[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 640
เถรีอปทาน
กุณฑลเกสวรรคที่ ๓
ยโสธราเถรีอปทานที่ ๘ (๒๘)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระยโสธราเถรี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 640
ยโสธราเถรีอปทานที่ ๘ [๒๘]
ว่าด้วยบุพจริยาของพระยโสธราเถรี
[๑๖๘] ดิฉันมีฤทธิ์มาก มีปัญญามาก มีภิกษุณี ๑,๑๐๐ องค์เป็นบริวาร เข้าไปเฝ้าพระ สัมพุทธเจ้า ถวายอภิวาทแล้วเห็นลายลักษณ์กง จักรของพระศาสดา แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง ได้กราบทูลว่า
หม่อมฉันมีอายุ ๗๖ ปีล่วงเข้าปัจฉิมวัย แล้ว ถึงความเป็นผู้มีกายเงื้อมลงแล้ว ขอกราบ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 641
ทูลลาพระมหามุนี หม่อมฉันมีวัยแก่ มีชีวิตน้อย จักละพระองค์ไป มีที่พึ่งของตนได้ทำแล้ว มี มรณะใกล้เข้ามาในวัยหลัง ข้าพระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันจักถึงความดับในคืนวันนี้
ชาติ ชรา พยาธิและมรณะ มิได้มี จัก ไปสู่นิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เป็นบุรีอันไม่มี ความแก่ ความตายและความไม่มีภัย
ตั้งแต่ข้าพระองค์เป็นบริษัทาเข้าเฝ้าพระ องค์อยู่ รู้จักความผิด ขอประทานโทษ ณ ที่เฉพาะ พระพักตร์พระองค์
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันขอกราบ ทูลว่า เมื่อหม่อมฉันท่องเที่ยวไปในสงสาร หาก มีความพลั้งพลาดในพระองค์ ขอพระองค์ทรง โปรดประทานโทษแก่หม่อมฉันเถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ดูก่อนผู้ปฏิบัติตามคำสอนของเรา ท่านจงแสดงฤทธิ์ และตัดความสงสัยของบริษัท ทั้งปวงในศาสนาเถิด.
พระยโสธราเถรีกราบทูลว่า
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันชื่อยโสธราเป็นปชาบดีของพระองค์ เมื่อยังทรงครอง อาคารวิสัย เกิดในศากยสกุลตั้งอยู่ในองคสมบัติ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 642
ของหญิง ประเสริฐกว่าหญิง ๑๖๙,๐๐๐ นาง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันเมื่ออยู่ในพระราช วังของพระองค์ เป็นประธาน เป็นใหญ่กว่าหญิง ทั้งปวง
สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ และอาจารสมบัติ ดำรงอยู่ในความเจริญทุกสมัย นารีทั้งมวลย่อม เคารพหม่อมฉัน เหมือนพวกมนุษย์เคารพเทวดา ฉะนั้น
หม่อมฉันเป็นประมุขแห่งนางกัญญาหนึ่ง พัน ในพระนิเวศน์ของพระศากยบุตร นางกัญญา เหล่านั้นร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ปานประหนึ่งว่าพวก เทวดาในนันทวันฉะนั้น
หม่อมฉันเป็นบัณฑิต ล่วงกามธาตุด้วย รูปธาตุ มิได้มีใครๆ มีรูปเหมือนรูปของหม่อมฉัน เว้นแต่พระองค์ผู้เป็นนายกของโลก
หม่อมฉันขออภิวาทพระสัมพุทธเจ้าแล้ว จักแสดงฤทธิ์ถวาย พระยโสธราเถรีแสดงฤทธิ์ ชนิดต่างๆ มากมาย
แสดงเป็นนกมีกายเท่าภูเขาจักรวาล แสดงศีรษะเท่าอุตตรกุรุทวีป แสดงปีกสองข้าง เท่าทวีปทั้งสอง แสดงสรีระเท่าชมพูทวีป
เปล่งเสียงดังกังวานไพเราะ มีขนหาง เป็นพวง มีกลีบสีต่างๆ กัน มีนัยน์ตาเท่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 643
ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ มีหงอนเท่าภูเขาเมรุ
มีหน้าเท่าภูเขาจักรวาล ถอนเอาต้นหว้า พร้อมทั้งรากทำเป็นพัดเดินเข้าไปเฝ้า ถวายบังคม พระศาสดาผู้เป็นนายกของโลก
แสดงเป็นเพศช้าง เพศม้า ภูเขา และ ทะเล ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ เขาเมรุ และ เพศท้าวสักกเทวราช กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันผู้ชื่อว่า ยโสธรา ขอถวายบังคมพระยุคลบาท
พระเถรีเอาดอกไม้ปกปิดพันโลกธาตุไว้ และนิรมิตเป็นเพศพรหมแสดงสุญญตธรรมอยู่ กราบทูลว่า ข้าแต่พระวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อม ฉันผู้ชื่อว่ายโสธรา ขอถวายบังคมพระยุคลบาท
หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์ มี ความชำนาญในทิพโสตธาตุ มีความชำนาญใน เจโตปริยญาณ
ย่อมรู้ปุพเพนิวาสญาณ และทิพยจักษุ อันหมดจดวิเศษ มีอาสวะทั้งปวงหมดสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันมีญาณ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 644
ในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณเกิดขึ้น ในสำนักของพระองค์
ความพร้อมเพรียงแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง๑ หลาย ผู้เป็นนาถะของโลก พระองค์ทรงแสดง ดีแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็นอันมาก ของหม่อมฉัน ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ พระองค์
ข้าแต่พระมุนีมหาวีรเจ้า ขอพระองค์พึง ทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของหม่อมฉันเถิด ข้า แต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันสั่งสมบุญไว้เพื่อ ประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้น อนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อ ประโยชน์แก่พระองค์ได้
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน หม่อมฉันเพื่อให้เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัปป์ ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันมิได้เสียใจ ในเรื่องนั้นเลย
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน หม่อมฉันเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกัปป์ เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่อง นั้นเลย
๑. ม. ว่า ปุพพานํ แปลว่า พระองค์ทรงแสดงความพร้อมเพรียงแห่งพระโลกนาถเจ้า ผู้มี ในกาลก่อนดีแล้ว
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 645
ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน หม่อมฉันเพื่อประโยชน์ เป็นอาหารพันโกฏิ กัป หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อม ฉันบริจาคชีวิตหลายพันโกฏิกัปป์
ประชุมชนจักทำการให้พ้นจากภัย ก็ย่อม สละชีวิตของหม่อมฉันให้ ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันย่อมไม่เคยหวงเครื่องประดับและผ้า นานาชนิดซึ่งอยู่ที่ตัว และภัณฑะคือตัวหญิง เพื่อ ประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนีมหาวีรเจ้า ทรัพย์ ข้าวเปลือก ปัจจัย เครื่องบริจาค บ้าน นิคม ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี ภรรยา มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้วเพื่อ ประโยชน์แก่พระองค์
(พระองค์ตรัสบอกหม่อมฉันว่า) เราย่อม ให้ทานกะพวกยาจก เมื่อเราให้ทานอันอุดม เรา ย่อมไม่เห็นหม่อมฉันเสียใจ
ข้าแต่พระมหาวีระ หม่อมฉันยอมรับ ทุกข์มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน ในสงสาร เป็นอเนก เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันได้รับสุข ย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 646
เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์ แก่พระองค์
ข้าแต่พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรง แสดงธรรมโดยบรรดาอันสมควร เสวยสุขและ ทุกข์แล้ว ได้บรรลุซึ่งพระโพธิญาณ
หม่อมฉันได้ร่วมมาเป็นมาก กับพระ สัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ผู้เป็นนายกของโลก เป็นเทพผู้ประเสริฐ พระองค์ก็ได้ร่วมมาเป็นอัน มาก กับพระสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ผู้เป็น นาถะของโลก
ข้าแต่พระมหามุนี อธิการของหม่อมฉัน มีมากเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อนฉันเมื่อ แสวงหาพุทธธรรมอยู่ก็ได้เป็นบริจาริกาผู้รับใช้ ของพระองค์
ในสี่อสงไขยแสนกัป พระมหาวีรเจ้า พระนามว่าทีปังกร ผู้เป็นนายกของโลก เสด็จ อุบัติขึ้นแล้ว ประชาชนในปัจจันตประเทศ มีใจ ยินดีนิมนต์พระตถาคตเจ้าแล้ว ช่วยกันแผ้วถาง หนทางสำหรับเป็นที่เสด็จพระพุทธดำเนิน
ณ กาลครั้งนั้น พระองค์เป็นพราหมณ์ นามว่าสุเมธ ตกแต่งหนทางยาว เพื่อพระสุคต เจ้าผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 647
หม่อมฉันมีสมภพในสกุลพราหมณ์ เป็น หญิงสาวมีนามว่าสุมิตตา เข้าไปสู่สมาคม ถือ ดอกบัวไป ๘ กำ เพื่อบูชาพระศาสดา แต่ได้ ถวายพระองค์ผู้เป็นฤาษีอุดม ในท่ามกลางประชุมชน
ครั้งนั้น หม่อมฉันได้เห็นพระองค์ประกอบสุภกิจอยู่นาน มีความกรุณา เมื่อฤาษีนั้น เดินเลยไปแล้ว ยังดึงใจหม่อมฉันให้นิยม จึงได้ สำคัญว่า ชีวิตของเรามีผล
ครั้งนั้น หม่อนฉันเห็นความพยายามของ พระองค์นั้นมีผล จึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ ผู้เป็นฤาษี ด้วยบุญที่ทำมาก่อน แม้จิตของ หม่อมฉันเลื่อมใสในพระสัมพุทธเจ้า
หม่อมฉันยังมีจิตเลื่อมใสในพระองค์ผู้ เป็นฤาษีมีมนัสสูง มิได้เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย จึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ผู้เป็นฤาษีพร้อมด้วย กล่าวว่า
ข้าแต่พระฤาษี ดอกบัว ๕ กำ จงมีแก่ ท่าน ดอกบัว ๓ กำจงมีแก่ดิฉัน ข้าแต่ท่าน พระฤาษี ดอกบัวเหล่านั้น จงมีเสมอกับด้วยท่าน นั้น เพื่อประโยชน์แก่โพธิญาณของท่าน.
จบภาณวารที่ ๔
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 648
สุเมธฤาษีรับดอกบัว แล้วบูชาพระพุทธทีปังกร ผู้แสวงหาคุณธรรมใหญ่ มีบริวารยศมาก เสด็จดำเนินมาในท่ามกลางประชุมชน เพื่อประโยชน์แก่โพธิญาณ
พระมหามุนี มหาวีรเจ้าทีปังกรทอดพระเนตรเห็นสุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูงแล้ว ทรงพยากรณ์ ในท่ามกลางประชุมชน ข้าแต่พระมหามุนี ในกัป อันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระมหามุนีทีปังกรทรง พยากรณ์กรรมของหม่อมฉันอันเป็นธรรมตรงว่า
ดูก่อนฤาษีผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็น ผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน ทำกุศล ร่วมกัน เป็นที่รักเพราะบุญกรรม เพื่อประโยชน์ แก่ท่าน น่าดูน่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจา อ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน
อุบาสิกานี้จักรักษากุศลธรรมทั้งหลาย เหมือนพวกเจ้าของทรัพย์ รักษาทรัพย์ที่เก็บไว้เอง ในคลัง ฉะนั้น ประชาชนจะอนุเคราะห์อุบาสิกา ผู้ที่เป็นที่รักของท่านนั้น อุบาสิกานี้จักมีบารมี เต็ม จักละกิเลสได้ดังราชสีห์ละกรง แล้วจักบรรลุ โพธิญาณ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 649
ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระ พุทธเจ้าทรงพยากรณ์หม่อมฉันด้วยพระวาจาใด หม่อมฉันเมื่ออนุโมทนาพระวาจานั้น เป็นผู้ทำ กรณียกิจอย่างนี้
หม่อมฉันยังจิตให้เลื่อมใสในกุศลกรรม ที่ได้ทำไว้แล้วนั้น ได้เสวยผลในกำเนิดเทวดา และมนุษย์มากมาย ได้เสวยสุขและทุกข์ในเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย
ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลัง หม่อมฉันเกิดใน ศากยสกุล มีรูปสมบัติ มีโภคสมบัติ มียศ มีศีล สมบูรณ์ด้วยองคสมบัติทั้งปวง ได้รับสักการะ อย่างยิ่งในสกุลทั้งหลาย มีลาภ สรรเสริญและ สักการะ พรั่งพร้อมไปด้วยโลกธรรม มีจิตไม่ ประกอบด้วยทุกข์ ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ
สมจริงตามพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ในกาลนั้นยโสธรานารีผู้มีเพียง แสดง อุปการะทั้งภายในพระราชฐานและแก่พวกเจ้าใน พระนคร มีอุปการะทั้งในยามสุขและยามทุกข์ เป็นผู้บอกประโยชน์ให้และทำความอนุเคราะห์
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแล้วแก่ พระพุทธเจ้าห้าร้อยโกฏิ และพระพุทธเจ้าเก้าร้อย โกฏิ ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์ทรงสดับ อธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 650
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นรูป แก่พระ พุทธเจ้าร้อยสิบเอ็ดโกฏิ ซึ่งเป็นนายกผู้เลิศของ โลก
ข้าแต่พระมหาราช ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นรูปแก่พระพุทธเจ้าร้อยยี่สิบโกฏิ และ แก่พระพุทธเจ้าร้อยสี่สิบโกฏิ ...
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าร้อยหกสิบโกฏิและแก่พระพุทธเจ้าร้อยห้า สิบโกฏิ ...
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไป แก่พระ พุทธเจ้าร้อยหกสิบโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าร้อย เจ็ดสิบโกฏิ ...
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระ พุทธเจ้าร้อยแปดสิบโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้า ร้อยเก้าสิบโกฏิ ...
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นรูปแก่พระ พุทธเจ้าแสนโกฏิ ซึ่งเป็นนายกผู้ประเสริฐของ โลก ...
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระ พุทธเจ้าเก้าพันโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าอื่นอีก ซึ่งเป็นนายกของโลก ...
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 651
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าแสนโกฎิ และแก่พระพุทธเจ้าแปดสิบห้า โกฏิ แก่พระพุทธเจ้าร้อยแปดสิบห้าโกฏิ แก่ พระพุทธเจ้ายี่สิบเจ็ดโกฏิ ...
หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระปัจเจกพุทะเจ้าผู้ปราศจากราคะ มีแปดโกฏิเป็น ที่สุด ...
ข้าแต่พระมหาราช ... .หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน เป็นพระพุทธสาวกมาก นับไม่ถ้วน
ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์จงทรง ฟังอธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน หม่อมฉันยัง มหาทานให้เป็นไปแล้วแต่พระพุทธเจ้าผู้ทรงประพฤติธรรมทั้งหลาย และพระอริยสงฆ์ผู้ประพฤติ ในสัทธรรม ในกาลทั้งปวง ด้วยประการอย่าง นี้
บุคคลผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ควรประพฤติธรรมให้ เป็นสุจริต ไม่ควรประพฤติธรรมให้เป็นทุจริต เพราะบุคคลผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งใน โลกนี้และโลกหน้า.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 652
หม่อมฉันเป็นหน่ายในสงสาร จึงออกบวช พร้อมด้วยบริวารชนพันหนึ่ง ครั้นบวชแล้วก็หมด กังวล
ละอาคารสถานแล้วออกบวช ยังไม่ทันถึง ครึ่งเดือนก็ได้บรรลุจตุราริยสัจ คนเป็นอันมากนำ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะและเภสัชปัจจัยเข้ามา ถวาย เหมือนลูกคลื่นในทะเล
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน พระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว
หม่อมฉันได้รับทุกขวิบัติมากอย่าง และ สุขสมบัติมากอย่างเช่นนี้ ถึงพร้อมแล้วซึ่งความ เป็นผู้บริสุทธิ์ สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งปวง
บุคคลผู้ถวายตนของตนแก่พระพุทธเจ้า ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เพื่อประโยชน์แก่บุญ ก็ย่อมพรั่งพร้อมไปด้วยสหาย ลุถึงนิพพานบทอัน เป็นอสังขตะ
กรรมทั้งปวงส่วนอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ของหม่อมฉันหมดสิ้นไปแล้ว ข้าแต่ พระองค์ผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันขอถวายบังคม พระยุคลบาท.
ทราบว่า ท่านพระยโสธราภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านั้นเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้แล.
จบยโสธราเถรีอปทาน