อยากทราบว่าถ้าเราสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เทวดาท่านจะมาฟังเราไหว้พระสวดมนต์ด้วย จริงหรือเปล่า สงสัยค่ะ
ขณะที่เราสวดมนต์ไหว้พระเพื่อสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย เทวดาอาจมาฟัง หรือไม่มาก็ได้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ควรใส่ใจเลย ที่สำคัญอยู่ที่ตัวเราว่า สวดอะไร สวดทำไม บทสวดกล่าวถึงอะไร มีประโยชน์อย่างไร ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้การสวดของคุณก็นับได้ว่าไม่เปล่าประโยชน์ ส่วนเทวดาจะมาฟังหรือไม่มาไม่ใช่สิ่งสำคัญเลยครับ
เหตุผลของการสวดมนต์ในพระพุทธศาสนา
ไม่ไช่เป็นการ.....
๑. สวดอ้อนวอนเพื่อขอผลตอบแทนทางด้านวัตถุ
๒. ขับกล่อมประกอบการสังเวยเทพเจ้า
๓. สวดเพื่อให้เกิดผลร้ายกับผู้อื่น
๔. สวดเพื่อปลุกเศกของขลัง อันทำให้เกิดความหลงไหล
แต่เป็นการ.....
๑. ระลึกถึงและบูชาพระรัตนตรัย
๒. ช่วยให้เกิดสมาธิสร้าพลังทางจิต และเป็นอุบายให้เกิดปัญญา
๓. เป็นการสาธยายทบทวนคำสอนในทางพระพุทธศาสนา ช่วยในการจำ เพื่อนำไปปฏิบัติ
๔. เป็นการสร้าศิริมงคล เพราะน้อมจิตของตนและผู้ฟัง ให้ยึดเหนี่ยวและตั้งมั่นในคุณความดี
๕. เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม ช่วยรักษาประเพณีและแบบแผนของสังคมไทยไว้
๖. ช่วยให้เกิดการรวมกันเป็นหมู่คณะ ทำให้เกิดความสามัคคี
สาธุการครับ
ที่สำคัญเราสวดมนต์ด้วยความเคารพนอบน้อมและประกอบด้วยปัญญาคือ ระลึกถึงคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า เป็นผู้เสด็จไปอันงาม คือทางงาม ทางสะอาด ทางนั้นคือ อริยมรรค เสด็จไปแล้วสู่ที่อันดี คือพระอมตนิพพาน เสด็จไปโดยชอบ คือกิเลสที่ละแล้วไม่หวนกลับมาอีก พระองค์ทรงตรัสวาจาชอบคือ กล่าวแต่วาจาที่จริง ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นที่รัก เป็นผู้รู้จักกาลที่จะใช้วาจานั้น ฯลฯ
ขออนุโมทนาค่ะ
คำสวดที่ใช้สวดกันอยู่ในสมัยปัจจุบันนี้ เป็นภาษาบาลี ซึ่งผู้ที่จะรู้ความหมายของคำที่สวดนั้นมีน้อย นอกจากผู้ที่ได้ศึกษาภาษาบาลีมาบ้างก็พอที่จะแปลได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่แปลได้ แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจ เพราะเหตุว่า พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วทรงแสดงพระธรรม พระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นความจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ทั้งทางตา หางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจ พระองค์ทรงแสดงว่า ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งพิสูจน์ได้ทุกขณะ ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน นอกจากจะเป็นผู้กล่าวคำนอบน้อมพระรัตนตรัยแล้วยังต้องเป็นผู้ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อจะได้เป็นผู้มีความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่งก็จะสอดคล้องกับคำว่า "มนต์" หรือ "มันตะ" หมายถึง ปัญญา พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ก็เพื่อให้พุทธบริษัทเกิดปัญญา ความเข้าใจถูก ด้วยตนเอง ครับ
เพิ่งทราบว่า "มนต์" หรือ "มันตะ" หมายถึง ปัญญา
ขออนุโมทนาครับ
ทั้งหมดเป็นไปเพื่อละ เพื่อขัดเกลากิเลส การสวดมนต์เพื่อระลึกถึงพระคุณ เมื่อเข้าใจพระธรรมมากขึ้น ก็ย่อมซาบซึ้งถึงพระคุณของพระองค์ตามความเป็นจริงมากขึ้น ขณะที่เข้าใจพระธรรม ก็ย่อมน้อมระลึกถึงพระคุณของพระองค์ได้ แม้ไม่ได้สวด ดังนั้นคำบาลีที่ใช้ จึงเป็นการแสดงถึงพระคุณของพระองค์ตามความเป็นจริง อันเป็นไปเพื่อความเจริญของกุศล มีศรัทธา เป็นต้น อันเกิดมาจากความเข้าใจพระธรรม ดังพระพุทธคุณต่อไปนี้ ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทรงเป็นพระอรหันต์ (5 ความหมาย)
ทรงไกลจากกิเลส
กำจัดข้าศึกคือกิเลส
พระองค์ไม่ต้องเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ พระองค์ควรแก่ของบูชา ต้อนรับ กราบไหว้
พระองค์ไม่ทำบาปในที่ลับ
ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง (ทรงรู้ธรรมทั้งปวงด้วยพระองค์เอง) ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว (๔ ความหมาย) เสด็จไปในทางอันดี (อริยมรรคมีองค์ ๘) เสด็จไปสู่ที่ดี (พระนิพพาน) เสด็จไปโดยชอบ (ไม่กลับมามีกิเลสอีก เมื่อสิ้นกิเลสแล้ว) ผู้ตรัสโดยชอบ (กล่าววาจาที่ควร เหมาะสม กล่าวคำจริง แท้ ประกอบด้วยประโยชน์ แม้จะเป็นคำที่เป็นที่รักหรือไม่เป็นที่รัก และดูกาลที่เหมาะสม)
ทรงรู้แจ้งโลก ทรงรู้ตามความเป็นจริงทั้งโลกที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ (จักรวาล) โลกที่เป็นธรรมที่เกิดดับและโลกคือ หมู่สัตว์ทั้งหลาย แสดงโลก เหตุให้เกิดโลกและทางดับโลก เพราะฉะนั้น โลกก็คือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้
ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ทรงแสดงธรรมให้บุคคลที่ฝึกได้ ย่อมเข้าใจและบรรลุธรรม แม้สัตว์เดรัจฉานพระองค์ก็ทรงฝึก มีนาคราช เป็นต้นให้ถึงสรณะ
ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า ก็ในโลกทั้หมดไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่าพระองค์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญาและพระคุณประการต่างๆ ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ประเสริฐสูงสุดเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายพระองค์ทรงเป็นศาสดา เพราะแนะนำสั่งสอนทั้งประโยชน์ในโลกนี้ โลกหน้าและประโยชน์อย่างยิ่ง (พระนิพพาน) ยังสัตว์ให้ข้ามทางกันดารคือ สังสารวัฏฏ์ได้ พระองค์ไม่ใช่เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์เท่านั้น แม้สัตว์เดรัจฉานก็ด้วย ทรงยังสัตว์ให้เลื่อมใส เมื่อสัตว์ตายไปจึงไปเกิดเป็นเทวดา เป็นต้น
พุทโธ ทรงเป็นผู้ตื่นแล้ว ตื่นจากกิเลสทั้งหลาย มีโมหะ เป็นต้น ที่ทำให้สัตว์นั้นหลับ ไม่รู้ความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ทรงตรัสรู้ความจริง ทรงยังสัตว์ให้ตรัสรู้ความจริงตามพระองค์
ภควา ทรงเป็นผู้จำแนกธรรม
ทรงมีคุณธรรมประการต่างๆ หาประมาณไม่ได้ ทรงกำจัดกิเลสทั้งหลายหมดแล้ว ทรงจำแนกธรรม มีประการต่างๆ มากมายเพื่อเกื้อกูลสัตว์โลก
ขอบูชาคุณพระรัตนตรัยในการกล่าวสรรเสริญพระองค์ครั้งนี้ แม้ไม่ได้สวด แต่ขณะใดที่เข้าใจพระธรรมและพระคุณตามความเป็นจริง อันเกิดจากการศึกษาพระธรรม ก็เป็นการระลึกถึงพระคุณ แม้จะไม่ได้กล่าวบาลี แต่สภาพจิตเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น กุศลจึงอยู่ที่จิต อันเกิดจากความเข้าใจในการศึกษาพระธรรม ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาสาธุกับกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ความเข้าใจพระธรรมคือสาระและสิ่งประเสริฐสุดของชีวิต และขออนุโมทนาค่ะ
ความเข้าใจพระธรรมคือสาระและสิ่งประเสริฐสุดของชีวิต และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาคุณ orawan.c และทุกท่านค่ะ