ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ (ไม่ได้ลบหลู่นะ) เพียงแต่ว่าถ้าเรายึดมั่นตามคำสอนแล้วก็เหมือนเรามีพระอยู่ในตัว ไม่ต้องห้อยพระก็ได้ นอกเสียจากเรามีวิบากกรรมที่ต้องรับผลของกรรม เราก็ยินดี ถือว่าเราเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าดีแล้วหรือไม่
ผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ผู้นั้นมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งด้วยการศึกษาและปฏิบัติตาม ผู้ที่เข้าใจพระธรรมย่อมทราบความจริงว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ผู้ที่กระทำเหตุดีย่อมได้รับผลดี ผู้กระทำเหตุที่ไม่ดีย่อมได้รับผลที่ไม่ดี และเป็นผู้มั่นคงในเหตุผล เป็นผู้มั่นคงในความดี ไม่เชื่อผู้อื่นอย่างงมงาย พระธรรมที่ทรงแสดงแนะนำ ให้สาวกมีตนเป็นที่พึ่ง คือ มีกุศลธรรมเป็นที่พึ่ง กุศลธรรมที่จะทำให้พ้นจากภัยทั้งปวง ก็คือ สติปัฏฐาน
คนที่รักษาศีล ให้ทาน ฟังธรรม บุญกุศลที่เขาทำย่อมพนอเขาในโลกหน้า คนที่เจริญกุศลทุกประการ ย่อมได้รับสุขวิบากเป็นกำไร บุญกุศลที่ทำไว้ เป็นเครื่องคุ้มครองดีที่สุดค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ผู้ยึดมั่นในความดี ธรรมะย่อมคุ้มครองด้วยความเป็นเหตุและผลมิใช่ความงมงาย
เชิญคลิกอ่านได้ที่
การให้ทาน เป็นเหตุให้มีทรัพย์และมีมิตรมาก
การรักษาศีล เพราะศีลเป็นเครื่องครองกายและวาจามิให้เบียดเบียนผู้อื่น ผู้มีศีลย่อมไม่ก่อเวร ไม่สร้างศัตรู ภาวนา เป็นเครื่องคุ้มครองใจไม่ให้คิดชั่วเพราะการกระทำความชั่วใดๆ เริ่มที่ใจ การภาวนา เพื่อให้อบรมปัญญาจะได้นำตนออกจากทุกข์เพราะบุคคลจะล่วงทุกข์ได้ ด้วยปัญญา สิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะช่วยได้ในแง่ของกำลังใจ แต่ต้องใช้ให้เป็นคือ ใช้เป็นเครื่องระลึก เตือนใจ ให้กระทำความดีน่าจะตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้สร้างมากกว่า การอ้อนวอนวิงวอน ขอผลโดยไม่สร้างเหตุ
กุศลย่อมปกปักรักษา เปรียบเหมือนมิตร อกุศลย่อมทำลายเปรียบเหมือนศัตรู
เรื่อง กุศลย่อมปกป้องอันตรายได้ โดย มิต้อง มีมนต์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไร
เชิญคลิกอ่านได้ที่
พุทธานุสติ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ธรรมคุ้มครอง คือ จิตไม่เป็นอกุศล เป็นกุศล (โดยปรมัตถ์)
ยินดีในกุศลจิตค่ะ