สนทนา ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๗
[เล่มที่ 16] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 229
[๓๓๐] สัทธรรม ๗ ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
๑. เป็นผู้มีศรัทธา
๒. เป็นผู้มีหิริ
๓. เป็นผู้มีโอตตัปปะ
๔. เป็นผู้มีพหูสูต
๕. เป็นผู้ปรารภความเพียร
๖. เป็นผู้มีสติมั่นคง
๗. เป็นผู้มีปัญญา.
๔. ทุติยโกธสูตร
[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ หน้า ๒๘๖
[๘๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัทธรรม ๗ ประการนี้ ๗ประการเป็นไฉน คือ อสัตบุรุษเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ๑ ไม่มีหิริ ๑ไม่มีโอตตัปปะ ๑ ไม่มีสุตะ (ไม่สดับฟังพระธรรม) ๑ เป็นผู้เกียจคร้าน ๑ มีสติหลงลืม ๑ มีปัญญาทราม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัทธรรม ๗ ประการนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัทธรรม ๗ ประการนี้ ๗ ประการนี้เป็นไฉน คือสัตบุรุษเป็นผู้มีศรัทธา ๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑ เป็นพหูสูต ๑ปรารภความเพียร ๑ มีสติ ๑ มีปัญญา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสัทธรรม ๗ ประการนี้แล.
คำว่า "สัทธรรม" หมายถึงธรรมของผู้สงบคือสัตบุรุษ ในพระไตรปิฎกแสดงไว้หลายนัยคือ บางแห่งแสดงสัทธรรม ๓ บางแห่งแสดง ๔ บางแห่ง ๗ บางแห่ง ๘ บางแห่ง ๑๐ เป็นต้น
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ หน้าที่ 129
บทว่า สทฺธมฺมฏฐิติยา ความว่า สัทธรรมมี ๓ อย่าง คือ ปริยัตติสัทธรรม ปฏิปัตติสัทธรรม อธิคมสัทธรรม. บรรดาสัทธรรม ๓ อย่างนั้น พุทธวจนะแม้ทั้งสิ้น ชื่อว่า ปริยัตติสัทธรรม สัทธรรมนี้คือธุดงค์คุณ ๑๓ จาริตศีล วาริตศีล สมาธิ วิปัสสนา ชื่อว่า ปฏิปัตติสัทธรรม โลกุตรธรรม ๙ ชื่อว่า อธิคมสัทธรรม
สัทธรรมนั้นแม้ทั้งหมด เพราะเหตุที่เมื่อมีบัญญัติสิกขาบท ภิกษุทั้งหลายย่อมเรียนสิกขาบทวิภังค์แห่งสิกขาบทนั้น และพระพุทธวจนะอื่น เพื่อส่องความสิกขาบทและวิภังค์นั้น และเมื่อปฏิบัติสิกขาบทตามที่ทรงบัญญัติ บำเพ็ญข้อปฏิบัติย่อมบรรลุโลกุตรธรรมพี่พึงบรรลุด้วยข้อปฏิบัติ ฉะนั้น พระสัทธรรมจึง
ท่านอาจารย์: ที่มูลนิธิศึกษา และเผยแพร่พระพุทธศาสนา เราต้องมีผู้ที่รู้ภาษาบาลีอย่างดี เพราะเหตุว่า ต้องถูกต้องทั้งพยัญชนะ และอรรถ หรือเพราะทั้งอรรถ ความหมายที่ทุกคนเข้าใจได้ แต่พยัญชนะต้องสมบูรณ์ด้วย
คนไทยที่ไม่ได้ศึกษาบาลี จะไม่รู้เลยว่า คำนี้ อย่าง สันติ เป็นความสงบ แต่ถ้าจะพูดถึงธรรมที่สงบใช้ คำว่า สัท +ธรรม สัทธรรม ไม่ใช้ คำว่า สันติธรรม
เพราะฉะนั้น สนใจที่จะเข้าใจ คำว่า สัต + ตะ คือ ๗ สัต + ตะ + ธรรมะ หรือ สัทธรรม สัท + ทะ + ธรรมะ
ตอนนี้เข้าใจแล้วนะ สัต + ตะ + ธรรมะ สัตตธรรมะ ๗ อะไรก็ได้ ๗ ๗ ๗ นะ พูดถึง ๗ ธรรมะนี้ หรือ ๗ ธรรมะนั้น หรือ ๕ ธรรมะนี้ หรือ ๕ ธรรมะนั้นก็ได้
แต่ถ้า สัทธรรม (สัท + ธรรมะ) หมายความถึง ธรรมที่สงบของผู้สงบ
อาคิ่ล: ครับ
ท่านอาจารย์: สนใจ สัทธรรมะ ใช่ไหม?
อาคิ่ล: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ดิฉันจะขอเชิญให้คุณคำปั่นกล่าวถึง สัทธรรมะ
อ.คำปั่น: กราบเท้าท่านอาจารย์ กราบสวัสดี อ.สุคิน และทุกท่านด้วยครับ ก็อย่างที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงความหมายของสัทธรรม ก็คือธรรมที่สงบ หรือธรรมของบุคคลผู้สงบ ธรรมที่ทำให้ถึงสงบ ซึ่งคำว่า สัทธรรม จะปรากฏมากมายหลายที่มากเลยครับ
แต่ที่ ท่านอาจารย์ กำลังจะกล่าวถึงก็จะกล่าวถึง ธรรม ๗ ประการที่เป็น สัทธรรมะ ทั้ง ๗ ครับ
ท่านอาจารย์: คุณสุคิน เราจะสรุปธรรมดาง่ายๆ ไม่ใช่สำหรับคนที่รู้เรื่องภาษา แต่สามารถที่จะเข้าใจความหมายได้
สัต + ตะ = ๗
สันติ = สงบ
แต่เราแต่เราไม่พูดว่า สันติธรรมะ แต่เราพูดว่า สัทธรรมะ (สัท + ธรรมะ)
เพราะฉะนั้น จะพูดถึง สัต + ตะ + ธรรมะ อะไรก็ได้ที่เป็นธรรมะ ๗ เป็นสัตตธรรมะ
เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะพูดถึง สัทธรรม ๗ หมายความว่า พูดถึงธรรมที่สงบ ๗ ของผู้สงบ
ถ้าเราไม่รู้ความหมายของ คำว่า สงบ เราจะสามารถจะเข้าใจ สัทธรรม ๗ ได้ไหม?
อาคิ่ล: ไม่ได้
ท่านอาจารย์: นี่คือความละเอียดความลึกซึ้ง เพราะ สัทธรรม อยู่ไหน?
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ และกราบยินดีในกุศลของคุณสุคิน ผู้ถ่ายทอดคำท่านอาจารย์เป็นภาษาฮินดีค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ