อาชีพ ดารา นักร้อง นักแสดง นักประพันธ์
โดย sittirat  6 ส.ค. 2549
หัวข้อหมายเลข 1757

เคยได้ยินมาว่า อาชีพ ดารา นักร้อง นักแสดง นักประพันธ์ เป็นอาชีพที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ต้องไป "นรก" เนื่องจากว่า เป็นอาชีพที่ ทำให้คนมีกิเลส ลุ่มหลง ขาดสติรบกวน ทีมงานบ้านธัมมะ ช่วยบอกด้วยครับว่า พระพุทธเจ้าตรัสถึงโทษของอาชีพดารา นักร้อง นักแสดง นักประพันธ์ มีโทษอย่างไร..... ขอทราบว่าอยู่หน้าไหนของพระไตรปิฏกด้วยครับ ...

อนุโมทนา ครับ



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 6 ส.ค. 2549

ธรรมะเป็นเรื่องละเอียด ควรศึกษาโดยละเอียดจึงจะได้รับความถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องกรรม ทรงแสดงว่าอกุศลกรรมบถ ทำให้เกิดในอบายภูมิ กุศลกรรมบถทำให้เกิดในสุคติภูมิ สำหรับปุถุชน เป็นผู้มีคติไม่แน่นอน จะประกอบอาชีพใดก็ตามย่อมมีโอกาสเกิดในสุคติหรืออบายภูมิก็ย่อมได้ทั้งสิ้น คือ ในขณะใกล้ตาย กรรมประเภทใดจะทำกิจนำเกิด คือ ถ้ากุศลกรรมนำเกิดย่อมเกิดในสุคติภูมิ ถ้าอกุศลกรรมนำเกิดย่อมเกิดในอบายภูมิ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร แต่ขึ้นอยู่ที่กรรมนำเกิด เพราะทุกอาชีพมีการกระทำทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ส่วนข้อความในตาลปุตตสูตร กล่าวถึงนักฟ้อนที่มาทูลถามปัญหาเรื่องอาชีพนักเต้นรำที่มีความประมาทและความเห็นผิดและที่สำคัญต้องประกอบพระธรรมในส่วนอื่นด้วย


ความคิดเห็น 2    โดย study  วันที่ 6 ส.ค. 2549

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่

ปัญหาของนักเต้นรำชื่อว่าตาลบุตร [ตาลปุตตสูตร]


ความคิดเห็น 3    โดย pornchai.s  วันที่ 6 ส.ค. 2549

ใช่ครับ ต้องยึดหลักที่ว่า ผู้ใดกระทำอกุศลกรรม เมื่ออกุศลกรรมให้ผลนำปฏิสนธิ ก็ย่อมเกิดในอบายภูมิ ถ้ากุศลกรรมให้ผลนำปฏิสนธิ ก็ย่อมเกิดในสุคติภูมิ ไม่ว่าผู้นั้นจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม และถ้าประกอบอกุศลกรรมพร้อมด้วยมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ก็เป็นมโนกรรม (ให้ผลมากกว่า กายกรรม หรือ วจีกรรม)


ความคิดเห็น 4    โดย jittakorn  วันที่ 7 ส.ค. 2549

ทางพระพุทธศาสนา เราใช้เจตนาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์กรรมและวิบาก เช่นเจตนาก่อนกระทำ - ขณะกระทำ และสำเร็จผลที่กระทำไป ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศลครับ


ความคิดเห็น 5    โดย ฟาง  วันที่ 8 ส.ค. 2549

ความในตาลปุตตสูตรว่า นักแสดงทำให้คนดูมีมากในราคะ โทสะ โมหะ นักแสดงนั้นย่อมประกอบอกุศลกรรมโดยความเห็นผิด ต้องไปเกิดในนรกชื่อปหาสะ แต่กรรม (กิเลส) เป็นของแต่ละบุคคลไม่อาจทำแทนกันได้มิใช่หรือ ทำไมนักแสดงจึงต้องไปรับกรรมแทนคนดู


ความคิดเห็น 6    โดย prakaimuk.k  วันที่ 8 ส.ค. 2549

ไม่มีผู้ใดรับกรรมแทนกันได้ ทุกคนย่อมมีกรรมของตนเองต่างๆ กันไป "...เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ..." (พระสุตตันตปิฏก อังคุตตรนิกาย ปัญจก๒ ฉกนิบาต เล่ม ๓ หน้า ๑๓๘ ฐานสูตร)


ความคิดเห็น 7    โดย study  วันที่ 8 ส.ค. 2549

อนุโมทนาคุณ prakaimuk.k

ขอเพิ่มเติม ข้อความในพระสูตรหมายถึงผู้แสดงการเต้นรำ มีความประมาทมัวเมาและมีความเห็นผิดว่าการกระทำนั้นจะทำให้ไปเกิดบนสวรรค์


ความคิดเห็น 8    โดย ภัสร์  วันที่ 2 ก.ย. 2553

การพูดคุยที่ไม่เป็นประโยชน์ แต่ไม่พูดเท็จ หยาบ ส่อเสียดเช่นพูดคุยสนุกกัน ค่อนข้างละเอียดเข้าใจยาก ขอไขให้ทราบด้วยครับ เพราะบางคนไม่ค่อยชอบสิ่งที่เป็นสาระ แต่ชอบสิ่งที่เป็นไปตามโลภะ มานะ ทิฏฐิของตน บางครั้งก็จำต้องว่าไปตามสังคม เข้าใจว่าไม่น่าจะเป็นอกุศลกรรมบถทางวาจา


ความคิดเห็น 9    โดย prachern.s  วันที่ 2 ก.ย. 2553

เรียนความเห็นที่ ๘

ถ้าวาจาเป็นไปกับทาน ศีล ภาวนา ไม่ใช่อกุศลกรรมบถ ถ้าพูดด้วยอกุศลจิต ยากที่จะพ้นจากทุจริตทางวาจา ๔ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นอยู่ที่สภาพจิตเป็นสำคัญ..


ความคิดเห็น 10    โดย chatchai.k  วันที่ 7 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ