เรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้ครับ
1. การสังคายนาพระไตรปิฎก กระทำมาทั้งหมดกี่ครั้งแล้วครับ
2. ทำไมต้องสังคายนาพระไตรปิฎกด้วยครับ ทั้งๆ ที่ ครั้งแรก พระมหากัสสปะเถระ เป็นผู้กระทำสังคายนา ร่วมกับพระอรหันต์ทั้งหลาย พระไตรปิฏกจึงน่าครบถ้วนแล้ว จึงไม่น่าจะสังคายนาแล้ว
3. การสังคายนาแต่ละครั้งมีการเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิมหรือไม่อย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-คำว่า สังคายนา หมายถึง การรวบรวม การเรียบเรียง กล่าวให้ตรงกัน เป็นแบบเดียวกันซึ่งพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ เพื่อให้พระธรรมเหล่านั้นเป็นหมวดหมู่ และเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ อย่างนี้ ที่นอกจากนี้ ไม่ใช่พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังคำกล่าวของท่านพระมหากัสสปเถระ ตอนปรารภการทำสังคายนาครั้งแรก ใน [เล่มที่ 9] พระวินัยปิฎก จุลวรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๐๙ ว่า
"เอาเถิด ท่านทั้งหลาย พวกเราจงสังคายนาพระธรรมและพระวินัยเถิด ในภายหน้าสภาวะมิใช่ธรรม จักรุ่งเรือง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาวะมิใช่วินัยจักรุ่งเรื่อง วินัยจักเสื่อมถอย ภายหน้า อธรรมวาทีบุคคลจะมีกำลัง ธรรมวาทีบุคคลจักเสื่อม อวินยวาทีบุคคลจักมีกำลัง วินัยวาทีบุคคลจักเสื่อมกำลัง"
การทำสังคายนาพระธรรมวินัยที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา เป็นที่รับรองโดยทั่วกันจะปรากฏอยู่ ๓ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานประมาณ ๓ เดือน ท่านพระมหากัสสปเถระ เป็นประธานพร้อมด้วยพระอรหันต์ ๔๙๙ รูป รวมเป็น ๕๐๐ รูป ครั้งที่ ๒ หลังปรินิพพาน ๑๐๐ ปี ท่านพระเรวตะและพระอรหันต์ ๗๐๐ รูป และ ครั้งที่ ๓ หลังพุทธปรินิพพาน ๒๓๕ ปี ท่านพระโมคคัลลีบุตรและพระอรหันต์ ๑,๐๐๐ รูป ในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
-พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่มีส่วนที่จะต้องตัดออก ไม่มีส่วนที่จะต้องเพิ่มเข้าไปใหม่ แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่เป็นการทำลายหรือบิดเบือนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปจากความเป็นจริง พระอรหันต์ทั้งหลาย จึงมีการประชุมกระทำสังคายนา เพื่อชำระสิ่งที่คนเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย โดยเทียบเคียง สอบทาน อ้างอิงจากพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทั้งหมดเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ความเห็นของบุคคลหนึ่งบุคคลใด ครับ
-การกระทำสังคายนาพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยพระเถระทั้งหลายตั้งแต่สมัยอดีต ไม่ได้ทำให้พระธรรมวินัยผิดเพี้ยนไป แต่เป็นการดำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมวินัย เพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้คงอยู่อย่างถูกต้อง มั่นคง เพื่อประโยชน์แก่ชนรุ่นหลัง จะได้ศึกษาและได้มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ว่า คำสอนใดเป็นพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำสอนใดไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นประโยชน์มากสำหรับพวกเราในยุคนี้สมัยนี้ และ จะเป็นประโยชน์จริงๆ ก็ต่อเมื่อได้ศึกษา ด้วยความเคารพ ละเอียด รอบคอบ เพราะฉะนัั้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้เริ่มศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบพระคุณอาจารย์ครับ
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณท่านผู้รู้ที่ได้ให้คำตอบ และขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ เป็นคำถามที่ดีมากค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ในอนาคตภิกษุทั้งหลายไม่สนใจศึกษาพระพุทธพจน์ที่ลึกซึ้ง แต่กับไปสนใจศึกษาพวกบทกวี ที่นักปราชญร้อยกรองไว้ ทำให้พระธรรมลบเลือนเสื่อมไปค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม...
พระไตรปิฎก ๙๑ เล่ม
การค้นหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก