ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฏิสนธิจิตประมวลมาซึ่งนามธรรมและรูปธรรมทั้งหลาย ซึ่งมีปัจจัยทำให้เกิดขึ้นเป็นไปในภพชาติหนึ่งๆ ตามกำลังและประเภทของปฏิสนธิจิตนั้นๆ
จิตที่ทำปฏิสนธิกิจในกามภูมิ ๑๑ ได้แก่ กามาวจรวิบากจิต ๑๐ ดวง คือ
อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากจิต ๑ ดวง
อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากจิต ๑ ดวง
กามาวจรสเหตุกกุศลวิบากจิต (มหาวิบาก) ๘ ดวง
อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากจิต ๑ ดวง เป็นผลของอกุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำปฏิสนธิกิจในอบายภูมิ ๔ คือ เกิดในนรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน
อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากจิต ๑ ดวง เป็นผลของกุศลกรรมอย่างอ่อนไม่มีกำลัง จึงทำปฏิสนธิกิจในมนุษย์โดยมีอกุศลกรรมเบียดเบียน ทำให้เป็นบุคคลพิการ บ้า ใบ้ บอด หนวก เป็นต้น ตั้งแต่กำเนิด และปฏิสนธิในสวรรค์ชั้นต้น คือ สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
มหาวิบากจิต ๘ ดวง ทำปฏิสนธิกิจในภูมิมนุษย์และสวรรค์ ๖ ภูมิต่างๆ กัน ตามกำลังและความประณีตของกุศลกรรมนั้นๆ
รูปาวจรวิบากจิต ๕ ดวง ทำปฏิสนธิกิจในรูปพรหม ๑๕ ภูมิ ตามขั้นของรูปาวจรกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุ
อรูปาวจรวิบากจิต ๔ ดวง ทำปฏิสนธิกิจในอรูปพรหม ๔ ภูมิ ตามขั้นของอรูปาวจรกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุ
สำหรับจิตที่ทำตทาลัมพนกิจ ๑๑ ดวงนั้น เกิดต่อจากกามชวนวิถีในกามภูมิเท่านั้น ไม่เกิดในภูมิที่สูงกว่านี้ คือ ไม่เกิดในรูปพรหมภูมิ และอรูปพรหมภูมิเลย
จิตที่ทำได้ ๕ กิจ มี ๒ ดวง คือ อุเบกขาสันตีรณอกุศลวิบากจิต ๑ ดวง และอุเบกขาสันตีรณกุศลวิบากจิต ๑ ดวง
จิตที่ทำได้ ๔ กิจ มี ๘ ดวง คือ มหาวิบากจิต ๘ ดวง
จิตที่ทำได้ ๓ กิจ มี ๙ ดวง คือ รูปาวจรวิบากจิต ๕ ดวง และอรูปาวจรวิบากจิต ๔ ดวง
จิตที่ทำได้ ๒ กิจ มี ๒ ดวง คือ มโนทวาราวัชชนจิต ๑ ดวง และโสมนัสสันตีรณกุศลวิบากจิต ๑ ดวง
จิตที่เหลือทำได้กิจเดียว เฉพาะกิจของตนๆ
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ปรมัตถธรรมสังเขป
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ความจริงแห่งชีวิต
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ และ คุณแม่
ขอเรียนถามว่า
๑. กามาวจรสเหตุกกุศลวิบากจิต (มหาวิบาก) ๘ ประเภท หมายถึง จิตของบุคคลใด ได้แก่ จิตอะไรบ้างคะ
๒. เมื่ออุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก ทำปฏิสนธิกิจในภูมิมนุษย์ เนื่องจากเป็นผลของกุศลกรรมที่ไม่มีกำลัง จึงมีปัจจัยให้อกุศลกรรมเบียดเบียน ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ที่พิการ บ้า ใบ้ บอด หนวก ฯลฯ ตั้งแต่กำเนิด คำว่า อกุศลกรรม ควรจะเป็นอกุศลวิบาก (ผลของกรรม) ใช่ไหมคะ
๓. มหาวิบากจิต ๘ ประเภท ทำปฏิสนธิกิจในภูมิมนุษย์ และสวรรค์ ๖ ภูมิ ต่างๆ กันไป ตามกำลังและความประณีตของกุศลกรรมนั้นๆ คำที่ขีดเส้นใต้ ควรจะเป็นกุศลวิบาก ใช่ไหมคะ
๔. รูปาวจรวิบากจิต ๕ ประเภท ทำปฏิสนธิกิจ คือเกิดในรูปพรหม ๑๕ ภูมิ ตามขั้นของรูปาวจรกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุ คำว่า รูปาวจรกุศล ในที่นี้หมายถึงรูปาวจรกุศลวิบาก ใช่ไหมคะ
๕. อรูปาวจรวิบากจิต ๔ ประเภท ทำปฏิสนธิกิจในอรูปพรหม ๔ ภูมิตามขั้นของอรูปาวจรกุศลนั้นๆ ซึ่งเป็นเหตุ คำที่ขีดเส้นใต้ ในที่นี้หมายถึงอรูปาวจรกุศลวิบาก ใช่ไหมคะ
๖. ตทาลัมพนจิต เป็นผลของกรรมอะไรคะ
๗. กรุณาอธิบายข้อความนี้ด้วย ได้ไหมคะ
จิต ที่ทำได้ ๕ กิจ (กิจอะไรบ้าง) มี ๒ ประเภท คือ อุเบกขาสันตีรณจิตอกุศลวิบาก และอุเบกขาสันตีรณจิตกุศลวิบาก
จิต ที่ทำได้ ๔ กิจ (กิจอะไรบ้าง) มี ๘ ประเภท คือ มหาวิบากจิต ๘ ดวง
จิต ที่ทำได้ ๓ กิจ (กิจอะไรบ้าง) มี ๙ ประเภท คือ รูปาวจรวิบากจิต ๕ ประเภท และ อรูปาวจรวิบากจิต ๔ ประเภท
จิต ที่ทำได้ ๒ กิจ มี ๒ ประเภท คือ มโนทวาราวัชชนจิต และโสมนัสสันตีรณกุศลวิบากจิต (กิจอะไรบ้าง)
กรุณาอธิบาย เท่าที่ท่านจะเห็นสมควรค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอตอบเพียงบางส่วนครับ
๑. ได้แก่ จิตของผู้ที่เป็นมนุษย์และเทวดา ขณะที่ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ และตทาลัมพนะ
๒. โดยทั่วไปเรียกว่า อกุศลกรรมเบียดเบียน คือ ให้ผล
๓. ในที่นี้พูดถึงเหตุ ต้องหมายถึง กุศลกรรม แต่ผลที่เกิดขึ้น เป็นวิบาก
๔. ในที่นี้พูดถึงเหตุ ต้องหมายถึง รูปาวจรกุศล แต่จิตที่กระทำกิจปฏิสนธิ เป็นวิบาก
๕. เหมือนข้อที่ ๓, ๔, ๖ ตทาลัมพนะเป็นผลของกุศลกรรม ก็มี เป็นผลของอกุศลกรรม ก็มี
๖. ตทาลัมพนะเป็นผลของกุศลกรรมก็มี เป็นผลของอกุศลกรรมก็มี
ขอเรียนถามว่า ...
ตทาลัมพนจิต เป็นวิบากจิต ที่รู้อารมณ์เดียวกับ อวัชชนจิต ในวาระนั้นๆ ใช่ไหมคะ
ตทาลัมพนจิต รู้อารมณ์เดียวกันกับ อาวัชชนะ ชวนะ ในวาระเดียวกัน
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ