ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
..........
สนทนาธรรมที่ K'Lan Eco Resort ดาลัด วันที่หก
(๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘)
(ภาพแสงแห่งอรุณรุ่งอันงดงาม โดย คุณนภา จันทรางศุ)
ถาม เมื่อวานพูดถึงว่า เมื่อเกิดความทุกข์ใจ อย่าโทษกรรม แต่เป็นกิเลสของตนเอง ขอให้ช่วยอธิบาย
ซาร่าห์ เมื่อเกิดเหตุให้เศร้าใจ เช่น เพื่อนหรือญาติป่วย เราไม่มีความสุข ไม่ใช่กรรมของเรา เมื่อบ้านไฟไหม้ เรามักคิดว่าเป็นผลกรรมของเรา นี่คิดเรื่องราว ไม่ใช่จิต เจตสิก ขณะนี้เห็นเป็นผลของกรรม ... แต่สุขและทุกข์ที่เกิดจากเห็น ได้ยิน ... ไม่ใช่ผลของกรรม เมื่อได้ยินเรื่องไม่ดีทำให้ทุกข์ใจ ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เกิดคิดต่างๆ กัน อาจจะคิดถึงเรื่องดีและไม่ดี ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นกิเลสที่สะสมมาทำให้คิดต่างๆ กัน พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ไม่ทุกข์ใจ นอกจากทุกข์ทางกาย เมื่อเป็นทุกข์ จึงไม่ใช่ผลของกรรม เพราะผลของกรรม เป็นวิบากจิตที่เกิดสั้นมาก ขณะเห็น ได้ยิน ... ไม่มีกิเลสในขณะนั้น แต่กิเลสเกิดหลังจากปัญจทวาร เกิดทางมโนทวาร ปัญหาที่แท้จริงในชีวิต เกิดจากกิเลส ที่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ทำให้ติดข้อง ขุ่นเคือง เมื่อเห็น ได้ยิน ...
ถาม ฟังเรื่องสิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ เห็นเป็นผลของกรรม หลังจากเห็นไม่ใช่ผลของกรรม จะเข้าใจเหตุและผลอย่างไรจึงถูก?
ซาร่าห์ จิตเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสเป็นผลของกรรม ปฏิสนธิจิต ภวังค์ จุติเป็นผลของกรรม ไม่รู้อารมณ์ของโลกนี้ สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะก็เป็นวิบากจิต จะแสดงว่าวิบากจิตเกิดเพียงชั่วขณะและทำกิจต่างๆ กัน โลภะ โทสะไม่ใช่วิบากจิต นอกจากทุกข์ทางกาย เป็นวิบากจิตที่เกิดพร้อมทุกขเวทนา
ท่านอาจารย์ รู้จักจิตหรือยัง? จึงต้องเข้าใจขณะนี้ ไม่ว่าเป็นวิบาก หรือกุศล อกุศล เราเพียงพูดถึงสภาพธรรมที่ยังไม่ปรากฏ แม้ว่ามีจิตเจตสิกเกิดตลอดเวลา อย่าประมาท อยากที่จะรู้มากๆ แต่ไม่รู้เดี๋ยวนี้ เห็นเดี๋ยวนี้ รู้หรือยัง? เพราะยังเข้าใจ "ทีละคำ" ไม่พอ ถ้าเข้าใจแต่ละคำดีแล้ว จะทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้น "เห็น" เห็นอะไร? "เห็น" เกิดขึ้น เห็นอะไร? จึงต้องเข้าใจตรงลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ เช่น "เห็น" เห็นอะไร? ถ้าไม่เข้าใจ ละคลายอะไร? จึงต้องใช้เวลานานมากที่จะเข้าใจคำสอน ไม่ใช่จำคำ แต่ "รู้ลักษณะ"
คำสอนลึกซึ้งมาก จึงควรเข้าใจขันติบารมี และบารมีอื่นๆ สัจจบารมี อธิษฐานบารมี ฯลฯ ถ้าไม่เข้าใจ "เห็น" เดี๋ยวนี้ จะละคลายความเป็นตัวตนได้ไหม? ไม่ได้ นอกจาก "เห็น" ยังมีอะไรปรากฏในชีวิตอีก? ใครจะตอบบ้าง ว่า เห็นอะไร?
ตอบ รูป
ท่านอาจารย์ รูปอะไร?
ตอบ สิ่งที่ปรากฏให้เห็น
ท่านอาจารย์ ตอบตามหนังสือ!!! มหาภูตรูป 4 เกิดพร้อมกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ ถ้าไม่ค่อยเข้าใจขึ้น จะละคลายความเป็นเราได้ไหม? ขณะที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้า ถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ว่า ไม่ใช่เรา เป็นอนัตตา ก็ไม่สามารถละคลายความเป็นตัวตนได้ จะเห็นพระมหากรุณาของพระพุทธเจ้า อะไรจะทำลายคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ ถ้าไม่ใช่ความเข้าใจคำสอนผิด
ถาม เมื่อถามว่า "เห็น" เห็นอะไร? ตอบว่า เห็นสี แต่จริงๆ แล้ว เห็นดอกไม้
ท่านอาจารย์ พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เห็นรูปที่ปรากฏให้เห็น ที่เกิดดับตลอดเวลา ไม่มีใครที่นั่น!!! ทรงแสดงรูปนิมิต เวทนานิมิต สัญญานิมิต สังขารนิมิต วิญญาณนิมิต เพราะการเกิดดับซ้ำๆ กัน!!! นี่เตือนให้รู้ว่า ไม่รู้มากแค่ไหน? อยู่ในโลกของบัญญัติและอยู่ในความมืด และ "รู้" เมื่อได้ฟังคำสอน จึงมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ อาจหาญร่าเริงที่จะมีชีวิตปกติ ด้วยการศึกษาธรรมะ ใครจะรู้ว่าชีวิตจะยืนยาวแค่ไหน อาจจะเดี๋ยวนี้ก็เป็นชาติหน้าแล้ว พระดำรัสสุดท้าย อย่าประมาทในการศึกษาคำสอน "แต่ละคำ"
ถาม ประโยชน์ของการศึกษาเห็น เมื่อยังไม่รู้เห็น
ท่านอาจารย์ ถ้าฟังแค่ว่า "เห็น" ไม่ใช่เรา พอไหม?
ตอบ ไม่พอ
ท่านอาจารย์ บอกว่าเห็นเป็นวิบาก พอไหม?
ตอบ ไม่พอ
ท่านอาจารย์ จึงต้องศึกษาโดยละเอียด เพื่อเป็นสัจจญาณ มีศรัทธาในปัญญาไหม? "ปัญญา" สามารถสะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้น จนละคลายความไม่รู้ อวิชชาลดลงเมื่อปัญญาเจริญขึ้น แม้อวิชชาพยายามอย่างไร ก็ไม่สามารถรู้ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้
จอน ต้องฟังอย่างละเอียด สิ่งที่ฟัง สามารถเข้าใจได้ เป็นปัญญาขั้นฟัง แม้ยังไม่ประจักษ์แจ้ง ต้องฟังบ่อยๆ และพิจารณาบ่อยๆ และมีศรัทธาว่า "ปัญญา" เกิดจากการฟังคำสอนให้เข้าใจ
ซาร่าห์ ถ้าไม่มีรายละเอียด เราศึกษาพระสูตรตามความคิดของตน อย่างพูดถึงศีล เราอาจจะคิดว่าทำตามข้อห้ามตามศีล แต่ต้องเข้าใจละเอียดว่า กุศลจิต อกุศลจิตต่างกัน กุศลศีลเกิดจากการประพฤติของกุศลจิต สำหรับพระอรหันต์ เป็นอัพยากตศีล ถ้าไม่ฟัง และพิจารณาสิ่งที่กำลังปรากฏ ก็ไม่สามารถรู้ลักษณะได้ ชีวิตของทุกคนสั้น อาจตายเมื่อไรก็ได้ เป็นโอกาสที่ได้ฟังพระธรรมเดี๋ยวนี้
อยากเล่าเรื่องอาจารย์ไปเยี่ยมคนป่วยที่ตายไปแล้ว อาจารย์เตือนคนป่วยให้รู้ว่า ขณะนี้ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ตัวตน สิ่งที่เราคิดว่า "เป็นเรา" เป็นเพียง "ความคิด" คนป่วยเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง
ถาม จะเข้าใจอย่างไรว่า เห็นแต่ละครั้งมีหลายแสนขณะ
ท่านอาจารย์ ยังคงเป็นคุณว่าจะทำอย่างไร? ไม่มีใคร ไม่มีใครตาย มีแต่จิต เจตสิก รูปเกิดดับสืบต่อ จากชาตินี้เป็นชาติหน้า จุติจิตเกิดแล้วดับ ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดต่อทันที ไม่มีใครรู้ว่า กรรมใดทำให้เกิด มี "เห็น" เดี๋ยวนี้ไหม? เป็นผลของกรรมอะไร? ใครรู้? "ได้ยิน" เดี๋ยวนี้ เกิดจากกรรมอะไร? ไม่มีใครรู้ เช่นเดียวกับที่กำลังทำกรรมเดี๋ยวนี้ ใครจะรู้ว่า จะให้ผลเมื่อไร? ก่อนจะประจักษ์ว่า "เห็น" เป็นธรรมะ ต้องอาศัยเวลาฟัง พิจารณา จนกว่าจะเข้าใจ ทุกอย่างต้องอาศัยเหตุปัจจัย เมื่อฟังคำสอนของคนอื่น รู้ไหมว่า บ่ายหน้าจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เฉพาะในชาตินี้ แต่ในชาติต่อๆ ไปด้วย!!!
ถาม ชอบ ไม่ชอบ เกิดตลอดวัน เมื่อเห็น ได้ยิน แล้วพระโสดาบันเป็นพระอรหันต์ได้อย่างไร?
ซาร่าห์ ปุถุชนยังมีอาสวะตลอดเวลา พระโสดาบันดับความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน ความสงสัย และข้อปฏิบัติผิด แต่ยังมีโลภะ โทสะ พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่เข้าใจกรรมและผลของกรรมทุกอย่าง คนอื่นไม่สามารถ วิบากจิตเกิดขึ้นในชีวิต กรรมเป็นเหตุให้เกิดผลภายหลัง
ท่านอาจารย์ คิดถึงชีวิตของคนอื่น ไม่ใช่ชีวิตของตนเอง อะไรเป็นปัจจัยให้เป็นพระอรหันต์?
ตอบ เจริญมรรคมีองค์ 8 ทำให้ตรัสรู้
ท่านอาจารย์ อะไรเป็นปัจจัยทำให้คิดอย่างนั้น?
ตอบ โลภะและอวิชชา
ท่านอาจารย์ อะไรคือความแตกต่างระหว่างคฤหัสถ์ที่รู้แจ้ง กับไม่รู้
ตอบ ความเข้าใจ
ท่านอาจารย์ ความแตกต่างระหว่างโสดาบันกับ พระอรหันต์?
ตอบ ความเข้าใจต่างกัน
ท่านอาจารย์ ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับระดับปัญญาที่ต่างกัน
ถาม และขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ด้วยหรือไม่?
ท่านอาจารย์ พูดถึงความแตกต่างของคฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันกับไม่ใช่
ตอบ ปัญญาของปุถุชนกับพระโสดาบันต่างกัน
ท่านอาจารย์ พระโสดาบัน เข้าใจอะไร?
ตอบ พระโสดาบันเห็นถูกว่า ไม่ใช่ตัวตน
ท่านอาจารย์ ปัญญาเริ่มเจริญอย่างไร?
ตอบ เริ่มฟังคำสอน
ท่านอาจารย์ ปัญญารู้ไหมว่ากำลังเจริญ?
ตอบ รู้
ท่านอาจารย์ ปัญญารู้ทุกอย่าง แม้แต่ขั้นปริยัติ แม้ยังไม่มีศรัทธาพอที่จะรู้ความเป็นอนัตตาของธรรมะ โลภะกับความไม่รู้ก็กลับมาอีก ถ้าไม่สามารถประจักษ์สภาพธรรมเดี๋ยวนี้ได้ พระพุทธเจ้าจะสอนทำไม? มีแต่ปัญญาเท่านั้น ที่สะสมจากชาติหนึ่งสู่อีกชาติหนึ่ง ที่สามารถรู้ว่า "ไม่ใช่ตัวตน" สิ่งที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ติดข้อง ปัญญา สติเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครทำได้ นี่คือ การอบรมเจริญปัญญา ไม่เปลี่ยนไปจากที่ทรงสอน "อดทน" ที่จะฟังคำสอน ทำอย่างอื่น ฟังคำคนอื่น ไม่ใช่หนทาง!!!
จอน ความบริสุทธิ์ คือ อะไร? เป็นสภาพธรรมอะไร?
ตอบ ละคลายกิเลสและอาสวะ
ซาร่าห์ ต้องมีปัญญาไหม?
ตอบ แน่นอน
ท่านอาจารย์ โดยเหตุปัจจัย
ซาร่าห์ ปริยัติต้องรู้ทั่วถึงสภาพธรรมที่ทรงแสดง
ด.ช.นาม (อายุ ๑๑ ปี) ได้ร่วมสนทนาธรรมหลายวัน ได้รู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ช่วยอธิบายปฏิจจสมุปบาท
ท่านอาจารย์ ถ้ายังไม่เข้าใจลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ จะรู้ได้ไหม?
ตอบ ไม่ได้
ท่านอาจารย์ ปฏิจจสมุปบาทเป็นเรื่องของสภาพธรรม ถ้ายังไม่เข้าใจสภาพธรรม ก็เข้าใจปฏิจจสมุปบาทไม่ได้
ตอบ มีเห็น ได้ยิน
ท่านอาจารย์ เป็นสภาพธรรมอะไร? มีจริงไหม? จริง เกิดร่วมกับอะไร?
ตอบ ไม่รู้
ท่านอาจารย์ ทุกอย่างเกิดตามลำพังไม่ได้ ต้องเกิดเพราะเหตุปัจจัย
ตอบ เห็นพร้อมกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็น จักขุปสาทเป็นรูปที่ไม่รู้อะไรเลย จักขุวิญญาณสามารถเห็นได้
ท่านอาจารย์ รู้ได้ไหม? ไม่ได้!!! ง่ายที่จะอ่าน แต่ยากที่จะรู้ได้!!! เช่น สิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้ คือ อะไร? ไม่ใช่ "คำ" เป็นรูป เป็นคำ เราไม่ได้ศึกษา "คำ" แต่ศึกษา "ลักษณะ"
(ภาพโดย คุณปริญญา สีดาโสม)
รูป คือ อะไร?
ตอบ รูปไม่รู้อะไร
ท่านอาจารย์ มีกี่ชนิด?
ตอบ 28
ท่านอาจารย์ รูปไหนที่สามารถเห็นได้? คือ สิ่งที่สามารถเห็นได้ สภาพธรรมทุกอย่างสามารถเห็นได้ไหม? ไม่ได้ แน่ใจไหมว่า เป็นขณะนี้!! เมื่อเข้าใจจากการอ่าน ยังไม่ใช่ขณะเดี๋ยวนี้!!!
สนทนาธรรมที่ดาลัด บ่ายวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘
.........
ท่านอาจารย์ นานแค่ไหนที่จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่คน
ตอบ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน
ท่านอาจารย์ เหมือนขณะนี้ สั้นแค่ไหนที่รู้ว่า "เห็น" เป็น "เห็น" ทั้งๆ ที่กำลังพูดถึงเห็น ก็ยังไม่รู้ ใครจะพูดได้ว่ามีสติขณะเห็น มีสติได้ไหมขณะเห็น?
ตอบ ได้
ท่านอาจารย์ เมื่อไร?
ตอบ เมื่อเข้าใจถูก
ท่านอาจารย์ ขณะนี้เข้าใจถูก มีสติไหม? ไม่มี เพราะอะไร? เพราะยังเข้าใจไม่พอ สัมมาสติไม่ได้เกิดเพราะความพยายาม แต่เพราะเข้าใจเพิ่มขึ้น ทีละเล็ก ทีละน้อย ขณะนี้เข้าใจเพิ่มขึ้นไหม? เพิ่ม เพราะ "ฟัง" และ ปัญญาเจตสิก ทำกิจของปัญญา ไม่ใช่ใครทำ!!! สภาพธรรมเกิดขึ้นทำกิจแต่ละอย่าง จึงไม่มีใคร มีศรัทธาเพิ่มขึ้นไหมในการฟัง? มี จึงฟังและพิจารณา "ทีละคำ"
ท่านอาจารย์เดินกางร่มลงมาจากบ้านพักบนเนินเขา ท่ามกลางสายฝนและอากาศที่หนาวเย็น ระยะทางร่วมหนึ่ง ก.ม.โดยไม่มีผู้ติดตาม ไม่มีใครทราบว่าท่านจะมาก่อนเวลามากพอควร เพื่อสนทนาธรรมต่อในภาคบ่ายสามโมง ถึง ห้าโมงเย็น เป็นภาพที่ประทับใจมากครับ
ท่านอาจารย์ ปฏิจจสมุปบาท คือ อะไร? มิฉะนั้น จะสนใจสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ ว่าคืออะไร?
นาม จากการอ่าน ปฏิจจสมุปบาท คือ อวิชชาเป็นปัจจัยแก่สังขาร. เป็นปัจจัยของวิญญาณ...
ท่านอาจารย์ รู้ชื่อ หรือรู้อะไร? ขณะนี้สามารถเป็นกุศล อกุศล โดยไม่มีอวิชชาได้ไหม? ไม่ได้ ใครคิด? อวิชชาอยู่ที่นั่น เมื่อยังมีอวิชชา ยังติดข้อง ก็ยังมีสังขาร
ซาร่าห์ ถ้ายังดับอวิชชาไม่ได้ ก็ยังคงมีกุศล อกุศล เป็นเหตุให้รับผลของกุศล อกุศล และทำกรรมต่อไป ถ้าไม่มีอวิชชาก็ดับเหตุทั้งหมด ไม่ทำให้เกิดอีก เป็นพระอรหันต์ การรู้อวิชชาในขณะนี้ยากมาก ลึกมาก เราศึกษาเรื่องวัฏฏะ 3 รอบ กิเลส กรรม วิบาก เมื่อยังมีกิเลสเป็นเหตุให้ทำกรรม และให้ผลเป็นวิบาก ทำให้เห็น ได้ยิน ... เกิดกิเลสต่อไป วนเวียนเช่นนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด เมื่อยังมีอวิชชา ปฏิจจ คือ สภาพธรรมที่กล่าวถึงแล้ว อวิชชาเดี๋ยวนี้ เป็นเหตุให้ทำกรรมทั้งกุศล อกุศล และ กรรมที่ทำแล้วเป็นเหตุให้เกิดผล (กุศลวิบากและอกุศลวิบาก) ถ้ารู้เห็น เดี๋ยวนี้ ได้ยิน เป็นเหตุให้สังสาระสั้นลง ถ้าไม่เข้าใจรายละเอียดของผัสสเจตสิก เวทนาเจตสิกที่เกิดพร้อมจิต จึงต้องเริ่มศึกษาปริยัติอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้สับสน เช่น สังขารเป็นปัจจัยแก่วิญญาณอย่างไร เพราะบุญและบาปทำให้เกิดปฏิสนธิจิต ... รูปอะไรที่เกิดจากกรรม 9 รูป ประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย เพศ (อิตถีภาวรูปและปุริสภาวรูป) ชีวิตินทรีย์ หทยะ ศึกษาความละเอียดเพื่อเห็นความเป็นอนัตตา เมื่อรู้ว่า "เห็น" เป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรมที่ทำแล้ว ก็รู้ว่าไม่มีใครทำได้ เป็นอนัตตา จึงต้องศึกษาแต่ละคำให้ละเอียด จนเป็นสัจจญาณ วิญญาณในขันธ์ 5 หมายถึงจิตทุกชนิด แต่วิญญาณในปฏิจจสมุปบาท หมายเฉพาะปฏิสนธิจิต
ถาม ช่วยอธิบาย ชาติ ชรา มรณะ
จอน หมายถึง สภาพธรรมทั้งหมด
ซาร่าห์ ถ้าในปฏิจจสมุปบาท หมายถึงกรรมทำให้เกิดแล้วแก่ ตาย ชาติ หมายถึงเกิดในอนาคต
ท่านอาจารย์ ขณะนี้ไม่ใช่ธรรมหรือ?
ตอบ ทั้งหมดเป็นเป็นธรรมะ แต่อยากรู้ในปฏิจจสมุปบาท เพราะหลายคนเข้าใจผิด
ท่านอาจารย์ ชาติ หมายถึงสภาพธรรมอะไร? ถ้าไม่มีสภาพธรรมใดเกิดเลย จะมีชาติไหม?
ตอบ ไม่มี แต่อยากเข้าใจมากขึ้นในปฏิจจสมุปบาท
ท่านอาจารย์ ถ้ายังไม่เข้าใจสภาพธรรม ก็ไม่สามารถเข้าใจปฏิจจสมุปบาท ได้
ตอบ ถามเรื่องปฏิสนธิจิต จุติจิต ซึ่งเกิดแล้วดับไป
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรม แล้วจะเข้าใจชาติ ชรา มรณะได้ไหม? ถ้าไม่มีสภาพธรรมเกิด ก็ไม่มีชาติ ชรา มรณะ เราคิดว่า เกิดเป็นคนนั้นคนนี้ แก่เป็นคนนั้นคนนี้ เมื่อพ้นความเป็นบุคคลนี้โดยจุติจิตเกิด เราเรียกว่าตาย
ถาม สนใจเรื่องการวนของปฏิจจสมุปบาท
ท่านอาจารย์ ควรพูดทีละคำ "ตาย" คือ อะไร?
ตอบ จุติจิต
ท่านอาจารย์ มีตาย 3 อย่าง คือ ขณิกมรณะ ตายทีละขณะ (เห็น แล้วดับ,ได้ยิน แล้วดับ) , สมมติมรณะ ตายจากความเป็นบุคคลนี้, สมุจเฉทมรณะ การปรินิพพานของ พระอรหันต์ ไม่ได้มีแต่ชาตินี้ แต่มีหลายชาติ แต่ละชาติมีอวิชชา เดี๋ยวนี้ไม่รู้อะไร ถ้าไม่เข้าใจอวิชชาเดี๋ยวนี้ จะละคลายอวิชชาได้ไหม? เข้าใจมากขึ้น อวิชชาก็ค่อยๆ ลดลง อวิชชาในปฏิจจสมุปบาทเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร ขณะนี้ก็มีอวิชชา ไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้!!!
ตอบ เดี๋ยวนี้เห็นอาจารย์ คิดว่าเป็นอวิชชา
ท่านอาจารย์ ไม่รู้ก็เกิดแล้วดับไป สะสมเป็นปัจจัยให้เกิดต่อไป สังขาร คือ กุศลกรรมและอกุศลกรรม ใครจะรู้ว่า กรรมใดจะเป็นปัจจัยให้เกิดในชาติต่อไป โดยยังคงมีอวิชชาต่อไป ทำอย่างไรจะกำจัดอวิชชาได้? พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม ไม่อย่างนั้นสภาพธรรมทั้งหลายก็เกิดดับสืบต่อไม่สิ้นสุด ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมก็ยังไม่รู้เรื่องเกิด ตาย ถ้าไม่เข้าใจก็ยังมีสมมติมรณะ แต่จริงๆ ตายทุกขณะ จิตทุกขณะเกิดแล้วดับ ชาติ มรณะ มีจิตเกิดตายตลอดเวลา แต่ทุกคนเข้าใจว่า เมื่อตายแล้ว ร่างกายก็ไม่ใช่เรา แต่ก่อนตายร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา ก่อนตายรักร่างกายมาก ติดข้องในกายของตน เมื่อไม่มีจิตแล้ว ใครอยากได้ร่างกายนี้!!! ก่อนตายควรเข้าใจเรื่องร่างกายนี้ รวมทั้งจิต เจตสิก ทุกสิ่งเกิดแล้วต้องดับ ไม่กลับมาเกิดอีกเลย ถ้านิพพานแล้ว ไม่ต้องเกิดดับอีก นั่นคือ ปฏิจจสมุปบาทอย่างย่อ ปฏิสนธิจิตเกิดเพียง 1 ขณะ แล้วก็ดับไป เมื่อยังมีอวิชชาก็ยังมีปัจจัยให้เกิดอีก เห็นเดี๋ยวนี้เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีใครทำได้ ถ้ายังไม่มีความเข้าใจพอที่จะดับอวิชชา จิตก็ยังต้องเกิด ไม่ว่าจิตใด จิตเห็น ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต หรือจุติจิต
จอน ปฏิสนธิเกิดแล้วดับทันที
ท่านอาจารย์ แต่เป็นขณิกมรณะ
จอน การดับไปของปฏิสนธิจิต เป็นปัจจัยให้จิตอื่นเกิดต่อ ตามกรรมที่ทำให้เกิด จนกว่าจะถึงจุติจิต
ถาม ปฏิสนธิจิตกับจิตอื่นๆ ในชาตินั้น สัมพันธ์กันอย่างไร?
ซาร่าห์ กรรมที่ทำก่อนปฏิสนธิ สามารถเป็นปัจจัยให้เกิดได้ และเป็นกรรมเดียวกับที่ทำให้ภวังคจิตและจุติจิตเกิด ไม่มีใครรู้ว่า กุศลกรรมหรืออกุศลกรรมใดทำให้เห็น ได้ยิน ในชาตินี้ วิบากจิต จึงขึ้นกับกรรมที่ทำแล้ว เห็นเพียง 1 ขณะที่สั้นมาก แต่มีรูปร่างสัณฐานเรื่องราวให้คิดและติดข้องมากมาย ลืมทั้งหมดว่า เห็นเป็นธรรมะ ที่เหลือเป็นคิดเรื่องราวของสิ่งที่เห็น จึงสะสมความไม่รู้ต่อไปไม่สิ้นสุด
จอน ปฏิสนธิจิตในชาติเดียวกันมีอารมณ์เดียวกับภวังค์และจุติ มรรคจิตเกิดแล้วให้ผลทันที ไม่มีระหว่างคั่น ไม่เหมือนกุศลจิตและอกุศลจิตที่ให้ผลภายหลัง
ท่านอาจารย์ อยากให้พูด "ทีละคำ" ให้เข้าใจ ไม่ใช่เป็นเรื่องราวมากมาย จนไม่สามารถเข้าใจโดยละเอียดได้
ซาร่าห์ ปฏิสนธิหรือเกิด เกิดแต่ละขณะ แล้วดับทันที วันก่อนพูดถึงติดข้องในรูป เสียง ... ตลอดวัน แต่จริงๆ ติดข้องเกิด 1 ขณะสั้นๆ แล้วดับไปทันที แล้วมีเห็น ได้ยิน ไม่ได้ติดข้องตลอดเวลา จึงต้องเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เดี๋ยวนี้ ตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์ จิตเกิดตลอดเวลา ใช่ไหม? แต่ทำไมจิตหนึ่ง จึงเป็นปฏิสนธิจิต ทำไมจิตอื่นจึงไม่เป็น? เพราะในบาลี ปฏิสนธิ คือ เฉพาะ สันตติ สืบต่อ ปฏิสนธิ คือ เกิดต่อจากจุติจิต เป็นวิบากจิตที่เกิดเพราะ เหตุปัจจัย "เห็น" ... เป็นวิบาก เพราะอะไร? เมื่อถึงเวลาที่กรรมให้ผลทำให้เห็น ไม่มีใครทำได้ เช่นเดียวกับ "ได้ยิน" เมื่อถึงเวลาที่กรรมหนึ่งให้ผลทำให้เกิด จิตนั้นก็เกิดสืบต่อทันที ไม่ใช่ใคร เป็นธรรมะ!!! ทั้งหมด ขึ้นกับกรรมนั้น กรรมอยู่ที่ไหน? กุศลและอกุศลเกิดแล้วดับไป ไม่เหลือเลย กรรมอยู่ที่ไหน? สะสมเป็นอนุสัยในจิตขณะต่อไป ทำให้มีอุปนิสัยต่างๆ กัน และ เป็นผลทำให้เกิดในภูมิต่างๆ กัน และ สามารถเป็นปัจจัยให้จิตที่เป็นผลของกรรมที่ทำแล้วเกิดขึ้นได้ บางครั้งเห็นดี บางครั้งไม่ดี แตกต่างกัน เพราะเป็นผลของกรรม ไม่ใช่ใคร เลือกเวลาตายได้ไหม? ไม่ได้ เลือกเห็น .. ได้ไหม ไม่ได้ นี่เป็นปฏิจจสมุปบาทใช่ไหม? จึงไม่ใช่พยายามเข้าใจปฏิจจสมุปบาท โดยไม่เข้าใจสภาพธรรมที่ทรงแสดง ขณะนี้เป็นสังขารขันธ์ ใครสามารถเข้าใจจิตและเจตสิก ที่เกิดขึ้นทำกิจต่างๆ กัน แล้วดับไปในชาตินี้ เป็นเหตุให้เกิดในชาติต่อๆ ไป
ถาม พูดถึงนรก เราเป็นมนุษย์ แต่ก็ยังเจ็บปวด
ท่านอาจารย์ เจ็บคือเจ็บ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ซาร่าห์ เมื่อเกิดในโลกมนุษย์นี้ มี 3 กลาป เกิดพร้อมปฏิสนธิจิต ภาวะรูป กายปสาท หทยวัตถุ ในสวรรค์ นรก ผุดเกิดทันที มีเห็น ได้ยินทันที ได้รับผลของกรรมผ่านปสาททันที ในรูปพรหมเป็นผลของรูปฌาน ในอรูปพรหมไม่เจ็บปวดทางกาย
ถาม ในพระสูตรกล่าวถึงพรหมเฝ้าพระพุทธเจ้า ใช้ปสาทไหน?
ซาร่าห์ รูปพรหมมีตา หู
ถาม อธิบายโพชฌงค์ 7 องค์ของการตรัสรู้
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมเดี๋ยวนี้ตามความเป็นจริง ก็ไม่สามารถตรัสรู้ได้ เพราะเป็นระดับปัญญาขั้นสูงขึ้นไป (ถ้ายังไม่รู้จัก ก ไก่ ตอนนี้ ก็ไม่ต้องถามถึงเรื่องอ่านหนังสือรู้เรื่องทั้งเล่ม -ผู้แปล)
พระ เมื่อศึกษาแล้ว สรุปว่า ขบวนการทั้งหมดเป็นเหตุและผล เช่น ปฏิจจสมุปบาท อวิชชาเป็นเหตุ วิญญาณเป็นผล ... คิดว่า ไม่ใช่เฉพาะเพียง 1 ขณะ แต่มีจิตมากมาย เจตสิกมากมาย นิพพานไม่เกิดเพราะ เหตุปัจจัย
จอน สภาพธรรมหนึ่งเป็นปัจจัยให้สภาพธรรมอื่นเกิด มีหลายปัจจัยที่เป็นเหตุให้เกิด ไม่เฉพาะเหตุและผลเท่านั้น ที่ใช้อธิบายธรรมะ ปัญญาระดับต่างๆ นำไปสู่การประจักษ์แจ้ง ปัญญาที่ระลึกชาติได้ยังไม่พอที่จะดับกิเลส ต้องศึกษาธรรมะต่อไป ไม่ใช่เหตุปัจจัยอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมาก
ถาม เมื่อศึกษา มีปัญญาหลายระดับ เมื่อรู้ว่าผัสสะ เวทนาเป็นเหตุให้ติดข้อง มีลักษณะ สภาพธรรมเกิดปรากฏมากมาย ทำอย่างไรจะรู้ทีละหนึ่ง
ท่านอาจารย์ อวิชชาปิดบังทุกอย่าง
พระ จากการสอนของอาจารย์ ละเอียดทุกสภาพธรรม พูดถึงจิต เจตสิกมากมาย ต้องระลึกรู้อะไร?
ท่านอาจารย์ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้!!!
ขอเชิญชมคลิปวีดีโอการสนทนาธรรมบางตอนของวันนี้ จำนวน ๑๖ คลิป ได้ที่ด้านล่างนี้ครับ
....ณ กาลครั้งหนึ่ง...
ที่
K'Lan Eco Resort ดาลัด เวียดนาม
๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง) สำหรับข้อความการสนทนาธรรม ที่ถอดความสดขณะฟัง มาให้ประกอบเรื่อง ครับ
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ท่านสามารถคลิกอ่านกระทู้ทั้งหมดในครั้งนี้ ตามลิงก์แต่ละหัวข้อด้านล่าง :
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๒]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๓]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง (สด) จากประเทศเวียดนาม ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๔]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๕ ดาลัด]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๖ ดาลัด]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๗ ดาลัด]
- ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘
- อันเนื่องมาจากการเดินทางไปเยี่ยมไข้ผู้ป่วยหนักชาวเวียดนาม ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
- ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เดินทางไปร่วมในพิธีศพสมาชิกชมรมบ้านธัมมะเวียดนาม
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๘ ดาลัด-ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๙ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๐ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๑ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๒ ญาจาง]
- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศเวียดนาม ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ [วันที่ ๑๓ ญาจาง พักผ่อนและสนทนาธรรมก่อนกลับ]
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. กาญจนา (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง)
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่วันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของสมาชิกชมรม บ้านธัมมะเวียดนาม ทุกท่าน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนา พี่แดง (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง)
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณวันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของชมรมบ้านธัมมะ เวียดนาม
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณพี่วันชัย และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ