ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ธมฺมเทสนา”
คำว่า ธมฺมเทสนา เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง [อ่านออกเสียงตามภาษาบาลีว่า ดำ - มะ - เท - สะ - นา] มาจากคำว่า ธมฺม (สิ่งที่มีจริง,ธรรม) กับคำว่า เทสนา (การแสดง, การอธิบายให้เข้าใจ) รวมกันเป็น ธมฺมเทสนา แปลว่า การแสดงธรรม,การแสดงให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง เพราะมีการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงมีการทรงแสดงพระธรรมประกาศพระศาสนาให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง และ สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ได้เข้าใจความจริง ก็ประกาศคำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นจะได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ไม่ว่าใครก็ตามที่กล่าวคำจริงเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง ล้วนแล้วเป็นผู้กล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด
ข้อความจาก ธัมมปทัฏฐกถา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท แสดงความเป็นจริงของการแสดงธรรมไว้ ว่า เป็นไปเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง ทำให้สัตว์โลกได้ข้ามพ้นจากความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย มีความสงบสุขอย่างแท้จริง ดังนี้ คือ
“สัตว์ทั้งหลายผู้มีทุกข์ มีชาติ (ชาติ) เป็นต้น เป็นธรรมดา อาศัยการแสดงธรรมของสัตบุรุษ ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย มีชาติเป็นต้น เหตุใด เหตุนั้น การแสดงธรรมของสัตบุรุษ จึงชื่อว่าเป็นเหตุนำสุขมาให้”
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นคำจริง เป็นวาจาสัจจะ เป็นคำอนุเคราะห์เกื้อกูลให้ผู้ฟังผู้ศึกษาเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง เกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์ ที่กว่าจะได้ตรัสรู้นั้นพระองค์ต้องบำเพ็ญพระบารมีสะสมคุณความดีประการต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์เมื่อครั้งที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ พระบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงมีพระมหากรุณาแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา ตั้งแต่เริ่มประกาศพระศาสนาจนกระทั่งถึงเวลาที่พระองค์จวนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า พระธรรม มีค่ามาก ทำให้ผู้ได้ฟังได้ศึกษามีความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส จนกว่ากิเลสจะดับหมดสิ้น แต่พระธรรม จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว ซึ่งเป็นผู้มีศรัทธา เห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยได้ยินได้ฟังมาแล้วในอดีต จึงมีศรัทธาเห็นประโยชน์ที่จะฟังที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เกิดความรู้ ความเข้าใจ เห็นจริงตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็จะเห็นถึงคุณของพระธรรมอย่างแท้จริงว่า พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลโดยส่วนเดียว จึงกล่าวชื่นชมสรรเสริญในคำจริงที่พระองค์ทรงแสดง ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมโดยประการต่างๆ เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกหนทางให้แก่คนหลงทาง และตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้
ในอรรถกถาทั้งหลาย มีคำอธิบายความละเอียดไว้ พอประมวลเพื่อความเข้าใจเป็นเบื้องต้น ดังนี้
หงายของที่คว่ำ [จากที่เคยเป็นผู้ออกจากพระสัทธรรม ตกอยู่ในอสัทธรรม (ธรรมของอสัตบุรุษ มีความเห็นผิด เป็นต้น) แต่เมื่อได้อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็สามารถออกจากอสัทธรรม แล้วดำรงอยู่ในพระสัทธรรม ซึ่งเป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ดับกิเลสได้ สามารถออกไปจากกิเลสทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความเข้าใจสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง]
เปิดของที่ปิด [เมื่อสิ้นสุดพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ที่แล้ว คือ พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงในฐานะที่เป็นสาวกได้ แม้จะมีสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏก็ไม่สามารถเข้าใจถูกตามความเป็นจริงได้ เมื่อไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็มีความประพฤติเป็นไปด้วยอำนาจของความเห็นผิด เป็นไปกับความติดข้อง และกิเลสทั้งหลาย จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ คือ พระสมณโคดม ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ทรงแสดงความจริง เปิดเผยความจริง โดยละเอียดโดยประการทั้งปวง สัตว์โลกก็สามารถเข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง พ้นจากความรกชัฏด้วยอำนาจของกิเลสมีความเห็นผิด เป็นต้นได้ในที่สุด]
บอกทางแก่คนหลงทาง [ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม หลงทางอย่างมาก ไม่ได้ดำเนินไปในหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็สามารถเข้าใจได้ว่า หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง จนสามารถละกิเลสได้ ก็ทำให้มั่นคงในหนทางที่ถูกต้องนี้ ไม่ใช่หนทางอื่นอย่างที่เคยหลงมาก่อน]
ส่องประทีปในที่มืดด้วยหวังว่าคนผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ [มืดบอดด้วยความไม่รู้มานานแสนนาน ไม่เห็นคุณของพระรัตนตรัย ไม่เห็นธรรมตามความเป็นจริง แต่พอได้อาศัยพระธรรมเทศนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเปรียบเสมือนแสงสว่าง ส่องให้เห็นธรรมตามความเป็นจริง ก็สามารถเกิดปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เห็นคุณของพระรัตนตรัย พ้นจากความมืดบอดคือความไม่รู้ ได้ ซึ่งผู้จะเห็นคุณค่าของแสงสว่างนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณประโยชน์ของพระธรรมอย่างแท้จริง]
กล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีการทรงแสดงความจริง ก็ไม่มีทางที่สัตว์โลกจะเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมตามความเป็นจริง ยังเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสทั้งหลาย จมอยู่ในวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีวันจบสิ้น
เพราะฉะนั้นแล้ว กาละนี้ สมัยนี้ ยังเป็นช่วงเวลาที่พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังดำรงอยู่ จึงเป็นโอกาสที่มีค่าที่จะได้สะสมปัญญา จากการฟังการศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งแต่ละคำมีค่าอย่างมาก เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ขาดการฟังเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพราะปัญญาจะเจริญขึ้นได้ ต้องมาจากเหตุที่สำคัญ คือ ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง.
อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ
ขออนุโมทนาครับ