การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เกิดขึ้นเมื่อเหตุสมควรแก่ผล โดยไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าจะเกิดขึ้นในขณะไหน เช่น การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ทุกชาติ ไม่มีใครรู้ว่าเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น
การเป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรม และเป็นผู้ที่เคยอบรมเจริญสติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม และเข้าใจสภาพของนามธรรม และรูปธรรมเพิ่มขึ้นๆ จนกระทั่งในชาติสุดท้ายที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไม่มีใครสามารถทราบวิถีชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายของ ชาตินั้นว่าจะประสบกับเหตุการณ์อะไรบ้าง ซึ่งก็ดูเป็นชีวิตธรรมดาไม่ต่างกัน ชาติก่อนหรือชาตินี้ หรือชาติหน้าต่อๆ ไปอีกทุกๆ ชาติ ผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ แม้จะเคยได้ฌาน ฌานเสื่อม เคยเจริญสติปัฏฐาน เคยระลึกรู้พิจารณาลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม แต่ตราบใดที่ยังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็เหมือนกับผู้ที่มีชีวิตตามปกติธรรมดา ตามกำลังของกุศล และอกุศล เพราะว่าในกาลช่วงหนึ่งก็อาจจะเป็นผู้ที่ดูเสมือนมี กิเลสน้อย แต่ความจริงแล้วถ้ายังไม่ได้ดับกิเลส จะชื่อว่าน้อยไม่ได้
ใน ปรมัตถโชติกา อรรถกถา สุตตนิบาต อุรควรรค ขัคควิสาณสูตร คาถาที่ ๒ มีข้อความโดยย่อว่า
ขอเชิญรับฟัง
ขัคควิสาณสูตร คาถาที่ ๒ การรู้แจ้งปัจเจกโพธิญาณ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละชาติ ก็เป็นเครื่องที่จะสอบปัญญาได้ว่า อบรมมาในขั้นใด ถ้ายังไม่ถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็ต้องมีชีวิตดำเนินไป ทั้งทางโลก และทางธรรมตามความเป็นจริง จนกว่าจะถึงชาติที่สามารถรู้แจ้ง อริยสัจจธรรมได้ เพราะว่าสัจจธรรมเป็นจริงทุกขณะ คือ สภาพธรรมเกิดขึ้นเพราะ เหตุปัจจัย และดับไป แต่ยังไม่เป็นอริยสัจจธรรมตราบใดที่ปัญญายังไม่ได้อบรมจนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งการเกิดดับของสภาพธรรมนั้นๆ แต่การอบรมปัญญาในทุกชาติไม่สูญ ไม่หายไป พร้อมที่จะถึงกาลที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แต่ไม่มีใครสามารถรู้ว่าเมื่อไร บางคนก็เมื่อสูญเสียบุตร จึงได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม
อีกเรื่องหนึ่ง
ใน ปรมัตถโชติกา อรรถกถา สุตตนิบาต อุรควรรค ขัคควิสาณสูตร คาถาที่ ๗ มีข้อความว่า
ขอเชิญรับฟัง
ขัคควิสาณสูตร คาถาที่ ๗ การรู้แจ้งปัจเจกโพธิญาณ