สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๒๐ ธ.ค. ๒๕๕๑ เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐น. คือ
๔. โคมยปิณฑสูตร
ว่าด้วยความไม่เที่ยงแท้แน่นอนแห่งขันธ์ ๕
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ ๓๒๗
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ ๓๒๗
๔. โคมยปิณฑสูตร
ว่าด้วยความไม่เที่ยงแท้แน่นอนแห่งขันธ์ ๕
[๒๔๘] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ. ภิกษุรูปนั้น ครั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังต่อไปนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มีอยู่หรือไม่ รูปบางอย่าง ที่เที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา จักดำรงคงที่อยู่อย่างนั้นเอง เสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จะมีหรือไม่ เวทนาบางอย่าง ที่เป็นของเที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา จักดำรงคงที่อยู่อย่างนั้นเองเสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จะมีหรือไม่ สัญญาบางอย่าง ที่เป็นของเที่ยง... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จะมีหรือไม่ สังขารบางอย่างที่เป็นของเที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดาจักดำรงคงที่อยู่อย่างนั้นเอง เสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จะมีหรือไม่วิญญาณบางอย่างที่เป็นของเที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดาจักดำรงคงอยู่อย่างนั้นเอง เสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ไม่มีเลย รูปบางอย่างที่เป็นของเที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา จักดำรงคงที่อยู่อย่างนั้นเอง เสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่มีเวทนาอะไรบางอย่าง...สัญญาบางอย่าง... สังขารบางอย่าง... วิญญาณบางอย่าง ที่เป็นของเที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา จักดำรงคงที่อยู่อย่างนั้นเอง เสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย. [๒๔๙] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหยิบก้อนโคมัยเล็กๆ ขึ้นมาแล้ว ได้ตรัสกะภิกษุนั้นดังต่อไปนี้ว่า. ดูก่อนภิกษุ ไม่มีอัตภาพที่ได้แล้ว แม้ประมาณเท่านี้เลย ที่เป็นของเที่ยง ยั่งยืน สืบต่อกันไป ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาจักดำรงคงที่อยู่อย่างนั้นเอง เสมอด้วยสิ่งที่ยั่งยืนทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุ แม้ผิว่า จักได้มีอัตภาพที่ได้มาประมาณเท่านี้ ที่เป็นของเที่ยงยั่งยืน ติดต่อกันไป ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดาแล้วไซร้ การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์นี้ เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ ก็จะไม่ปรากฏ. ดูก่อนภิกษุ เพราะเหตุที่ไม่มีเลย อัตภาพที่ได้มาแล้วประมาณเท่านี้ที่จะเป็นของเที่ยง เป็นของยั่งยืนติดต่อกันไป มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา ฉะนั้นการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ จึงปรากฏ. [๒๕๐] ดูก่อนภิกษุ เรื่องเคยมีมาแล้ว เราตถาคตได้เป็นขัตติยราช ได้รับมุรธาภิเษกแล้ว. ดูก่อนภิกษุ เราตถาคตผู้เป็นขัตติย-ราชได้รับมุรธาภิเษกแล้ว ได้มีพระนคร ๘๔,๐๐๐ พระนคร มีกุสาวดีราชธานีเป็นนครเอก. มีปราสาท ๘๔,๐๐๐ หลัง มีธรรมปราสาท เป็นปราสาทเอก. มีพระตำหนัก ๘๔,๐๐๐ หลัง มีพระตำหนักมหาพยุหะ เป็นพระตำหนักเอก. มีพระราชบัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ บัลลังก์ทำด้วยงาสลับด้วยแก่นจันทน์แดง ประดับด้วยทองและเงิน ลาดด้วยผ้าโกเชาว์ มีขนยาวเกิน ๔ องคุลี ลาดด้วยผ้ากัมพลขาว ทำด้วยขนแกะ มีขนทั้ง ๒ ด้าน ลาดด้วยเครื่องลาด ทำด้วยขนแกะมีดอกทึบ มีเครื่องลาดอย่างดีทำด้วยหนังชะมด มีเพดานสีแดง มีหมอนสีแดงทั้งสองด้าน (ด้านศีรษะและด้านเท้า) มีช้างต้น ๘๔,๐๐๐เชือก มีคชาภรณ์ทำด้วยทอง มีธงทอง คลุมศีรษะด้วยข่ายทองมีพญาช้างอุโบสถเป็นช้างทรง. มีม้าต้น ๘๔,๐๐๐ ตัว มีเครื่องประดับทำด้วยทอง คลุม (หลัง) ด้วยข่ายทอง มีวลาหกอัศวราชเป็นม้าทรง. มีรถทรง ๘๔,๐๐๐ คัน มีเครื่องประดับทำด้วยทองมีธงทำด้วยทอง ปกปิดด้วยข่ายทองมีเวชยันตราชรถ เป็นรถทรง.มีรัตนะ ๘๔,๐๐๐ ดวง มีแก้วมณีเป็นดวงเอก. มีพระสนมนารี๘๔,๐๐๐ นาง มีพระนางภัททาเทวีเป็นพระสนมเอก. มีกษัตริย์๘๔,๐๐๐ องค์ ตามเสด็จ มีปริณายกแก้วเป็นประมุข. มีแม่โคนม๘๔,๐๐๐ ตัว มีผ้าทุกูลพัสตร์เป็นผ้าคลุมหลัง มีภาชนะสำริดทำด้วยเงิน สำหรับรองรีดนม. มีผ้า ๘๔,๐๐๐ โกฏิเป็นผ้าเปลือกไม้เนื้อละเอียด เป็นผ้าไหมเนื้อละเอียด เป็นผ้ากัมพลเนื้อละเอียด เป็นผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด มีสุพรรณภาชน์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ห้องเครื่องนำเข้าไปเทียบ เช้า เย็น. [๒๕๑] ดูก่อนภิกษุ ก็บรรดาพระนคร ๘๔,๐๐๐ นครเหล่านั้นนครที่เราครอง มีนครเดียวเท่านั้น คือกุสาวดีราชธานี. บรรดาปราสาท ๘๔,๐๐๐ หลังเหล่านั้น ปราสาทที่เราครอบครองสมัยนั้นมีหลังเดียวเท่านั้น คือธรรมปราสาท. บรรดาพระตำหนัก ๘๔,๐๐๐ตำหนักเหล่านั้นแล ตำหนักที่เราครอบครองสมัยนั้น มีหลังเดียวเท่านั้น คือ พระตำหนักมหาพยูหะ. บรรดาพระราชบัลลังก์ ๘๔,๐๐๐บัลลังก์เหล่านั้นแล บัลลังก์ที่เรานั่งสมัยนั้น คือบัลลังก์งา หรือบัลลังก์ไม้แก่นจันทน์ หรือบัลลังก์ทอง หรือบัลลังก์เงิน. บรรดาช้างต้น ๘๔,๐๐๐ เชือกเหล่านั้น ช้างที่เราทรงสมัยนั้น มีเชือกเดียวเท่านั้น คือพระคชาธารชื่ออุโบสถ. บรรดาม้าต้น ๘๔,๐๐๐ ตัว เหล่านั้นแล ม้าที่เราทรงสมัยนั้น มีตัวเดียวเท่านั้น คือ วลาหกอัศวราช.บรรดาราชรถ ๘๔,๐๐๐ คัน เหล่านั้นแล รถที่เราทั้งสมัยนั้น มีคันเดียวเท่านั้นคือ เวชยันตราชรถ. บรรดาสนมนารี ๘๔,๐๐๐ นางเหล่านั้นแล สนมนารีที่เรายกย่องสมัยนั้น มีคนเดียวเท่านั้น คือ นางกษัตริย์ หรือหญิงที่มีกำเนิดจากกษัตริย์และพราหมณ์. บรรดาพระภูษา๘๔,๐๐๐ โกฏิคู่ เหล่านั้นแล คู่พระภูษาที่เราใช้สมัยนั้น มีคู่เดียวเท่านั้นคือ พระภูษาเปลือกไม้เนื้อละเอียด พระภูษาไหมเนื้อละเอียดพระภูษากัมพลเนื้อละเอียด หรือพระภูษาฝ้ายเนื้อละเอียด. บรรดาพระสุพรรณภาชน์ ๘๔,๐๐๐ สำรับเหล่านั้นแล พระสุพรรณภาชน์สำรับเดียวเท่านั้น ที่เราเสวย จุข้าวสุกทะนานหนึ่งเป็นอย่างมากและกับแกงพอเหมาะแก่ข้าวสุกนั้น. ดูก่อนภิกษุ สังขารทั้งปวงเหล่านั้น ที่เป็นอดีตก็ดับไปแล้วแปรปรวนไปแล้ว ด้วยประการดังนี้แล สังขารทั้งปวงไม่เที่ยงอย่างนี้สังขารทั้งปวง ไม่ยั่งยืน ไม่เชื่อฟังอย่างนี้แล. ดูก่อนภิกษุ ก็ความไม่เที่ยงนี้ พอเพียงแล้ว เพื่อจะเบื่อหน่าย เพื่อจะคลายกำหนัด เพื่อจะหลุดพ้น ในสังขารทั้งปวง.
จบ โคมยปิณฑสูตรที่ ๔
สาธุ
ขออนุโมทนาบุญที่ข้าพเจ้าฯได้กระทำมาในทุกๆ ชาติ..............
ขออำนาจ.....พระพุทธเจ้า.....พระธรรมเจ้า.......พระอริยะเจ้า......ขอมอบ
แด่....ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ พร้อมทั้งสมาชิกบ้านธรรมะทุกๆ ท่าน..
ทุกรูป....ทุกนาม.....ขอจงตั้งจิตอธิฐานรับไว้ด้วยเทอญ.ฯ..........