สังขารธรรม คือ สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้ ได้แก่ จิต เจตสิก และรูป
สังขตธรรม คือ สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นจิต เจตสิก และรูป เป็นทั้งสังขารธรรมและสังขตธรรม
ทั้งสังขารธรรมและสังขตธรรมเป็นสภาพธรรมที่มีจริง สามารถจะเข้าใจได้ เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ เรื่องของจิต เจตสิก และรูปนั้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำ เกิดขึ้นและดับไปสืบต่อไม่เคยขาดสายเลย เมื่อมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นและดับไป
ขณะนี้ จิตเห็น กำลังปรากฏ มีปัจจัยหลายปัจจัยปรุงแต่งให้จิตเห็นเกิดขึ้น เช่นมีสิ่งที่ปรากฏทางตาหรือที่เรียกว่ารูปารมณ์ กระทบจักขุปสาท จิตเห็นจึงเกิดขึ้น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นปัจจัยโดยความเป็นอารมณ์ จักขุปสาทเป็นวัตถุปุเรชาตปัจจัย เป็นต้น เพื่อความเข้าใจสภาพธรรมจริงๆ อย่างจิตเห็น เกิดแล้วดับแล้ว จึงเป็นสังขารธรรม เพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง และเป็นสังขตธรรมด้วยเพราะเกิดแล้วดับแล้ว โลภะ โทสะ ที่เกิดสะสมไว้อยู่ในจิต แม้ขณะนี้ยังไม่เกิดก็เป็นสังขารธรรม เพราะฉะนั้น อนุสัยกิเลสก็เป็นสังขารธรรม อนุสัยเป็นสังขารธรรมเพราะมีพืชเชื้อของกิเลส แต่ยังไม่เกิดขึ้นจึงไม่เป็นสังขตธรรม ทุกอย่างขณะนี้เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้ เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส และคิดนึก
ฟังธรรมก็เพื่อให้เข้าใจ เพื่อให้รู้ว่า ธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครได้ ไม่มีเราเลยแม้ขณะเดียว
..ขออนุโมทนาค่ะ..
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ถ้ามีสัญญาความจำที่มั่นคงว่าขณะนี้เป็นธรรมะ ก็เป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิด ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ