ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๓
โดย khampan.a  5 ก.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 32012

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๓ * *

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้แล้ว รู้เพียงผู้เดียวไม่พอกับผู้ที่มีความเมตตาคนอื่นที่เห็นประโยชน์ที่ว่าคนอื่นควรที่จะได้รู้ความจริงนี้ด้วย จึงทรงมีพระมหากรุณายิ่งใหญ่กว่าใครทั้งหมด เพราะสิ่งที่ตรัสรู้นั้นยากยิ่งที่จะรู้ได้ แต่ว่าสามารถจะรู้ได้เมื่อพระองค์ตรัสคำที่แสดงถึงความจริงของสิ่งนั้นจนกระทั่งเขาสามารถเข้าใจขึ้น ไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา แสดงความลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ตรัสรู้แล้ว เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีใครรู้เลย จนกว่า (ผู้นั้น) จะได้ฟังพระธรรม


~ พระภิกษุจะต้องบริสุทธิ์จริงๆ มิฉะนั้นแล้ว จะเป็นพระภิกษุทำไม เป็นคฤหัสถ์ก็ได้ ศึกษาธรรมได้เข้าใจธรรมได้ อบรมเจริญปัญญาได้ทำไมจึงต้องเป็นพระภิกษุ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่มีความประพฤติขัดเกลายิ่งกว่าคฤหัสถ์
~ ถ้าไม่เห็นโทษ (อกุศล) โทษ ก็เจริญ (คือเกิดมากขึ้น เพิ่มขึ้น) แต่ถ้าเห็นโทษแล้ว โทษจะเจริญได้ไหม เพราะได้เห็นแล้ว
~ ผู้ที่เป็นภิกษุ เห็นโทษของการล่วงศีลและเห็นโทษของการไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย จึงสามารถดำรงเพศภิกษุได้
~ ล้อเล่นเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล (เป็นอกุศล) สำหรับคฤหัสถ์ก็มีโทษใช่ไหม? เพราะอกุศล ไม่ว่าจะสำหรับบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ก็ต้องเป็นอกุศล ในทางตรงกันข้าม กุศล ไม่ว่าจะสำหรับใคร ก็ต้องเป็นกุศล ด้วยเหตุนี้ กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล
~ ภิกษุ ต้องไม่ลืม ตั้งแต่ตื่นจนหลับ เราไม่ใช่คฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น จะทำอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้เลย ล้อเล่น ก็ไม่ได้แล้ว ผิดแล้ว ผิดจากสัจจะความจริง ความตรงที่ปฏิญาณไว้ ในเมื่อคนอื่นเขาไม่ได้บอกคนอื่นว่าเขาจะไม่ทำ แต่นี่ปฏิญาณว่าจะรักษาพระวินัย จะประพฤติตามสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ถ้าใครไม่ประพฤติ จะบวชหรือ? ใครก็ตามที่บวช หมายความว่า ผู้นั้นต้องยอมรับที่จะประพฤติตามพระธรรมวินัย
~ ถ้าไม่มีปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง ก็ต้องเป็นไปตามความไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ ธรรมที่จะช่วยให้พ้นจากอกุศล ก็มีอย่างเดียวคือปัญญาซึ่งเกิดจากการฟังพระธรรมแล้วเข้าใจก็จะสามารถที่จะรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควรแล้วก็ไม่เป็นไปตามสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่คนที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะไม่รู้หรือว่ารู้ว่าไม่ถูกก็ยังทำ ก็ตามกำลังของกิเลสและให้โทษไหมล่ะทำสิ่งที่ไม่ดี ทั้งๆ ที่รู้? เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของความตรงและความจริงใจ และประโยชน์สูงสุดก็คือว่าปัญญาจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
~ คนที่ไม่เข้าใจธรรม มีมาก และคนที่เข้าใจธรรมผิด ก็มีมาก หนทางเดียวที่เป็นผู้ที่หวังดีต่อคนที่ไม่เข้าใจธรรมหรือเข้าใจธรรมผิด ก็คือ มีความเป็นมิตรที่จะให้สิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่ได้ศึกษาแล้ว ถูกต้อง ก็ควรที่จะให้คนอื่นได้รับฟังด้วย
~ ถ้ามีความเข้าใจในความเป็นธรรม ค่อยๆ (เข้าใจว่า) เป็นธรรมขึ้น ก็เห็นโทษของอกุศล เพราะว่าอกุศลทั้งหลายมาจากการที่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม แต่เข้าใจผิดว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้น ถ้าใครก็ตามมีความเข้าใจ มีปัญญาเกิดขึ้น เห็นความไม่ใช่เรายิ่งขึ้น ปัญญานั้นก็นำไปสู่กุศลทั้งปวง
~ การได้เข้าใจธรรม ไม่เสียประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่มีความเสียหายใดๆ เพราะว่า เป็นความจริง และเมื่อเป็นความจริง คือ ปัญญา เห็นความถูกต้อง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั้นเอง ก็จะรู้ว่า ควรจะอบรมเจริญสิ่งใดให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้ว ความดีทั้งหลายก็เจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลาย ก็ลดน้อยลงจนไม่เหลือได้
~ การที่แต่ละคนเข้าใจธรรม เป็นทางเดียวที่จะดำรงคำสอนของพระพุทธศาสนาไว้ได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมเลย แล้วจะกล่าวว่า จะรักษาพระพุทธศาสนา จะรักษาอย่างไร? เพราะเหตุว่า ใครก็ตามที่เข้าใจพระธรรม พระศาสนาดำรงอยู่ เพราะยังมีผู้ที่เข้าใจ แต่เมื่อใดที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ พระศาสนาดำรงอยู่ได้ไหม? พระศาสนาก็อันตรธาน (หาย) ไปจากคนที่ไม่เข้าใจ แต่ละคนๆ จนไม่เหลือ
~ สิ่งอื่นใดก็ไม่มีค่าเท่ากับความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะเหตุว่าทุกคนต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน อาจจะเป็นเดี๋ยวนี้ก็ได้ เย็นนี้ก็ได้ แต่สิ่งที่มี คือ มีความเข้าใจถูก จะค่อยๆ สะสมสืบต่อไป ก็มีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังอีก เพราะเหตุว่า คนที่ไม่มีโอกาสได้ฟัง มีมาก แต่คนที่มีโอกาสได้ฟัง มีน้อย ตามการสะสม
~ การฟังพระธรรมเป็นหนทางที่จะทำให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรา มั่นคงขึ้น มั่นคงในการฟัง และรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งใดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะปัญญา รู้ ไม่ใช่เรารู้ ถ้าอวิชชา (ความไม่รู้) ก็เห็นผิดเป็นถูก แต่ถ้าเป็นปัญญา ก็เห็นถูกตรงตามความเป็นจริง ว่า ผิดก็ต้องผิด ถูกก็ต้องถูก แล้วก็ไม่ใช่เราด้วย
~ ธรรมคืออะไร (ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ) ถ้าเราไม่ศึกษา เราก็ทำตามกันไป หลงคิดว่าเราเข้าใจธรรมแล้ว แต่ว่าเพราะได้ตระหนักว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ไม่มีใครที่จะมีปัญญาเปรียบปานได้ เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ ต้องละเอียดลึกซึ้ง การศึกษา ต้องศึกษาด้วยความละเอียดจริงๆ ทุกคำ จึงสามารถที่จะทำให้มีพระองค์เป็นที่พึ่งได้
~ ต้องเป็นคนที่อาจหาญ เกิดมาแล้วต้องตายทุกคน ก่อนตาย ก็ทำดี และทำดี ต้องเข้าใจธรรมด้วย เพราะถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็ดีได้เฉพาะเพียงส่วนที่สะสมมา แต่ว่าถ้าดีเพราะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น ความดีนั้นก็เพิ่มขึ้น มากขึ้น ไม่เห็นจะต้องกลัวตายเลย เพราะถึงอย่างไร ก็ต้องตายกันทุกคน วันนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ตายที่ไหนก็ได้
~ ถ้ามีความเข้าใจความจริงอย่างถูกต้อง ก็จะรู้ว่า ความไม่รู้เป็นเหตุนำมาซึ่งกิเลสซึ่งเป็นความไม่ดีงามทั้งหมด ความทุจริตทั้งหมด ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทั้งในการทำหน้าที่การงาน เรื่องครอบครัว ทุกอย่าง เป็นเพราะเหตุว่าไม่รู้ความจริง ว่า ถูกคืออะไร ผิดคืออะไร และธรรมคืออะไร
~ เกิดคนเดียว ตายคนเดียว จะเป็นคนนี้ได้เพียงชาตินี้ชาติเดียว เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะทำความดี โอกาสที่จะเข้าใจธรรม ซึ่งเป็นหนทางที่จะแก้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ ควรที่จะต้องเร่งรีบทำ เพราะมิฉะนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้ แต่ละคนเริ่มที่ตนเองแล้วต่อไปทั้งหมดก็จะมีกำลังขึ้น
~ ถ้าสามารถจะทำให้คนอื่นได้เข้าใจว่าอะไรผิด อะไรถูก เป็นประโยชน์ไหม มีเมตตาไหม ไม่ใช่เห็นแก่ตัว แต่รู้ว่าคนอีกมากที่ไม่ได้เข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง พระวินัย พระสูตร ก็ไม่ได้ศึกษาเลย เพราะฉะนั้น พระธรรมยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง ถ้ามีความเมตตา มีความหวังดี มีความเป็นเพื่อนกับคนที่เห็นผิด ก็ต้องพูด ต้องเปิดเผยพระธรรมวินัย ให้เขาได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ ที่พึ่งจริงๆ ก็คือปัญญา ความเห็นถูก ซึ่งเมื่อขณะใดเกิดขึ้น ขณะนั้นไม่มีอกุศลใดๆ เกิดได้เลย และถ้ามีปัญญามาก อกุศลที่สะสมมาทั้งหมดก็สามารถที่ดับไม่เกิดอีกเลย ดีหรือเปล่า พึ่งได้หรือเปล่า หรือจะพึ่งอกุศล? เป็นไปไม่ได้เลย (เพราะ) อกุศลไม่ใช่ที่พึ่ง
~ เมื่อพุทธบริษัทไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจพระธรรม จึงประพฤติเป็นไปในทางที่ไม่ชอบ ในทางทุจริตต่างๆ หนทางเดียวที่จะแก้วิกฤต ก็คือว่าเริ่มเข้าใจประโยชน์และเห็นคุณค่าของพระรัตนตรัย ว่า ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมให้เข้าใจ จะมีประโยชน์อะไรต่อการที่จะเพียงกราบไหว้ด้วยความไม่รู้แล้วก็ทำสิ่งต่างๆ ที่ผิดมากมายทั่วประเทศ
~ ชีวิตทั้งหมดที่เกิดมา ค่า อยู่ที่เข้าใจธรรม เพราะว่าเกิดมามีแต่ โลภะ
(ความติดข้อง) โทสะ (ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ) และ กิเลสต่างๆ เหมือนเกิดมาเพื่อเก็บขยะจริงๆ อกุศลทั้งหลายเหมือนขยะ เหมือนเชื้อโรค ก็เก็บไปพอกพูนมากขึ้น แต่ขณะใดก็ตาม ที่เป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูก ขณะนั้น มีค่าที่สุดในชีวิต

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๖๒


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย Dusita  วันที่ 5 ก.ค. 2563

กราบ อนุโมทนา ค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย talaykwang  วันที่ 5 ก.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 5 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย Nattaya40  วันที่ 5 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ กราบขอบพระคุณยิ่งค่ะที่เมตตา สาธุค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย Thanapolb  วันที่ 6 ก.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลวิริยของอาจารย์คำปั่น


ความคิดเห็น 6    โดย jaturong  วันที่ 7 ก.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย เจียมจิต  วันที่ 13 ก.ย. 2563

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย มังกรทอง  วันที่ 10 พ.ย. 2564

การได้เข้าใจธรรม ไม่เสียประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่มีความเสียหายใดๆ เพราะว่า เป็นความจริง และเมื่อเป็นความจริง คือ ปัญญา เห็นความถูกต้อง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั้นเอง ก็จะรู้ว่า ควรจะอบรมเจริญสิ่งใดให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้ว ความดีทั้งหลายก็เจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลาย ก็ลดน้อยลงจนไม่เหลือได้ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ