ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้าพเจ้าได้คิดหาหัวข้อสำหรับกระทู้นี้มาสองสามอาทิตย์ จนได้หัวข้อตรงใจ จากการแสดงความคิดเห็นจากคุณวันชัยในกระทู้ไปตามหาคุณชลอ เฟื่องฟุ้ง..
...ขอขอบคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัยด้วยค่ะ...
ข้าพเจ้าได้เคยอ่านพระสูตรหลายพระสูตร แต่ก็ไม่เข้าใจถึงสภาพธรรมที่อยู่ในพระสูตรนั้นๆ บางพระสูตรอ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้งและระลึกถึงพระมหากรุณาคุณขององค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ก็ได้เข้าใจแต่เพียงเรื่องราวของสภาพธรรมเท่านั้น ไม่เข้าใจถึงตัวจริงของธรรม จนกระทั่งหลายต่อหลายครั้งมากที่ได้ฟังธรรมบรรยายจาก ท่านอาจารย์ ท่านจะใช้คำไทยง่ายๆ อธิบายเนื้อหาในพระไตรปิฎกให้พวกเราได้เข้าใจถึงตัวจริงของสภาพธรรม เวลาข้าพเจ้าเกิดความเข้าใจธรรม ความสุขใจ ความปีติ จะเกิดขึ้น...รู้สึกถึงความเมตตาและความอดทนของ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่มีต่อทุกๆ ท่าน ข้าพเจ้าขอยกตัวอย่างพระสูตรหนึ่งซึ่งชอบมากฟังมาหลายครั้ง ทุกครั้งจะเข้าใจแต่เพียงคำและเรื่องราวต่างๆ จนได้ฟังท่านอาจารย์บรรยายให้ได้เข้าใจถึงสภาพธรรมของ ภัทเทกรัตตสูตร
[๕๒๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสดังนี้ว่า บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึงก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบันไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
พึงทำความเพียรเสียในวันนี้ [ภัทเทกรัตตสูตร]
ได้ฟังท่านอาจารย์บรรยายบ่อยๆ จึงได้เข้าใจถึง อรรถของพระธรรม จึงเกิดความสุขใจ และปีติ ท่านอาจารย์บรรยายไว้ไพเราะ ลึกซึ้งมาก ข้าพเจ้าไม่สามารถนำมาถ่ายทอดได้หมดทุกเนื้อความ ต้องกราบขออภัยด้วย ท่านได้อธิบายว่า ชีวิตเป็นเพียงขณะจิตที่เกิดดับสืบต่อ ขณะที่ดับไปแล้วก็เป็นเพียง ขณะหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ เป็นเพียง ณ. กาลครั้งหนึ่ง ขณะที่ดับไปแล้ว ไม่สามารถกลับมาได้อีก เห็นเมื่อวันนี้ดับไปแล้ว เห็นเมื่อเช้านี้ก็ดับไปแล้ว บุคคลจึงไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และขณะที่ยังมาไม่ถึง จนกว่าจะเป็นเช่นนั้น ซึ่งก็คือ จนกว่าจะอยู่กับขณะที่เป็นปัจจุบัน สภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ท่านอาจารย์ชี้ให้เห็นความสำคัญของธรรมะที่กำลังปรากฏขณะนี้ ถ้าธรรมะที่กำลังปรากฏขณะนี้ยังไม่เข้าใจจริงๆ การอบรมเจริญสติปัฏฐานก็เป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่กำลังปรากฏนั้น เป็นปรมัตถธรรมเป็นของจริงที่สติจะระลึกได้
...ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ...
ขอขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสีย
ขออนุโมทนาพี่เมตตาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ หน้าที่ ๑๙๗-๒๐๐
ยมกวรรคที่ ๒
๑. อวิชชาสูตร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์, การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์, ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์, การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์, สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์, การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์,สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์, สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์, โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังวิชชาวิมุตติให้บริบูรณ์ วิชชาวิมุตตินี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้
จบ อวิชชาสูตร
ขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ
"...ท่านอาจารย์ชี้ให้เห็นความสำคัญของธรรมะที่กำลังปรากฏขณะนี้ ถ้าธรรมะที่กำลังปรากฏขณะนี้ยังไม่เข้าใจจริงๆ การอบรมเจริญสติปัฏฐานก็เป็นไปไม่ได้..."
ขออนุโมทนา และขอบพระคุณในการเตือนสติให้เห็นความสำคัญของธรรมะในขณะนี้ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ