รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นรูป ไม่ใช่สิ่งที่ควรละ แต่กิเลสที่ติดข้องในสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะต้องละ และจะละได้เพราะปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาย่อมละไม่ได้ ตัวเราพยายามละก็ไม่ได้ ถ้าเราพยายามละได้ทุกคนคงละได้กันทั้งหมดแล้ว พระพุทธองค์ทรงแสดงหนทางเพื่อการละกิเลสไว้ คือ การอบรมเจริญปัญญา ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ จนบรรลุเป็นพระอรหันต์จึงละกิเลสได้ทั้งหมด
เป็นพระอนาคามี ตอนนี้ ละได้แน่ครับ
ก็หมั่นเพียรฟังหรืออ่านพระธรรม ค่อยๆ อบรมไปเรื่อยๆ เพราะกิเลสสะสมมานานกันทุก คนค่ะ ต้องใช้ปัญญาประหาร และต้องรู้ด้วยว่า ปัญญาคืออะไร ปัญญาเกิดได้อย่างไร บางทียิ่งมีวิธีไปปฏิบัติหรือเร่ง ยิ่งสะสมโลภะ สะสมตัวตนเข้าไปอีก ยืดเวลาสังสารวัฏฏ์ เข้าไปอีก ที่ว่าหมดทุกข์นั่นจริงๆ อาจแค่กดทุกข์ไม่ให้รู้สึกค่ะ
ก่อนฟังธรรมะ ก็รู้สึกอยากละโน้นละนี่ ไม่ได้ดั่งใจก็หงุดงิด โกรธก็ง่าย งมงาย เชื่อผิดๆ พอฟังใครพูดถึงผลจะตามมาถ้าไม่ทำตาม ก็ฟุ้งซ่าน สมองและจิตใจ ไม่ ต้องทำอะไรเลย จมอยู่กับวังวน อธิฐานแล้วอธิฐานอีก ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พอได้ฟังธรรมจากรายการแนวทางเจริญวิปัสสนาจากท่านอจ.สุจินต์มาพอสมควรก็พอ ให้เข้าใจได้บ้าง และพยายามจะเข้าใจสภาพธรรม ก็ไม่ได้ผล เพราะเรายังไม่ปัญญา พอตอนนี้ขณะนี้ก็บอกกับตัวเองว่า ขอฟังธรรมเพื่อขัดเกลาจิตใจ ก่อนดีกว่า และ สักวัน ความเข้าใจสภาพธรรม ก็คงเกิด พระธรรมไม่ใช่ของง่ายเลย จะได้ต่อบุคคล ที่สนใจเท่านั้น
ขออนุโมทนาครับ