ในสังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สมุททวรรคที่ ๓
อุทายีสูตร
มีข้อความว่า
[๓๐๐] “ดูกร ท่านพระอุทายี ภิกษุจะพิจารณาหาตัวตนหรือสิ่งที่เป็นตัวตนในผัสสายตนะ ๖ ไม่ได้”
ในผัสสายตนะ ๖ ไม่ได้มีท่าทางอะไรเลย ตาเป็นอายตนะหนึ่ง รูปายตนะเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ ถ้าตราบใดที่ยังเห็นเป็นคนกำลังนั่ง ขณะนั้นจะกล่าวว่าไม่ใช่ตัวตนก็เป็นแต่เพียงความคิดนึกเอาเองว่าไม่ใช่ตัวตนแต่ไม่ประจักษ์ว่าไม่ใช่ตัวตนจริงๆ
ปัญญาจะต้องรู้ว่าขณะที่เห็นนั้น เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น หลังจากนั้นจึงตรึกหรือจำสัณฐานของสิ่งที่ปรากฏแล้วจึงรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นอะไร แม้ขณะนั้นก็เป็นนามธรรมที่รู้ ที่จำ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ทางหูซึ่งได้ยินนั้น ก็ไม่มีความทรงจำเหลือค้างอยู่จากทางตาว่ากำลังเห็นคนนั่งคุยกันหรือกำลังพูด เพราะขณะนั้นสติระลึกรู้ลักษณะของสภาพที่ได้ยิน ซึ่งเป็นธาตุรู้เสียงเท่านั้นแล้วหลังจากนั้นจิตจึงคิดนึกคำหรือเรื่องตามเสียงต่ำ-เสียงสูงที่ได้ยิน
ปัญญารู้ว่าขณะที่รู้คำนั้นก็เป็นนามธรรมชนิดหนึ่งที่รู้คำ เมื่อรู้สภาพธรรมทั้งหลายเป็นนามธรรมและรูปธรรมแต่ละลักษณะ ความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมเป็นตัวตนจึงละคลายลงและความทรงจำที่ยึดถือรูปรวมกันเป็นท่าทางจึงจะหมดไป
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ