สมัยวัยรุ่น ผมเคยทะเลาะกับพ่อจนถึงขั้นชี้หน้าด่า และเกือบจะชกต่อยกับพ่อ และได้หนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านเพื่อน หลังจากนั้นได้ไปหาหลวงพ่อที่นับถือที่วัด ท่านก็ได้แนะนำให้กลับไปขออโหสิกรรมกับพ่อโดยชี้ให้เห็นถึงคุณและโทษ เย็นวันนั้น ผมจึงได้ซื้อพวงมาลัยและกลับบ้านไปกราบขออโอหสิกรรมกับพ่อ โดยพ่อก็ได้รับพวงมาลัยและร้องไห้ แต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นมา ผมก็ได้แต่พยายามทำหน้าที่ของลูกตามหลักทิศทั้ง ๖ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ โดยเมื่อพ่อผมป่วยเป็นอัมพาต ต้องนอนอยู่บนเตียง ผมก็ได้ทำหน้าที่พยาบาล เช็ดถูตัวและสิ่งขับถ่ายอยู่หลายวัน บ่อยครั้งก็มีหงุดหงิดกับอารมณ์โมโหของท่านบ้าง และภายหลังก็ได้จ้างคนมาทำหน้าที่แทนจนพ่อของผมได้ถึงแก่กรรมไป เช่นนี้แล้วผมจะต้องตกอบายภูมิเพราะทำกรรมหนักหรือไม่ครับ (เพราะหลังจากอโหสิกรรมแล้ว บางครั้งผมก็ยังคิดน้อยใจพ่ออยู่)
เรื่องกรรมทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม เมื่อได้กระทำสำเร็จแล้วย่อมเป็นกรรมที่จะให้ผลในอนาคตแน่นอน เว้นแต่ผู้นั้นเป็นพระอรหันต์ สิ้นอาสวกิเลสดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ก็ย่อมหมดภพชาติและขันธ์ที่จะรับผลของกรรมที่ทำอีกต่อไป ฉะนั้น กรรมที่ทำแล้วและผู้ทำกรรมสำนึกผิด หรือผู้ถูกกระทำยกโทษให้ แต่กรรมยุติธรรมเสมอ ต้องให้ผลตามเหตุที่ได้ทำแล้ว ส่วนจะให้ผลในลักษณะใด ย่อมแล้วแต่ปัจจัยต่างๆ เช่น คติ กาล อุปธิ ฯลฯ
กระทู้ของตัวเอง ถามไว้นานแล้ว แต่ไม่อยากอ่านคำตอบเลย อ่านแล้วใจเสีย ยิ่งอ่านก็ยิ่งกลัวนรกครับ เสียใจที่ทำไป แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้ นอกจากเร่งทำความดีหนีนรกอย่างเดียว
ขอบพระคุณสำหรับคำตอบครับ
กลัวก็แก้ไขอะไรไม่ได้ค่ะ ถึงหนีไปไหนก็ไม่พ้น การนึกคิดถึงอกุศลที่ดับไปแล้ว แล้วจิตเป็นอกุศล จะเพิ่มพูนอกุศลมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ล่วงไปแล้วก็คือล่วงไปแล้ว ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจยิ่งขึ้นต่อไปเถอะค่ะ เมื่อปัญญาคมกล้าขึ้น ความหวั่นไหวย่อมลดน้อยลงไปตามลำดับ แม้ในขณะนั้นกำลังได้รับอกุศลวิบากก็ตาม
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ขออนุโมทนาครับ