(ดอกไม้บูชาพระธาตุด้วยกุศลสัทธา ณ กาลครั้งหนึ่ง)
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ถอดเสียงจาก ชุดปกิณกธรรม แผ่นที่ ๑๑ ครั้งที่ ๖๓๙
สนทนาธรรมที่หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ ๑ พ.ศ. ๒๕๔๕
โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
"กังวลกับกิเลสยังไง ... กิเลสก็ยังมี"
ที่จริงแล้ว เราจะกังวลถึงกิเลสที่เรามี ยังไงๆ ก็มีค่ะ มีแล้วไปกังวล ความกังวลนั้นก็เป็นกิเลสเพิ่มเข้าไปอีก นี้แน่นอนที่สุด
เพราะฉะนั้น จะกังวลกับกิเลสที่เรามี หรือว่า จะอบรมเจริญปัญญาขึ้น เพื่อปัญญาเค้าจะได้ทำหน้าที่ของเขา เพราะว่าจริงๆ แล้ว เราคิดว่า "ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา" .... แค่คิดว่าเป็นอนัตตา ....ไม่ใช่การรู้จริงๆ
ถ้าเป็นความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น ไม่มีการที่เราจะไปทำอะไรด้วยความเป็นเรากับกิเลสที่มี แต่ว่าต้องรู้ว่าเป็นหน้าที่ของปัญญาเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เราก็อบรมเจริญปัญญาให้มากขึ้น ... นี่เป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว (ล่ะ) ก็ อะไรจะไปละคลาย จะไปหน่าย ไปดับกิเลสไมได้เลย คิดสักเท่าไร ก็ไม่ใช่หนทางจะละคลายหรือดับกิเลส
ต้องเป็นปัญญา ถ้ารู้จริงอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไปกังวลเรื่องของกิเลสซึ่งมีอยู่แล้วใช่ไหม แต่ก็สะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูกไม่ว่าจะฟังอะไร ได้ยินอะไร พิจารณา ไตร่ตรอง จนกระทั่งเข้าใจในสิ่งนั้น คำนั้นจริงๆ
แม้แต่คำว่า "อนัตตา" เราก็ลืมไปละ เดี๋ยวก็เป็นตัวเรา เป็นอัตตาอยากจะไม่มีกิเลสอีกแล้ว เป็นอัตตาที่จะท้อถอยจากความอดทนอีกแล้ว แต่ถ้าเป็นอนัตตา ก็เป็นธรรมดา ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ ก็ไม่มีอะไรที่จะกั้นสติสัมปชัญญะซึ่งสามารถเกิดได้แม้ในขณะนี้
ถ้าเป็นความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น ไม่มีการที่เราจะไปทำอะไรด้วยความเป็นเรากับกิเลสที่มี แต่ว่าต้องรู้ว่าเป็นหน้าที่ของปัญญาเท่านั้น
ขออนุโมทนาครับ
เป็นเครื่องเตือนใจที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
"กังวลกับกิเลสยังไง ... กิเลสก็ยังมี"
ต้องเป็นพระอรหันต์ ท่านจึงจะไม่มีความกังวล ไม่มีกิเลสค่ะ
สุขหนอ สุขหนอ ฯลฯ
ขออนุโมทนาครับ