ปีติมีอามิสเป็นไฉน กามคุณ ๕ เป็นไฉน
โดย สารธรรม  25 ก.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 44171

สำหรับข้อความต่อไปที่ว่า

หรือเสวยสุขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนามีอามิส หรือเสวยสุขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่าเราเสวยสุขเวทนาไม่มีอามิส

สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค นิรามิสสูตร มีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ปีติมีอามิสมีอยู่ ปีติไม่มีอามิสมีอยู่ ปีติที่ไม่มีอามิสกว่าปีติที่ไม่มีอามิสมีอยู่

สุขมีอามิสมีอยู่ สุขไม่มีอามิสมีอยู่ สุขไม่มีอามิสกว่าสุขไม่มีอามิสมีอยู่ อุเบกขามีอามิสมีอยู่ อุเบกขาไม่มีอามิสมีอยู่ อุเบกขาไม่มีอามิสกว่าอุเบกขาไม่มีอามิสมีอยู่

วิโมกข์มีอามิสมีอยู่ วิโมกข์ไม่มีอามิสมีอยู่ วิโมกข์ไม่มีอามิสกว่าวิโมกข์ไม่มีอามิสมีอยู่

ข้อความต่อไปอธิบายข้อความเบื้องต้นว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติมีอามิสเป็นไฉน กามคุณ ๕ เหล่านี้ กามคุณ ๕ เป็นไฉน

คือ รูป ที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด … เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ชักให้ใคร่ ชวนให้กำหนัด

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กามคุณ ๕ เหล่านี้แล ปีติเกิดขึ้น เพราะอาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้ เราเรียกว่า ปีติมีอามิส

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติไม่มีอามิส เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก วิจาร มีปีติ และสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก วิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติ และสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ นี้เราเรียกว่า ปีติไม่มีอามิส

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิส เป็นไฉน ปีติที่เกิดขึ้นแก่พระภิกษุขีณาสพ ผู้พิจารณาเห็นจิต ซึ่งหลุดพ้นแล้วจากราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่า ปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิส

มีความต่างกันเป็นขั้นๆ สำหรับธรรมดาๆ ที่ทุกคนมีปีติ ปีติก็เป็นไปกับอามิส คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพารมณ์ แต่ถ้าเป็นปีติไม่มีอามิส คือ ไม่เป็นไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพารมณ์ เป็นปีติที่เกิดจากวิเวก บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน โดยนัยของจตุตถนัย ปีติที่เกิดกับฌานจิตนั้นไม่เป็นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็เป็นปีติที่ไม่มีอามิส

ส่วนปีติที่ไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิสนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ก็ปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิส เป็นไฉน

ปีติที่เกิดขึ้นแก่พระภิกษุขีณาสพผู้พิจารณาเห็นจิต ซึ่งหลุดพ้นแล้วจากราคะ จากโทสะ จากโมหะ นี้เราเรียกว่า ปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิส

พระอรหันต์ยังมีปีติ ยังมีโสมนัสเกิดกับมหากิริยาจิต เวลาที่พิจารณารู้ว่า จิตหลุดพ้นแล้วจากราคะ โทสะ โมหะ เกิดปีติ ปีติในขณะนั้นเป็นปีติไม่มีอามิสกว่าปีติไม่มีอามิส

สำหรับสุขเวทนานั้นก็โดยนัยเดียวกันกับปีติ แต่กล่าวถึงตติยฌานโดยจตุตถนัย และสำหรับอุเบกขาเวทนาโดยนัยเดียวกัน แต่ถึงจตุตถฌานโดยจตุตถนัย ที่ว่ามีอามิส ไม่มีอามิส ก็เลื่อนขึ้นไปตามขั้นของเวทนาที่ประกอบกับฌานนั้นๆ


ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 113