร จาริกไป รูปเดียว หรือสองรูปเปนตน ออกจากที่พักกลางวันและที่อยูของตน ๆ แลว มาถวายบังคมพระทศพล นั่งประหนึ่งวงอยูดวยมานแดง. ครั้งนั้น พระศาสดา ทรงทราบอัธยาศัยของภิกษุเหลานั้น จึงตรัสธรรมีกถา ประกอบดวยนิพพาน.
บทวา เอว โตเสสิ ความวา ไดยินวา นางยักษิณีมารดาปุนัพพสุ นั้น อุมธิดา จูงบุตร กําลังแสวงหาอุจจาระ ปสสาวะ น้ําลายและน้ํามูก
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 408
เปนตนที่ริมกําแพงและริมคู. หลังพระเชตวัน ไปถึงซุมประตูพระเชตวัน โดยลําดับ. ก็พระสุรเสียงของพระผูมีพระภาคเจา ตรัสอยูวา อานนท เธอ นําบาตรมาเถิด นําจีวรมาเถิด จงใหทานแกคนกินเดนเถิดดังนี้ แผไปโดยรอบ ไดประมาณ ๑๒ ศอกเทานั้น. ถาบริษัท นั่งอยูถึงที่สุดจักรวาล พระสุรเสียงของ พระองค ผูทรงแสดงธรรมอยู ยอมไปถึงบริษัท ยอมไมเลยออกไปภายนอก บริษัท แมเพียงองคุลีหนึ่งดวยพระดําริวา พระสุรเสียงอันไพเราะ อยาเสียไป โดยไมใชเหตุเลย. นางยักษิณีนี้ ยืนอยูภายนอกบริษัท จึงไมไดยินเสียงใน ที่นั้น. เมื่อนางยืนที่ซุมพระทวาร ยืนเฉพาะพระพักตรโดยพุทธวิถีอันใหญ พระคันธกุฏียอมปรากฏ. นางเห็นบริษัทไมไหวติง เวนการคะนองมือเปนตน ดวยความเคารพในพระพุทธเจา เหมือนเปลวประทีป ในที่ไมมีลมแลวคิดวา ก็ในที่นี้ จักมีสิ่งของบางสิ่ง แจกแน เราจักไดซึ่งเนยใส น้ํามัน น้ําผึ้งและ น้ําออยเปนตน อยางใดอยางหนึ่งแน ที่ไหลออกอยูจากบาตรบาง จากมือบาง ก็หรือที่ตกแลวบนพื้น ดังนี้ จึงเขาไปภายในวิหาร. อารักขเทวดาสิ่งอยูที่ซุม ประตูเพื่อหามอวรุทธกยักษ เห็นอุปนิสัยของนางยักษิณีแลวจึงไมหาม. พระสุรเสียงอันไพเราะตัดผิวเปนตนไปจดเยื่อในกระดูกของนางพรอมกับการไป โดยความเปนอันเดียวของบริษัทตั้งอยู. บุตรนอยทั้งหลาย เตือนนางยักษิณี นั้น ผูยืนไมไหวติงเพื่อฟงธรรม โดยนัยกอนนั่นแล. นางยักษีนั้นคิดวา บุตรนอยทั้งหลายจะทําอันตรายแกการฟงธรรมของเรา ดังนี้ จึงปลอบบุตรนอย ทั้งหลายอยางนี้วา นิ่งเสียเถิด ลูกอุตรา ดังนี้.
ในบทเหลานั้น บทวา ยาว ความวา ขอลูกจงนิ่งตลอดเวลา ที่แม ฟงธรรมเถิด.
บทวา สพฺพคนฺถปฺปโมจน ความวา กิเลสเครื่องรอยรัด ทั้งปวง ยอมพนไป เพราะถึงนิพพาน เพราะฉะนั้น นิพพานนั้น ทานกลาววา เปนที่พนไปจากกิเลสเครื่องรอยรัดทั้งปวง.
บทวา อติเวลา ความวา ลวงเวลา
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 409
คือเกินประมาณ. บทวา ปยายนา ไดแกความแสวงหาคือปรารถนา.
บทวา ตโต ปยตร ความวา ความแสวงหา ความปรารถนาธรรมนี้ใด ขอนี้เปน ที่รักของเรากวาลูกและผัวนั้น. อนึ่งพระบาลีวา ปยตรา ดังนี้ก็มี.
บทวา ปาณิน ความวา เหมือนการฟงพระสัทธรรม ยอมเปลื้องเหลาสัตวจากทุกขได. ยอม เปลื้องเหลาสัตวอะไระ ควรนําบทวา ปาณิน มากลาว.
บทวา ย ธมฺม อภิสมฺพุธ ความวา พระผูมีพระภาคเจา ตรัสรูธรรมใด.
บทวา ตุณฺหีภูตายมูตฺตรา ความวา ปุนัพพสุกลาววา ฉันจักไมพูดเลย แมอุตตรา นองสาวนี้ของฉันก็จักเปนผูนิ่ง. บทวา สทฺธมฺมสฺส อนฺาย ความวา แม เราไมรูพระสัทธรรมนี้แล แมในกาลกอน บัดนี้ จึงเสวยทุกข มีความหิว กระหายเปนตนนี้ เที่ยวไปลําบาก คืออยูลําบาก.
บทวา จกฺขุมา ไดแก มีพระจักษุ ดวยพระจักษุ ๕. พระผูมี พระภาคเจา เมื่อทรงแสดงธรรม ทรงกําหนดบริษัท ทรงเห็นอุปนิสัยแหง โสดาปตติผลของนางยักษิณีนั้น และยักขทารก เปลี่ยนเทศนาแลว จึงมาแสดง เรื่องสัจจะ ๔. นางยักษิณีนั้น ยืนฟงธรรมอยูในประเทศนั้นแล กับบุตรตั้ง อยูในโสดาปตติผล. สวนธิดาของนางยักษิณีนั้น ก็มีอุปนิสัย. แตไมอาจจะ รับเทศนาได เพราะเปนเด็กเกินไป
บัดนี้ นางยักษิณีนั้น เมื่อจะทําอนุโมทนาแกบุตรจึงกลาวคําวาดีหนอ ลูกขอวาเปนบัณฑิตดังนี้เปนตน.
บทวา อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตา ความวา แมเปนผูขึ้นพรอมแลว แตวันนี้ อีกอยางหนึ่ง เปนผูยางพรอมแลวในพระศาสนา แมเจาจงมีความสุขเถิด.
บทวา ทิฏานิ ความวา แมและเจาเห็น อริยสัจ ๔.
บทวา อุตฺตราป สุณาตุ เม นางยักษิณีกลาววา ขอแมอุตตรา จงยืนฟงสจัจะ ๔ ที่แมแทงตลอดเถิด. นางยักษีณีนั้น ละภาวะมีฝและหิดเปนตน ทั้งหมด เหมือนสูจิโลมยักษ พรอมดวยการแทงตลอดสัจจะนั่นแล จึงกลับได ทิพยสมบัติพรอมดวยบุตร. เมื่อมารดาและบิดาไดความเปนใหญในโลก ความ
พระสุตตันตปฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเลม ๑ ภาค ๒ - หนาที่ 410
เปนใหญนั้น ก็มีแกบุตรทั้งหลายดวยชื่อฉันใด สวนธิดาของนางไดสมบัติแลว ดวยอานุภาพของมารดาฉันนั้น. จําเดินแตนั้น นางกับดวยบุตรนอยทั้งหลาย ไดตนไมเปนที่อยู ณ ตนไมใกลพระคันธกุฏีแลว ไดเฝาพระพุทธเจา ฟงธรรม ทั้งเชาเย็น อยูจําเพาะในที่นั้นแล ตลอดกาลนาน
จบอรรถกถาปุนัพพสุสูตรที่ ๗
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น