ทัวร์สนามบิน
วันจันทร์ที่ 13 ต.ค. 57 ออกจากบ้านตั้งแต่ตื่นสี่ครึ่ง เพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิตาม เวลานัดหมาย คือ 05:50 น. ไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อย แต่ก็พบสหายธรรมคับคั่งแล้ว เพราะ กลุ่มท่านอาจารย์ที่ไปนมัสการสังเวชนียสถานไม่ครบทั้ง ๔ แห่ง จำนวน 75 ท่าน ต้องออก เดินทางก่อนด้วยสายการบินเจ็ทแอร์ ทักทายปราศรัยกันด้วยไมตรีจิต กลุ่มของเราไปครบ 4 แห่ง มีจำนวนสมาชิก 101 ท่าน เดินทางด้วยสายการบินแอร์อินเดีย ไปทีหลัง และเครื่อง ดีเลย์อีกเล็กน้อย
นั่งรอที่สนามบินจนเบื่อ ไปถึงสนามบินอินทิรา คานธี ที่เดลี เลยเวลา อาหารกลางวันไปเล็กน้อย แต่ก็ได้รับประทานอาหารเช้าในเครื่องสายแล้ว จึงไม่หิวเท่าไร นัก แล้วก็พากันไปทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์นานาชาติที่โรงแรม JW Mariott โรงแรม 5 ดาวใกล้สนามบิน รู้สึกว่าเป็นเขตโรงแรมระดับ 5 ดาว เพราะกำลังก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ หลายตึก หลายแห่งเปิดให้บริการแล้ว
อาหารบุฟเฟต์นานาชาติที่นี่อร่อยมาก มีทั้งอาหารจีน อินเดีย ฝรั่ง จึงได้ทานเป็ดย่าง ข้าวหมูแดง บะหมี่ ติ่มซำ และอีกหลากหลายที่น่ารับประทาน แต่กระเพาะเล็กเกินกว่าจะ บรรจุได้หมด มีหลายท่านถ่ายภาพเก็บไว้ให้คนที่บอกว่า ไปอินเดียจะอดอยาก อาหารก็กิน ไม่ได้ไม่อร่อย นึกในใจว่า เดี๋ยวจะรู้สึก เพราะครั้งนี้เป็นครั้งแรกจากการเดินทางไปอินเดีย แล้ว 8 ครั้งที่มีอาหารหรูหราอย่างนี้ เมื่อไปเมืองเล็กๆ อย่างคยา ลุมพินี โรงแรมและอาหาร ก็จะแย่ไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าจริงๆ แล้วเลือกไม่ได้ เพราะต้องเป็นไปตามวิบาก คือ ผล ของกุศลและอกุศลที่ทำไว้แล้ว ซึ่งเล็กน้อยมาก เพียงชั่วขณะที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ขณะหนึ่งสั้นๆ แล้วก็ดับไป ทิ้งไว้แต่ขยะในใจที่คิดนึกต่อเป็นอกุศล คือ ความติดข้อง เมื่อประสบสิ่งที่น่าพอใจ หรือความขุ่นเคืองเมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ แต่อาจจะมีบาง ท่านที่เป็นกุศล เพราะรู้ความจริงว่า เป็นธรรมะอย่างหนึ่งที่เพียงปรากฏแล้วหมดไป ไม่ใช่ เรา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
รับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก็พากันกลับไปรอเครื่องที่สนามบินภายในประเทศอีก นั่งรอเวลาเครื่องออก แม้สนามบินจะใหม่และสวยงาม แต่ก็เหนื่อยเกินจะไปเที่ยวชมแล้ว ออกจากเดลีไปลัคเนาว์ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตอนเข็นกระเป๋าไปขึ้นรถบัสไปโรงแรม ก็ เจอฝนปรอยๆ จากหางพายุ Hudhud แล้วฝ่ารถติดอย่างไม่เป็นระเบียบและเสียงแตรสนั่น หวั่นไหวอย่างที่เคยเห็นจนชินในอินเดีย เกือบสองทุ่มก็ถึงโรงแรมที่พัก
เดินทางหลายวันจึงทราบว่า เสียงแตรรถคือเสียงสวรรค์ แสดงว่ารถแล่นได้ตามปกติ ถ้าเสียงแตรเงียบเมื่อไร แสดงว่ารถแล่นไม่ได้ด้วยสาเหตุต่างๆ นานา เพราะถนนในอินเดีย นั้น รถทุกชนิด สัตว์ทุกตัวสามารถใช้ถนนร่วมกันได้หมด และไม่ต้องมีกำหนดกฎเกณฑ์ว่า ต้องวิ่งทางไหน ทางไหนว่าง วิ่งได้ก็วิ่งไป แต่ต้องบีบแตรบอกรถอื่นหรือสัตว์อื่นเมื่อต้อง การแซง ดีเหมือนกันนะ เพราะบางทีอีกฝั่งถนนว่างมาก แต่ไปวิ่งไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทางของ เรา แต่ที่อินเดียตรงไหนว่างก็วิ่งไปได้เลย แต่เขาวิ่งไม่เร็วมาก ทำท่าจะชนประสานงากัน คนนั่งหน้าต้องช่วยเบรก แต่ก็หยุดทันทุกครั้ง แล้วเขาก็ไม่โกรธกันด้วย เหมือนเป็นเรื่อง ปกติที่ใครๆ ก็ทำกันอย่างนี้
แม้แต่การจราจรในอินเดีย กว่าจะจับจุดได้ ก็ต้องเดินทางมาถึง 8 ครั้ง ประสบเหตุ- การณ์ต่างๆ กันบนท้องถนนมากมายหลากหลาย แล้วเรื่องที่ลึกซึ้งอย่างธรรมะ จะไม่ให้ใช้ เวลานานนับอสงไขยกัปได้อย่างไร
... อ่านตอนต่อไป ...
(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 3
... อ่านย้อนหลัง ...
(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 1
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาของทุกท่านๆ ค่ะ รอติดตามกระทู้ต่อไปนะคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และ อนุโมทนา ในกุศลทุกประการของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ