* ถ้ายังไม่ตาย แต่มีชีวิตที่เป็นไปด้วยอกุศลต่างๆ มากมาย ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ก็จะยิ่งสะสมกิเลสอกุศลไว้ในจิตให้พอกพูนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดทุกข์ โทษ ภัย ต่างๆ ต่อไป ก็ยิ่งกว่าตายเสียอีก โดยเฉพาะ ถ้าสะสมความเห็นผิด ว่ามีเรา ซึ่งขัดแย้งกับพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีโทษอย่างยิ่ง
* ข้อความในอรรถกถา มหาสติปัฏฐานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค กล่าวถึงการที่ชาวกุรุ มีความไม่ประมาทในการอบรมเจริญสติปัฏฐาน (สติที่ระลึกรู้ในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเป็นปกติ ตามความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน) ก็จะสนทนากันในเรื่องการเจริญสติปัฏฐานอยู่เสมอ ถ้ามีผู้ใดไม่ใส่ใจในการเจริญสติ ชาวกุรุก็จะติเตียนเขาว่า "น่าตำหนิชีวิตของเจ้าจริงๆ เจ้าถึงเป็นอยู่ ก็เหมือนตายแล้ว"
* สำหรับในยุคนี้ แม้เพียงจะสนใจฟังพระธรรม ก็ยาก ยังไม่ต้องกล่าวถึงการเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งจะเกิดได้ ก็ต้องอาศัยความเข้าใจในขั้นการฟัง และการไตร่ตรองพระธรรม เพื่อเข้าใจถูกในความเป็นธัมมะ ว่าไม่ใช่เราตั้งแต่ต้น จนกว่าความเข้าใจจะรอบรู้อย่างมั่นคงในพระธรรมที่แสดงถึงสิ่งที่มีจริง ที่ไม่ใข่เรา ก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้สติเกิดขึ้น ระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้ตามปกติ ตามความเป็นจริง
* ดังนั้น คุณค่าของชีวิตที่เหลือก่อนที่จะตายจากโลกนี้ไป ก็คือสะสมความเข้าใจธัมมะ จากการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ