ชีวิตเหลือน้อย
โดย khampan.a  22 เม.ย. 2567
หัวข้อหมายเลข 47703

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตเหลือน้อย
[เล่มที่ 63] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๒ หน้า ๑๕
"เมื่อด้ายที่เขากำลังทอ ช่างหูกทอไปได้เท่าใด ส่วนที่จะต้องทอ
ก็ยัง
เหลืออยู่น้อยเท่านั้น แม้ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น
แม่น้ำที่เต็มฝั่งย่อมไม่ไหลไปสู่ที่สูง ฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลาย
ย่อมไม่กลับมาสู่ความเป็นเด็กอีก ฉันนั้น แม่น้ำที่เต็มฝั่ง ย่อมพัดพาเอาต้นไม้ที่เกิดอยู่ริมฝั่งให้หักโค่นไป ฉันใด สัตว์ทั้งปวงย่อมถูกชราและมรณะพัดพาไป ฉันนั้น"

(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เตมิยชาดก)

(ภาพประกอบ : คุณแม่บุญเหนือ อักษรวิลัย กำลังทอผ้าไหม)
การเกิดมาในภพหนึ่งชาติหนึ่งนั้นสั้นแสนสั้นมาก ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันนั้น ก้าวไปใกล้ความตายเข้าไปทุกทีๆ ในพระไตรปิฎก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมด้วยข้ออุปมาให้เห็นถึงความเล็กน้อยของชีวิตไว้มากมาย เพื่อให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้เข้าใจตามความเป็นจริง เพื่อจะได้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตอันมีประมาณน้อยนี้ เช่น ชีวิตเปรียบเหมือนน้ำค้างที่อยู่บนยอดหญ้า พอพระอาทิตย์ขึ้นมา ก็เหือดแห้งไป ชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเช่นนั้น ชีวิตเปรียบเหมือนรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำที่กลับเข้าหากันเร็ว ไม่ตั้งอยู่นาน ชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเช่นนั้น หรือแม้กระทั่งอุปมาเหมือนกับการทอผ้าของช่างทอผ้า ขณะที่ทอผ้า แผ่นผ้าก็จะค่อยๆ เต็มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่ยังทอไม่เสร็จก็จะเหลือน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเต็มผืนในที่สุด ชีวิตชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเช่นนั้น ซึ่งในที่สุดก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น

ตามความเป็นจริงแล้ว ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น บุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาหรือญาติพี่น้องเป็นต้น ย่อมสามารถเป็นที่พึ่งสามารถช่วยเหลือทำกิจในด้านต่างๆ ให้แก่เราได้ แต่พอถึงเวลาตาย บุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะช่วยต้านทานไว้ได้เลย ใครๆ ก็ช่วยเราไม่ได้เลยจริงๆ ดังนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งจะต้องสิ้นสุดลงที่ความตาย ก็ควรจะแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองจากการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด ก่อนที่ความตายจะมาถึงซึ่งไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะเป็นวันใด เวลาใด อาจจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ ด้วยการเป็นคนดี เจริญกุศลสะสมคุณความดีทุกประการ และอบรมเจริญปัญญา ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจ เพราะสิ่งที่จะทำให้เป็นคนดียิ่งขึ้น ก็คือ ความเข้าใจพระธรรม และประการที่สำคัญ บุคคลผู้ไม่ประมาทในชีวิตอันมีประมาณน้อยนี้ ย่อมจะไม่เดือดร้อนทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า



... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย swanjariya  วันที่ 22 เม.ย. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 2    โดย มังกรทอง  วันที่ 22 เม.ย. 2567

คิดถึงคุณแม่ซึ่งท่านเสียชีวิตแล้ว รูปที่ปรากฏทางอีสานเรียกว่ากำลังตำหูก กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 3    โดย สิริพรรณ  วันที่ 22 เม.ย. 2567

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

บุคคลเมื่อถูกมัจจุราชครอบงำแล้ว จะยินดีไปทำไม จะประโยชน์อะไรด้วยการแสวงหาทรัพย์ ผลไม้ที่สุกแล้ว ย่อมเกิดภัยแต่การหล่นเป็นนิตย์ ฉันใด สัตว์ทั้งหลายที่เกิดแล้ว ย่อมมีภัยแต่ความตายเป็นนิตย์ ฉันนั้น ชนเป็นอันมาก เห็นกันอยู่ในเวลาเช้า บางพวกพอตกเวลาเย็นก็ไม่เห็นกัน ชนเป็นอันมากเห็นกันอยู่ในเวลาเย็น บางพวกพอถึงเวลาเช้าก็ไม่ได้เห็นกัน..

กราบขอบพระคุณอ.คำปั่นด้วยความเคารพค่ะ ทำให้ได้อ่านคำที่เตือนใจ ชีวิตเหลือน้อยลงทุกขณะจิต สิ่งใดมีค่าที่สุดที่ควรสะสมในแต่ละชาติ ย่อมรู้เมื่อได้ศึกษาพระธรรมเท่านั้นจริงๆ ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 23 เม.ย. 2567

ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น บุคคลรอบข้างไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาหรือญาติพี่น้องเป็นต้น ย่อมสามารถเป็นที่พึ่งสามารถช่วยเหลือทำกิจในด้านต่างๆ ให้แก่เราได้ แต่พอถึงเวลาตาย บุคคลเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะช่วยต้านทานไว้ได้เลย ใครๆ ก็ช่วยเราไม่ได้เลยจริงๆ

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 5    โดย เฉลิมพร  วันที่ 23 เม.ย. 2567

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย เซจาน้อย  วันที่ 1 พ.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ขณะอย่าได้ล่วงเลยท่านทั้งหลายไปเสียฯ"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ