เมื่อวันที่ ๒๙ – ๓๑ มี.ค. ๕๑ ได้รับเชิญจากคุณแก้วตา อเนกพุฒิ ผู้งามทั้งกายและ
ใจ ให้ไปร่วมสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากรของ
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่บ้านไม้ซุง ของคุณพงษ์ชัย อัมมตานนท์ ซึ่ง
ตั้งอยู่ติดสนามกอล์ฟโบนันซ่า เขาใหญ่ จึงมีทัศนียภาพที่สวยงามมาก และช่วงนั้น
อากาศหนาวพอดี ทำให้ฉากของโรงละครโรงใหญ่นี้งดงามราวกับสวิสเซอร์แลนด์
(ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยไปมาแล้ว) ผู้ไปร่วมสนทนาธรรมทั้งหมดได้รับความ
อนุเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การเดินทาง ที่พักแรม อาหารที่ประณีตและแสนอร่อย
ทุกมื้อจากท่านเจ้าภาพ ที่ได้รับมติเป็นเอกฉันท์จากสาธุชนที่ไปให้เป็นนางฟ้า รวมทั้ง
ทีมงานที่แข็งขัน คือ คุณสุกัญญา เพื่อนชอบ และคุณสวิณี แสนทอง และอีกหลายๆ
ท่าน ขออนุโมทนาและขอกราบขอบคุณที่ทำให้มี “ณ กาลครั้งหนึ่ง... ของการอบรม
เจริญปัญญา” ในสังสารวัฏฏ์ค่ะ
ท่านอาจารย์พูดตอนหนึ่งว่า ทุกคนเห็น ได้ยิน ... ตามกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว คือ เป็น
วิบากจิต แล้วก็คิดนึกไปตามการสะสมของแต่ละคน ไม่ต่างกับดูหนัง ดูละคร ที่มีแต่จิต
เจตสิก รูป เกิดดับสืบต่อ ทำกิจหน้าที่ของตน ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวบุคคลต่างๆ มาก
มาย จึงตั้งชื่อกระทู้นี้ว่า ไปร่วมแสดงละครโรงใหญ่ ที่โบนันซ่า ซึ่งไม่ว่าโบนันซ่า หรือ
พระวิหารเชตวัน ก็เป็นเพียงชื่อ ที่มี เพราะจำไว้
ขอยกข้อความบางตอนที่จดและได้ไตร่ตรองพิจารณาแล้ว แม้ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งก็
ตาม ส่วนรายละเอียด คุณวันชัย ภู่งาม คงจะถอดเทปคำบรรยายทั้งหมดพร้อมทั้งภาพ
ถ่ายทุกแง่มุม มาลงให้ได้อ่านกันในเร็ววันนี้ (หรืออาจจะลงไปแล้วก็ได้)
...ที่ฟังธรรม เพราะกลัวความไม่รู้ ละอายที่จะไม่รู้ธรรม พระธรรมที่พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงทั้งหมด ก็คือสิ่งที่กำลังมีขณะนี้ ขณะนั้นไม่ใช่เรา ...
...ยังมีเราอยู่ตราบใด ก็ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมอยู่ตราบนั้น เพราะยังไม่เข้าใจ
ว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ...
...การฟังธรรม ต้องเป็นผู้ตรง และจริงใจที่ฟังเพื่อจะเข้าใจธรรม จนกว่าจะเข้าถึง
ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้...
...ขณะที่ฟังธรรม คิดถึงธรรมที่ได้ฟัง หรือคิดต่อไปเรื่องอื่นเพื่อจะถาม เพื่อจะสงสัย
ฟังเพื่อเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ลืม ก็จะเริ่มเข้าใจลักษณะ
ของสภาพธรรมนั้นๆ ...
....สภาพธรรมดับ คือ ไม่เหลือเลย และไม่กลับมาเกิดซ้ำอีกเลยในสังสารวัฏฏ์...
...เยื่อใยของการเห็นและได้ยินยังสืบเนื่องกันหรือไม่ ถ้ายัง ก็ยังเป็นเรา ทำให้ไม่
เข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม ...
...ทุกคนหวังในสิ่งที่ยังไม่เกิด ลืมเข้าใจสภาพธรรมในขณะนี้ ...
...หลายคนต้องการคำตอบจากการถาม ไม่ต้องการเข้าใจธรรม...
ฯลฯ
ท่านอาจารย์กล่าวธรรมได้ลึกซึ้งและจับใจเช่นเคย คราวนี้พยายามจดเพื่อที่จะจำมาเล่า
ให้ฟังมากที่สุด แต่ก็เป็นไปตามการสะสม คือ จำได้เพียงเล็กน้อย แม้จะพยายามจดมา
แล้วก็ตาม ทำให้เห็นจริงตามที่ท่านกล่าวว่า ฟังธรรม ไม่ไตร่ตรองแล้วก็ลืม ก็ไม่ได้
สาระจากพระธรรม จึงอยากเชิญชวนผู้ร่วมไปธรรมสัญจรครั้งนี้ ใครมีข้อความใดประทับ
ใจเล่าสู่กันฟังด้วยก็ดีค่ะ เพราะ ๓ วันนั้น ท่านอาจารย์บรรยายธรรมได้หลากหลายมาก
ล้วนแต่เป็นข้อความที่ควรฝังไว้ในใจทั้งนั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ร่วมฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร ในครั้งนี้ด้วย จึงขออนุญาตร่วมเก็บข้อความเตือนใจดีๆ มาฝาก เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน (ต่อจากอาจารย์กาญจนา) ดังนี้ ครับ -อกุศล มีมากกว่าที่คิด -อกุศล ตัดเสียซึ่งความดี -กิเลสที่มีมาก คลายได้ ละได้ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง -คุ้นเคยหรือยังกับพระธรรมที่ได้ฟัง -หนทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นหนทางที่ให้ผู้ฟังเกิดความรู้ความเข้าใจเป็นของตนเอง -อะไร คือ สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์? (รู้ประโยชน์ของความเป็นผู้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาแล้วตายไป ถ้าไม่สะสมปัญญาไว้ ก็จะตายไปพร้อมกับความไม่รู้) -ให้อะไรๆ ก็ไม่เหมือนกับการให้พระธรรม -สะดุดใจบ้างไหม เมื่อได้ยินคำว่า "พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" -การที่จะได้ประโยชน์จากพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง -ผู้ที่สะสมศรัทธามาแล้วเท่านั้นที่จะเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม -ความเข้าใจถูก จะไม่นำพาชีวิตไปสู่ทางเสื่อม ...ฯลฯ... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ครั้งนี้เป็น ณ กาลครั้งหนึ่งที่ดีมากเพราะได้ไปสนทนาธรรมเพื่ออบรมเจริญปัญญา
กราบเท้าอนุโมทนาท่านอาจารย์ที่กรุณาตอบคำถามอนุเคราะห์ผู้ไม่รู้ให้ค่อยๆ รู้ขึ้นกราบอนุโมทนาในกุศลของคุณแก้วตา คุณสุกัญญา คุณสวิณี คุณอรวรรณ
และท่านทั้งหลาย ที่เตรียมการให้งานกุศลที่ประกอบด้วยปัญญานี้เป็นไปได้ด้วยดีราบรื่น สะดวก เป็นกันเอง และเอื้อต่อการเข้าใจพระธรรมของพระพุทธองค์ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์แดงและสหายธรรมทุกๆ ท่านขอขอบพระคุณท่านวิทยากรหลายๆ ท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อธรรมช่วงที่ได้เข้าไปไต่ถามขอขอบพระคุณคุณวีระยุทธ์ที่กรุณาตักเตือนให้เห็นกำลังของอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นจริงขอขอบพระคุณสหายธรรมบ้านธัมมะผู้อุปการะเรื่องการเดินทางจากเชียงใหม่ ถึง กทม.
โดยส่วนตัว ผมไม่ได้จดบันทึกอะไร เพราะไม่สันทัดที่จะเขียนในขณะที่ฟังธรรมเลยขอโอกาสนี้อาศัยอ่านข้อความธรรมจากสหายธรรมท่านที่จดไว้เพื่อที่จะได้อนุโมทนาในธรรมทานจากท่านทั้งหลายโดยทั่วหน้าครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
มีความเข้าใจมั่นคงขึ้นว่า
สิ่งที่มีและปรากฎให้รู้ได้ในทุกๆ ขณะคือ จิต เจตสิก และรูป ที่เกิดดับตามเหตุปัจจัย
แต่ยังมีคน สัตว์ ตัวตน สิ่งหนึ่งสิ่งใด และเรื่องราวมากมาย ฯลฯ
เพราะคิดและจำไว้ว่าธัมมะที่เกิดดับเร็วมากสุดที่จะประมาณได้ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ฯลฯ
เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้ร่วมฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร ในครั้งนี้ด้วย ทุกครั้งที่ได้ฟังก็จะมีความเข้าใจธรรมที่ละเอียด ลึกซึ้งเพิ่ม
ขึ้น ธรรมะเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งเข้าใจได้ยากจริงๆ นะคะ หากไม่ได้ฟังท่านอาจารย์ชี้แนะก็จะ
ไม่เข้าใจถึงตัวจริงของธรรมที่กำลังปรากฏเลย... อย่างเช่นมีสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่แท้ๆ
ในชิวิตประจำวัน ยังไม่เข้าใจ ลืมความเข้าใจธรรม แล้วจะไปเข้าใจไปรู้อย่างอื่นที่ไม่
ได้ปรากฏ เช่น ความสงสัย ความหวัง ความขุ่นเคืองใจ ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ
เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรม ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา
....กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์....
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่ทำให้มีการสนทนา
ธรรมในครั้งนี้.....ณ. กาลครั้งหนึ่งที่ได้ไปร่วมแสดงละครโรงใหญ่ที่โบนันซ่า เขาใหญ่
"หลายคนต้องการคำตอบจากการถาม...... ไม่ต้องการเข้าใจธรรม"
ประโยคนี้สะกิดใจดีค่ะ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
" -หนทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นหนทางที่ให้ผู้ฟังเกิดความรู้ความเข้าใจเป็นของตนเอง "
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ยังมีเราอยู่ตราบใด ก็ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมอยู่ตราบนั้น เพราะยังไม่เข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 7 มากๆ และประโยคนี้ก็สะกิดใจดีจริงๆ ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาขออนุโมทนาคะ