นิพพานเที่ยงไหม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นิพพานเป็นสภาวธรรมที่มีจริง ที่เป็นสภาพธรรมที่ปราศจาก ปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มี
การเกิดขึ้นและดับไป จึงไม่มีสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ในนิพพาน คือ ไม่มี จิต
เจตสิกและรูป เลยครับ ดังนั้น เมื่อไม่มีการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม ที่เป็น
จิต เจตสิก รูป พระนิพพานจึงเป็นสภาพธรรมที่เที่ยง คือ ไม่เกิดดับนั่นเอง ครับ
พระนิพพาน จึงไม่ใช่การอุปมาว่าเที่ยง แต่ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่ไม่เกิดและ
ไม่ดับ เที่ยง ซึ่งจะรู้ได้ด้วยปัญญาที่ระดับโลกุตตระ อันอาศัยการอบรมปัญญา
จนถึงความเป็นพระอริยเจ้า ย่อมประจักษ์พระนิพพาน ครับ
ดังคำในพระไตรปิฎกที่แสดงว่า พระนิพพาน เที่ยง ดังนี้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑หน้าที่ ๓๐๕
พระนิพพาน พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกว่า อมตะ, เพราะพระนิพพานนั้น ชื่อว่า
ไม่แก่ไม่ตาย เพราะความเป็นธรรมชาติไม่เกิด, เหตุนั้น พระองค์จึงตรัสเรียก
พระนิพพานว่าอมตะ.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 393
อีกนัยหนึ่ง บทว่า ตุล ได้แก่ ชั่งคือ พิจารณา. บทว่า อตุลญฺจ
สมฺภว ได้แก่ พระนิพพานและภพ. บทว่า ภวสงฺขาร ได้แก่กรรมที่ไปสู่
ภพ. บทว่า อวสฺสชฺชิ มุนี ความว่า พระมุนีคือพระพุทธเจ้าทรงพิจารณา
โดยนัยเป็นอาทิว่า ปัญจขันธ์ไม่เที่ยง ความดับปัญจขันธ์คือ นิพพานเป็นของ
เที่ยงแล้ว ทรงเห็นโทษในภพ และอานิสงส์ในนิพพานแล้วทรงปลดปล่อยด้วย
อริยมรรค
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖- หน้าที่ 688
บทว่า ตทมริยาน เอต สจฺจ พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้วด้วยปัญญาว่า
นิพพานนั้นเป็นของจริง ความว่า พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้วด้วยปัญญา
อันชอบตามความเป็นจริงว่า นิพพานนั้นเป็นของจริงโดยปรมัตถ์ในการไม่ปราศจาก
ความเป็นสุข คือ ไม่มีกิเลสความเป็นสุขอันเป็นปฏิปักษ์แห่งความทุกข์ ความเป็น
ของเที่ยงอันได้แก่ความสงบโดยส่วนเดียว.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑- หน้าที่ 415
นางได้บรรลุคือได้ถึงทางพระนิพพาน ชื่อว่า อมตะ เพราะไม่มีความตาย.
เหตุเป็นของเที่ยง ชื่อว่า สงบระงับ เพราะเข้าไปสงบระงับทุกข์ทั้งปวง. ชื่อว่า
อันไม่มีจุติเพราะเป็นเหตุให้ผู้ได้บรรลุแล้วไม่จุติ. นางชื่อว่าตั้งอยู่ในพระโอวาท
ของพระศาสดาโดยส่วนเดียว.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส เล่ม ๖ - หน้าที่ 241
[๓๔๐] คำว่า บทนิพพาน... ไม่เคลื่อน ความว่า บทนิพพาน คือ
บทที่ต้านทาน บทที่เร้น บทที่ยึดหน่วง บทที่ไม่มีภัย. คำว่า ไม่เคลื่อน
คือ เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง เป็นธรรมไม่แปรปรวน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
บทนิพพาน . . . ไม่เคลื่อน
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ ครับ
ธรรมชาติพระนิพพาน [ตติยนิพพานสูตร]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส เล่ม ๖ - หน้าที่ ๔๙๐ นิพพานเป็นคุณชาติเที่ยง ยั่งยืนมั่นคง มิได้มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อันอะไรๆ นำไปไม่ได้ ไม่กำเริบ.
-------------------------------------------------------------
ความเป็นจริงของสภาพธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ตามความ
เป็นจริงของสภาพธรรมนั้น เมื่อกล่าวแล้ว ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น มี ๔ ประเภท
ที่เรียกว่าปรมัตถธรรม ๔ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป และ พระนิพพาน, จิตเป็น
สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เจตสิกก็เป็นสภาพธรรมที่
เกิดประกอบพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกันกับจิต รูป เป็นธรรมที่มีจริงแต่ไม่ใช่
สภาพรู้ ไม่ใช่ธาตุรู้ เกิดตามสมุฏฐานของตนๆ แล้วก็ดับไป ปรมัตถธรรม ๓
ประการแรก เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย และมีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน
เกิดแล้วดับ ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ส่วนพระนิพพาน ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ
แต่มีจริงๆ มีลักษณะที่สงบ เป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับสภาพธรรมที่เกิดดับ
โดยประการทั้งปวง พระนิพพาน เที่ยง เพราะปราศจากการเกิดดับ เป็นสุข
เพราะปราศจากทุกข์ ปราศจากกิเลส ปราศจากสังขารธรรมทั้งหลาย แต่พระนิพพาน
ก็เป็นอนัตตา เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่อในอำนาจ
บังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระนิพพานเที่ยงเพราะไม่เกิดดับ พระสาวกท่านกล่าวว่าพระนิพพานเป็นสุขหนอ ค่ะ
ถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ 672 [๔๐๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ พึงตอบเขาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายนามรูปที่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เล็งเห็นว่า นามรูปนี้เป็นของจริง พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นามรูปนั่นเป็นของเท็จ นี้เป็นอนุปัสสนาข้อที่ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิพพานที่โลกพร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เล็งเห็นว่า นิพพานนี้เป็นของเท็จพระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยดีแล้วด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นิพพานนั้นเป็นของจริง นี้เป็นอนุปัสสนาข้อที่ ๒ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้พิจารณาเห็นเนืองๆ ซึ่งธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบอย่างนี้ ฯลฯ จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า ท่านผู้มีความสำคัญในนามรูป อัน เป็นของมิใช่ตนว่าเป็นตน จงดูโลกพร้อมทั้ง เทวโลก ผู้ยึดมั่นแล้วในนามรูป ซึ่งสำคัญ นามรูปนี้ว่า เป็นของจริง. ก็ชนทั้งหลายย่อมสำคัญ (นามรูป) ด้วยอาการใดๆ นามรูปนั้น ย่อมเป็นอย่างอื่น ไปจากอาการที่เขาสำคัญนั้น นามรูปของผู้ นั้นแล เป็นของเท็จ เพราะนามรูปมีความ สูญสิ้นไปเป็นธรรมดา. นิพพานมีความไม่สูญสิ้นไป เป็น- ธรรมดา พระอริยเจ้าทั้งหลายรู้นิพพานนั้น โดยความเป็นจริง พระอริยเจ้าเหล่านั้นแล เป็นผู้หายหิวดับรอบแล้ว เพราะตรัสรู้ของ จริง.
................................................................................
พระอริยเจ้าได้ประจักษ์แจ้งนามรูปตามความเป็นจริง นามรูปเกิดขึ้นเพราะยังมี
ปัจจัยปรุงแต่ง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หวนกลับมาอีกไม่ได้ หาสาระอะไรไม่ได้ นามรูป
นั่นจึงเป็นของเท็จ ส่วนพระนิพพานนั้นเป็นของจริง เพราะไม่เกิด ไม่ดับ และเที่ยง
หนทางที่จะถึงนิพพานได้ไม่มีหนทางอื่น นอกจากการอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะ
สภาพตามความเป็นจริงค่ะ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิต อ.คำปั่น อ.เผดิม และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ...
อนุโมทนา ครับ ใดๆ ในโลกล้วนไม่เที่ยง
นิพพานนั้นแลเที่ยงตรงไม่เป็นอื่น ครับ สาธุ